โฆษกเพื่อไทยคาดทีมแก้ รธน.พรรคร่วมได้ข้อสรุป 17 ธ.ค. ยันไม่เกี่ยวรัฐบาล หนุนทุกฝ่ายถือฤกษ์วันรัฐธรรมนูญร่วมชำเรา ย้ำเป็นนโยบายต้องขับเคลื่อน ซัด “มาร์ค-เทือก” ร้อนตัว แต่จ้อสุดมั่วอ้างศาลเอี่ยวดันคดีด้วย จี้ยุติเบี่ยงเบนประเด็น เย้ยพูดปากล้าขาสั่นไม่เอาปรองดอง ไล่กรรมการสิทธิฯ ไปพบจิตแพทย์ หลังเรียก “เหลิม-อดุลย์” สอบสลายม็อบเสธ.อ้ายตามหน้าที่ คาดได้ชื่อคนลงผู้ว่าฯ กทม.กลางมกราฯ ปีหน้า
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ว่าขณะนี้ทางพรรคฯยังรอข้อสรุปของคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อศึกษาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 ที่มีนายโภคิณ พลกุล เป็นประธานฯ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะนำข้อสรุปดังกล่าวเข้าที่ประชุมพรรคฯเพื่อหารือร่วมกันอีกครั้ง รวมถึงเพื่อให้ทันสมัยการประชุมสามัญนิติบัญญัติ ทั้งนี้ วาระ 3 ที่ยังค้างในวาระการประชุมสภาฯ มองว่าเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาที่จะต้องหารือร่วมกัน ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ขณะเดียวกัน วันที่ 10 ธ.ค.ซึ่งถือเป็นวันรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกฝ่ายจะได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมย้ำว่าการแก้ไขในประเด็นดังกล่าวถือเป็นนโยบายของทางพรรคฯ ดังนั้น ทางพรรคฯ จะต้องขับเคลื่อนตามนโยบายต่อไป ทั้งนี้ เป็นที่น่าแปลกใจว่ากระบวนการแก้ไขดังกล่าวยังไม่ผ่านวาระ 3 เหตุใดทางพรรคประชาธิปัตย์ จึงออกมาคัดค้านโดยลืมที่มาของรัฐธรรมนูญปี 50 ว่ามาจากรัฐประหาร โดยเชื่อว่าขณะนี้ฝ่ายตรงข้ามมีกระบวนการทำลายความชอบธรรมของรัฐบาล ผ่านสื่อโชเชียลมีเดีย เคเบิลทีวี และวิทยุชุมชน
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวโจมตีดีเอสไอมีการตั้งธงร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อบีบให้เข้าร่วมกระบวนการปรองดอง และแลกคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ซึ่งเป็นลักษณะการพูดที่ร้อนรน จวนตัว จากการกระทำที่ผิดพลาด ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวไม่เฉพาะเพียงแค่ดีเอสไอ ยังมีศาล อัยการที่ร่วมกันพิจารณาด้วย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ระบุว่ายอมรับโทษโดยไม่เข้าร่วมการปรองดองนั้นถือเป็นการพูดที่ปากกล้าขาสั่น พร้อมเรียกร้องให้บุคคลทั้งสองยุติการพูดเบี่ยงเบนประเด็น แล้วนำเวลาไปเตรียมหลักฐานเพื่อสู้คดีจะดีกว่า ทั้งนี้เชื่อว่าในวันที่ 13 ธค.นี้ ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายุสเทพ จะไม่เลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาอีก
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ทำหนังสือเรียก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ องค์การพิทักษ์สยาม และสื่อมวลชน เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงในเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมองว่าเป็นเรื่องแปลกที่ในอดีตกรรมการสิทธิฯ ไม่เคยเรียกรัฐบาลนายอภิสิทธิ์มาสอบสวนกรณีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 53 ซึ่งถือเป็นการเลือกปฎิบัติ ดำเนินการสองมาตรฐานอย่างชัดเจน พร้อมระบุว่ากรรมการสิทธิฯ ควรไปหาจิตแพทย์ และทำงานให้คุ้มค่ากับภาษีประชาชน
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงการคัดสรรตัวผู้สมัครที่จะเป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ว่า ทางพรรคฯพร้อมส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 17 ก.พ. 56 ซึ่งขณะนี้ได้มีการเสนอรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมมากกว่า 1 รายชื่อ แต่ทางพรรคฯยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน โดยในวันที่ 25 ธ.ค.นี้จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคฯ ซึ่งคาดว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้ามาหารือ เพื่อให้ได้รายชื่อผู้สมัคร ภายในกลางเดือน ม.ค. 56
