xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 7 ธ.ค.2555 (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรองทอง- ไล่ล่า กดดัน ขู่ นี่แค่คุณผึ้ง ก่อนหน้านี้คุณครูโรงเรียนนานาชาติ นักข่าวถามคำถามไม่เข้าหูนายกฯ ก็โดน จัดให้หนักหน่อยถ้าเจอ ดาราแสดงความเห็น โดนไล่ล่ากลางพัทยา

สนธิ- น้องตั๊ก เลยได้บุญกุศล ทำบุญไว้เยอะ เลยได้คุณบุญชัยไป ได้พันล้านหมื่นล้าน

จินดารัตน์- จากกรณีนี้คนพูดกันเยอะว่า เตือนอุ๊งอิ๊งเหมือนกัน อย่างที่คุณสนธิบอกว่า น่าจะไปบอกพ่อ ตราบใดไม่บอกพ่อให้กลับมาติดคุก รับผิด ต่อไปนี้บินไปไหนจะระทึกตลอดเวลาเพราะคนที่ยับยั้งช่างใจมีสติก็ไม่ได้มีอย่างคุณผึ้งทุกคน

สนธิ- เผลอๆ เขาอาจจะซื้อเครื่องบินให้ลูกเขาคนละลำ

กรองทอง- อย่างการ์ตูนที่ลงในผู้จัดการ

จินดารัตน์- โอ๊คออกมาปลอบใจน้อง

สนธิ- ผมเห็นใจและไม่เห็นใจ เห็นใจคือ คนเราต้องรักพ่อตัวเอง รักพี่รักน้อง แต่ผมไม่เห็นใจตรงที่ว่า เวลารักอย่ารักแบบตาบอด แต่มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เรื่องของครอบครัวบางทีต้องตัดใจ ต้องปล่อย ต่อให้พ่อเลวแค่ไหน ในสายตาของลูกพ่อยังเป็นคนดี แสดงว่าปัญหาไม่อยู่ที่ลูก ปัญหาอยู่ที่พ่อ

กรองทอง- พ่อแม่รังแกฉัน

สนธิ- เพราะถ้าพ่อรู้ตัวเองทำไม่ดีแล้วกระเทือนถึงลูก พ่อต้องไม่ทำ

จินดารัตน์- หรือแม้แต่ใช้น้องสาวเป็นเครื่องมือ ถ้ารักน้องจะไม่ทำกับน้องแบบนี้ คนหัวเราะเยาะทั้งประเทศ ด่าสาปส่ง โดยเฉพาะพี่โสภณ

สนธิ- โธ่เอ๊ย วันเฉลิมพระชนพรรษา วันที่ 5 โดนแค่นี้คุณไม่รู้สึกบ้างหรอ

จินดารัตน์- เขารู้หรือเปล่า

สนธิ- เขาไม่รู้เพราะเขาเป็นออทิสติก เริ่มเชื่อหรือยังว่าเขาน่าจะเป็นออทิสติก

จินดารัตน์- จีเนียสอยู่เรื่องเดียว เรื่องโง่ๆ มาถึงคำถาม

สนธิ- เรื่องคำถาม ผมมีเรื่องเรียนให้ท่านผู้ชมทราบ คำถามมีเยอะมาก ผมกำลังคิดอย่างนี้ เดือนนึง 2 ครั้ง 2 อาทิตย์ครั้ง อาจจะเป็นวันเสาร์หรืออาทิตย์ ผมอาจจะจัดรายการพิเศษเพื่อตอบคำถามอย่างเดียว ตอบเป็นเรื่องๆ เป็นข้อๆ คือมีหลายคำถามอยากตอบแต่เวลาไม่มี เช่น เรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ผมอยากตอบ เรื่องเกี่ยวกับลูก เรื่องเกี่ยวกับการศึกษา อยากตอบมาก แต่เวลาไม่มี 2 อาทิตย์ครั้งนึง แจ้งล่วงหน้า หรือวันอาทิตย์ 2 ชั่วโมงเต็ม ตอบคำถามอย่างเดียว ดีไหม

กรองทอง- ดีค่ะ คนดูคงดีใจ

จินดารัตน์- งั้นเอาคำถามนี้ก่อนเกี่ยวเนื่องกับเด็ก เยาวชน กับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย คุณเอื้อมเดือน ถามว่า พาลูกสาวไปสอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยลาดกระบัง อาจารย์ถามว่าอยากเรียนด้านไหน ลูกสาวตอบอยากเรียนด้านปิโตรเคมี อาจารย์ถามว่า เพราะอะไรอยากเรียนด้านนี้ ลูกสาวตอบว่า เพราะประเทศไทยมีแหล่งพลังงาน เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาก น่าจะมีงานและโอกาสในการหางานได้ง่าย อาจารย์บอกว่า ไปเอามาจากไหน ประเทศเราไม่มีพลังงานที่ว่าหรอก ถ้ามีเราจะใช้น้ำมันราคาแพงอย่างทุกวันนี้หรอ เท่านั้นไม่พอ อาจารย์คนนี้ยังหันไปถามอาจารย์ที่นั่งสัมภาษณ์ข้างๆอีกคน อาจารย์คนนั้นบอกว่าไม่มี แล้วพากันหัวเราะใส่หน้าลูกสาวดิฉัน

สนธิ- คำตอบสั้นๆ คุณเอื้อมเดือน นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า สังคมไทยแม้กระทั่งอาจารย์ก็ยังมีอาจารย์โง่ๆ พอไหมคำตอบนี้

จินดารัตน์- คุณเอื้อมเดือน ลูกสอบไม่ติดไม่เป็นไร

สนธิ- ไปอยู่ที่อื่น

กรองทอง- เรื่องธุรกิจเศรษฐกิจ คุณต้น ต่อไปนี้เราสมควรขยายธุรกิจหรือประคอง ความเสี่ยงตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

สนธิ- ผมห่วงเรื่องความเสี่ยงภัยธรรมชาติมากกว่า ผมคิดว่าประคองไว้ดีที่สุดอย่าเพิ่งขยาย มีคนๆ หนึ่งถามว่า มีคอนโดอยู่สุทธิสาร อินทามาระ 45 ซื้อดีไหม 2.49 ล้าน ผมบอกว่า ณ เวลานี้ รอให้ผ่านปีหน้าไปก่อน ดูว่าภัยธรรมชาติจะร้ายแรงไหม ประมาณปี 56 เพราะผมไม่แน่ใจ ถ้าคุณซื้อคอนโดแล้วเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ สูง 2-3 เมตร 6 เดือน คุณไม่ตายหรอ สูญเลยเก็บไว้ก่อน

จินดารัตน์- คุณสัญญาถามว่า สินค้าจีนที่เข้ามาในไทยมากๆ ทั้งอุปกรณ์ไอทีและอุปกรณ์การเกษตร เครื่องจักร นิคมสินค้าที่ไทยตกลงสร้างกับจีน ที่บางนา จะมีผลดีผลเสียอย่างไรในอนาคต เรียนภาษาจีนดีไหม

สนธิ- ภาษาเรียนมากดีอยู่แล้ว ภาษาจีนเป็นภาษาที่ดี ผมคิดว่าคำถามค่อนข้างกว้าง เอาเป็นว่า ตอนนี้อย่างไรก็ตามเราหนีอิทธิพลของจีนไม่พ้น แต่เราจะทำอย่างไรให้ตัวเราอยู่รอดให้ได้ในขณะนี้ ขณะนี้เมืองไทย อาทิตย์ที่แล้วเราพูดเรื่องค่าแรง 300 ผมบอกว่า ค่าแรงเราอย่ากำหนดขั้นต่ำต้องเท่าไหร่ให้ลอยตัวดีที่สุด คือ ใครเหมาะทำอาชีพอะไร คือ เมืองไทยยิ่งวันยิ่งสั้นเพราะคนโง่เยอะ ทำอย่างไรจะพัฒนาปัญญาคนให้สูงขึ้น เร็วขึ้น ทำอย่างไรจะพัฒนาทักษะคนให้มากขึ้น ที่สำคัญคือ ทำอย่างไรให้นักเรียนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ตรงนั้นเป็นวาระสำคัญที่สุดของชาติบ้านเมือง เพราะถ้าเราแก้ตรงนี้ไม่ได้ชาติเราล่มสลาย

จินดารัตน์- คุณวาสนาเล่าให้ฟัง หลานเล่าให้ฟัง อาจารย์ ม.ปลายบอกว่า เรื่องนี้ครูไม่สอนนะเอาไว้เรียนที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยบอกว่า เรื่องนี้ครูขอข้ามนะเธอน่าจะเรียนแล้วตอนม.ปลาย ..... แล้วลูกหลานเราจะเป็นอย่างไรบ้าง

สนธิ- ก็อยู่อย่างที่มันอยู่อย่างนี้ อันนี้คือปัญหาใหญ่

กรองทอง- นี่เหมือนมุก

สนธิ- มันเป็นเรื่องจริง คือยังไงดี ผมคิดว่ามันจะมี 2 อย่าง มหาวิทยาลัยเอกชนมีคุณค่ากับสังคมไทยในหลายๆ ด้านถ้าเราใช้เขาให้เป็น ในขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยรัฐก็มีคุณค่า แต่ถ้าวันใดก็ตามมหาวิทยาลัยรัฐ ผมเคยพูดเรื่องนี้แล้ว เพิ่มภาคพิเศษเพื่อแย่งมหาวิทยาลัยเอกชน ในที่สุดแล้วมหาวิทยาลัยรัฐจะใส่หมวก 2 ใบ เป็นทั้งรัฐและเอกชน เพราะภาคพิเศษเก็บค่าเล่าเรียนสูงขึ้น ในขณะเดียวกันต้องให้เงินอาจารย์มากขึ้น หรือเอาอาจารย์ข้างนอกมาสอนเพิ่ม ถามว่าต่างกันตรงไหน ไม่ต่างกับเอกชน ในที่สุดแล้วคุณค่ามหาวิทยาลัยรัฐตก ช่วงหลังมหาวิทยาลัยรัฐหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตร คุณภาพตก ต้องยอมรับ แท้จริงแล้วรัฐควรเน้นคุณภาพการศึกษา ในขณะเดียวกัน เอกชนใช้ตลาดเป็นตัวกำหนด ตรงนี้สำคัญมาก เพราะถ้าจบบัญชีจากหอการค้า หรือ ม.กรุงเทพ แล้วฝีมือทำบัญชีสู้พวกจบธรรมศาสตร์ จุฬาฯ เกษตร ไม่ได้ เด็กจบบัญชีหอการค้า ม.กรุงเทพ จะไม่มีงานทำ ผลตรงนี้จะสะท้อนกลับไปที่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยต้องพัฒนา เพราะเขาจะรู้ว่าเด็กจบแล้วที่ไหนก็ไม่รับ จะบังคับให้เอกชนพัฒนาตัวเอง บังคับให้เอกชนหลายแห่งเลิกทำตัวใหญ่ ขยายสาขา เริ่มหันกลับมาเน้นในหลายจุด เช่น ม.รังสิต ของ ดร.อาทิตย์ มีหลายจุดซึ่งเป็นจุดแข็ง ผมคิดว่าถ้าเขาเน้นจุดต่างๆ ให้ดี แล้วยกเลิกหลายจุดซึ่งไม่จำเป็น ผมคิดว่าคณะแพทย์ของ ม.รังสิต ใช้ได้ เพราะเขาผลิตเกือบ 20 รุ่นแล้ว ถ้าทุ่มไปที่คณะแพทย์ คณะทันตแพทย์ คณะนิเทศ ด้านแอนนิเมชั่น ภาพยนตร์ ผมคิดว่าไปได้ดี เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยเอกชนจะมีบทบาทของตัวเองในจุดบางจุดซึ่งตัวเองคิดว่าทำได้ และมหาวิทยาลัยรัฐทำไม่ได้ แต่มหาวิทยาลัยรัฐต้องเน้นคุณภาพ การวิจัย งานวิชาการ ถ้าอย่างนั้นโอเค อย่ายึดระบบจ่ายครบจบแน่ ถ้าจ่ายครบจบแน่เมื่อไหร่ก็ฉิบหายแน่เหมือนกัน กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ใครเรียนปริญญาโท ค่าเล่าเรียนแพงจบแน่นอน แล้วไปเรียนทำไม หลายๆ วิชา หลายๆ ภาควิชา ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือรัฐ เช่น การท่องเที่ยวการโรงแรม มีความจำเป็นหรือ การท่องเที่ยวการโรงแรมต้องเรียนถึงปริญญาตรี แค่ ปวส.ก็พอ เป็นวิชาชีพ เน้นหนักๆ เน้นเรื่องการโรงแรม ที่ผมเห็นเขาเรียน ไม่ได้เรียนไปเพื่อเป็นผู้จัดการโรงแรม เริ่มเป็นฟร้อน ทำงานห้องอาหาร แผนกแม่บ้าน ในที่สุดด้วยลักษณะของงาน ทักษะที่ต้องใช้ ปวส.พอแล้ว แต่เน้นปฏิบัติให้เก่ง แต่ตอนนี้ทุกแห่งมีหมด ธุรกิจการบิน เพื่อเป็นแอร์ ทำงานคาร์โก้ เมืองไทยมีสายการบินกี่สาย แม้กระทั่งภาควิชาการละคร ธรรมศาสตร์ มศว จุฬาฯ ม.กรุงเทพ ม.รังสิต ทำอย่างกับว่าเมืองไทยมีละครให้เล่นเต็มไปหมด

จินดารัตน์- จริงๆ ไม่ต้องเรียนก็ได้น้ำเน่าขนาดนั้น

สนธิ- แค่นมโตๆ หน้าตาดีๆ ก็เข้าได้แล้ววงการนี้

กรองทอง- คุณประเสริฐ น้ำด่างซื้อเครื่องมาแล้ว ออกนอกบ้านเติมใส่ขวดพกไปกินได้ไหม

สนธิ- ได้ แต่น้ำด่างมีอายุไม่เกิน 3-4 วัน

จินดารัตน์- ใช่ค่ะ ประมาณ 4 วัน คุณแพรถามว่า ถ้าจะเรียนต่อด้านภาษา สิงคโปร์ดีไหม

สนธิ- โนโมล่ะ สิงคโปร์ ภาษาอังกฤษเรียกว่า ซิงกรีซ สิงคโปร์เป็นภาษาอังกฤษที่อุบาทว์ที่สุด ผมว่าอย่าไปเรียนเลย

กรองทอง- ถ้าจะเรียนภาษาต้องไปที่ไหน

สนธิ- พูดถึงภาษา นอกเรื่องนิดนึง แต่จะอยู่ในเรื่องที่อยากรู้ วิธีเรียนภาษาอังกฤษที่ได้ผล ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวเรา ผมโตขึ้นมาโชคดีกว่าคนอื่น เพราะตอนที่เรียนมัธยม มศ.5 มศ.6 อัสสัมชันศรีราชา สอนภาษาอังกฤษ โชคดีเราได้บาทหลวงจบจากลอนดอน จบจากยุโรป ตำราภาษาอังกฤษ มีครูภาษาไทยคนเดียว ปรากฎว่าการเรียนโดยสอนจากอาจารย์ที่เป็นภาษาอังกฤษจริงๆ ประวัติศาสตร์ ผมเรียนประวัติศาสตร์โลก เพราะฉะนั้นประวัติศาสตร์ไทยจะไม่แม่น แต่ประวัติศาสตร์โลกจะเก่ง ทำให้ภาษาเข้าหู แต่ยุคนี้คนส่งลูกไปเรียนอินเตอร์ หรือเรียนไฮสคูลเมืองนอก แต่เนื่องจากม.1-6 ผมอยู่อัสสัมชันศรีราชา เลยมีความเป็นไทย ม.7 ม.8 เรียนภาษาอังกฤษ เป็นส่วนผสมที่ลงตัว จบไปเรียนต่อเมืองนอก เข้ามหาวิทยาลัยปีแรกฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง พูดได้ คนที่ไม่เคยมีโอกาสแบบนี้

ถ้าอยากเรียนภาษา คนที่เรียนภาษา วัตถุประสงค์ 1 อยากพูดได้ 2 อยากฟังออก ในความฝันอยากพูดสำเนียงที่ดี ผมจะแนะ ข้อแรกฟังเพลงให้เยอะๆ แต่ต้องเลือกเพลงที่นักร้องร้องชัดๆ ข้อสอง เลือกหนัง ที่ไม่ใช่หนังสมัยใหม่ ดูครั้งแรกให้เข้าใจเรื่อง มีซัพไทย เบ็ดเสร็จต้องดู 5 รอบ จนกระทั่งเข้าใจเรื่อง รอบที่ 6 จะรู้ว่าพูดอย่างไร เราพูดตาม แต่อยู่ในห้องคนเดียวนะอย่าให้ใครอยู่ด้วย เดี๋ยวว่าเราบ้า พูดไปเรื่อยๆ ผิดถูกช่างมัน 7,8,9,10 เริ่มครั้งที่ 12 13 เราเริ่มพูดเหมือน ดูไป 20 ครั้ง นี่เรียนภาษาอังกฤษ 40 ชั่วโมง จากหนัง เริ่มพูดแล้วดูซัพ จะได้รู้ว่าที่พูดแปลว่าอะไร พ้น 40 ชั่วโมงเปลี่ยนเป็นซัพภาษาอังกฤษ พอมันเริ่มพูด อ่านภาษาอังกฤษพูดตามเลย เริ่มเข้าสำเนียง หนังเรื่องหนึ่งศึกษาดีๆ ใช้เวลา 80 ชั่วโมง 50 ครั้ง ภาษาเริ่มโอเค แล้วค่อยเปลี่ยน นี่คือการลงทุนเรียนภาษาอังกฤษที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุด และได้ผลที่สุด เรียนด้วยตัวเอง เสร็จแล้วเริ่มเอาตำราเรียนด้วยตัวเองที่เป็นเทป ขายเป็นชุด มาเปิดฟัง เราอย่าเปิดฟังนี่ก่อนแล้วค่อยดูหนัง เริ่มจากยากก่อน เลือกหนังที่พูดฟังรู้เรื่อง ต้องเป็นดาราพูดชัด หนังเก่าดาราจะพูดชัด หนังผิวดำไม่ได้ สำเนียงฟังยาก

กรองทอง- สโนว์แบล็ก อยากถามคุณสนธิเวลาเหนื่อยที่สุด เครียดที่สุด สุดๆ จริงๆ ทำอย่างไรให้ใจสงบและผ่านพ้นไปได้อย่างไร

สนธิ- ถ้าพูดจะหาว่าผมเว่อร์ ผมไม่เคยเจอในสภาพนั้น

จินดารัตน์- แม้กระทั่งช่วงเวลาคดีความ สถานภาพการเงินบริษัท หรือหนังสือพิมพ์ต้องปิดตัว ก็ไม่ใช่หรือคะ

สนธิ- ไม่ใช่ ตอนที่ผมล้มละลายปี 2540 - 41 ผมโทรศัพท์หาหลวงพ่อญา ผมเล่าให้ท่านฟัง ตอนนั้นผมล้มละลาย ผมกลัว ตกใจ ผมโทรหาท่าน ท่านหัวเราะ ท่านบอกโชคดีแล้ว โชคดียังไงครับหลวงพ่อ เราโชคดีที่สุดแล้ว ทำไมหลวงพ่อ อะไรเราเสียไปบ้าง ผมไม่มีสิทธิ์ทำนิติกรรมอะไร เงินในบัญชีมีไม่ได้ ทรัพย์สินขายหมด ท่านถามว่า แล้วใจยังอยู่รึเปล่า อยู่พ่อ นั่นละสำคัญที่สุด เสียอะไรอย่าเสียใจ เสียอะไรให้รักษาใจเอาไว้ ใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว

จินดารัตน์- ความหมายคือ ใจเป็นตัวกำหนดความทุกข์ ความสุข

สนธิ- ถูกต้อง แน่นอน ถ้าใจเราทุกข์ก็ทุกข์ ถ้าใจเราสุขก็สุข ถ้าเงินไม่มีจ่ายเงินเดือนก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ต้องบอกพรรคพวกไปตามความจริงมันไม่มีจริงๆ นะ ก็มีแค่นี้เอง ไม่ใช่เงินไม่มีจ่ายเงินเดือน เสือกมีเงินไปซื้อแหวนเพชรให้เด็ก อันนั้นไม่ได้ เพราะเราต้องบริสุทธิ์ใจกับตัวเรา สิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราคิดคือความจริง เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้เราก็ไม่ปฏิเสธมัน อย่างสมมุติว่าถ้าต้องติดคุก คือการเปลี่ยนที่นอน

จินดารัตน์- เลยกลายเป็นคนรอบข้างต่างหากที่ทุกข์มากกว่าคุณสนธิ คือจริงๆ ถ้าถึงวันนั้นแอนเดาได้เลยว่า คุณสนธิอาจจะไม่ได้รู้สึกว่ามันคือ..

สนธิ- วันที่โดนยิงก็ไม่ทุกข์นะ ไม่เคยคิดสักนิดเลยว่าเราต้องตาย เดินเข้าโรงพยาบาลเฉยเลย

จินดารัตน์- เดินหน้ามึนๆ

สนธิ- เดินเข้าโรงพยาบาลแล้วก็นอน

จินดารัตน์- เดินลงจากรถก่อนด้วย

สนธิ- เดินลงจากรถ ไอ้ยา บังยาน่ะ ถีบมันลงจากรถ เพราะมันอ้วน แล้วบอกให้ทุกคนแบกขึ้นรถ ส่งไปโรงพยาบาล แล้วเราค่อยนั่งรถไปที่โรงพยาบาลวชิระ แล้วเดินลงจากรถก็เดินหน้าตาเฉยเลยนะ เลือดก็ไหลหยดติ๋งๆๆ ไอ้อ๊อบก็ตามมา อ๊อบฝากพระหน่อย อ๊อบถามพ่อหน่อยสิว่าจะให้อาผ่าที่นี่ หรือให้ไปผ่าจุฬาฯ

กรองทอง- จัดการกันเอง

สนธิ- หน้าตาเฉยเลย ไม่รู้เรื่องเลย ส่วนผู้อำนวยการวชิระ มันเสื้อแดง คนมาถามมัน มันบอกแผลอย่างนี้ตายแน่นอน แต่โชคดีที่หมอที่ผ่าตัดเขาเป็นลูกศิษย์พี่ชายผม ลูกศิษย์พ่ออ๊อบ อ๊อบบอก คุณพ่อบอกว่าคนนี้โอเค ผ่าที่นี่ได้ แต่ผ่าเสร็จแล้วก็ไปพักจุฬาฯ ไม่ไว้ใจวชิระฯ เพราะผู้อำนวยการโรงพยาบาลมันเสื้อแดง เป็นเพื่อนสนิทสมัคร สุนทรเวช ชอบกับมันมาก

คือผมว่าคนเราถ้าผ่านได้ แม้กระทั่งความตาย แล้วยังนิ่ง พวกเราทุกวันนี้เราต้องเตรียมตัวตาย เพราะเราตายได้ทุกเวลานะแอน เราอย่าประมาท แล้วที่เราเห็นนะ ในทีวี เราเห็นยิ่งลักษณ์ เราเห็นนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นี่สมมุติทั้งนั้น มองย้อนหลังไปมันก็คืออดีตพนักงานไอบีเอ็ม นิวัฒน์ฯ เคยทำงานอยู่ไอบีเอ็ม มาทำงานชินวัตรคอมพิวเตอร์ รับใช้เขา เป็นขี้ข้าเขา จนในที่สุดเขาก็เห็นคุณงามความดี เขาเห็นว่าซื่อสัตย์เขาเลยให้ตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี แล้วยังไงล่ะ มันจะเป็นได้นานแค่ไหนล่ะ ดูสนั่น ขจรประศาสน์ สิ พี่หนั่นของผมน่ะ จำได้มั้ยที่ไปปรองดองครั้งแรก ไปหาผมที่ออฟฟิศ เดินลงมาผมก็เดินกอดคอ ตัวก็นิดเดียว ผมก็ตัวสูงโย่งตัวเบ้อเริ่ม เดินกอดแกก็เหมือนเด็ก เด็กแว้นๆ ตัวเล็กๆ โดนตำรวจตัวใหญ่ๆ ล็อกคอไว้ แล้ววันนี้อะไรล่ะ สนั่น ขจรประศาสน์ สมมุติมั้ย นอนไม่รู้เรื่องเลย เหมือนผัก เอ้าสนั่นหายไปไหน อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไปไหนล่ะ สนั่น ไวน์ขวดละสองแสน มีความหมายมั้ย ไม่มี ผมอยากให้เฉลิมดูสนั่นไว้เป็นตัวอย่าง สักวันหนึ่งเฉลิมก็ต้องเป็นอย่างสนั่น แล้ววันนั้น ความยิ่งใหญ่ของคุณ ความกร่างของคุณ หายไปไหน

จินดารัตน์- ปีนี้ได้ยืนหน้าแป้นแล้นอยู่ที่ทำเนียบฯ ปีหน้าอาจจะไม่ก็ได้

สนธิ- มันไม่ใช่เป็นที่ปี วันหนึ่งข้างหน้า ทุกคนจะต้องเป็นแบบสนั่น ทุกคนต้องตาย ผมน่ะอยากตายอย่างสง่าผ่าเผย สง่าผ่าเผยตายยังไงรู้มั้ย ตายอย่างมีสติ ตายอย่างไม่ทุกข์ ตายอย่างมีความรู้สึกว่าเราได้รับใช้ชาติบ้านเมือง รับใช้สังคม เราเป็นคนดีของสังคม ถึงเวลาที่เราต้องไปแล้ว ไม่ใช่ตายอย่างทุรนทุราย อย่างสนั่น ขจรประศาสน์ ไม่สบายครั้งนี้ นอนเป็นผักครั้งนี้ ทุรนทุรายมากนะ เผลอๆ ตัวเองไม่มีความรู้สึกแล้วนะ ปฏิกิริยาร่างกายตอบสนอง แต่สมองอาจจะไม่ตอบสนองแล้ว ถ้ามองย้อนหลังกลับไป ถ้าสนั่นมีสติอยู่ สนั่นต้องรู้ว่านี่คือเวรกรรม ตัวเองทำเวรกรรม พี่หนั่นนี่รู้จักกันมานานแล้ว รู้จักตั้งแต่แกออกมาจากคุก ตอนนั้นที่แกไปปฏิวัติกับ เสธ.หลาด พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ แกออกมาจากคุก แกขับรถปิกอัพเก่าๆ มานั่งกินกาแฟที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ผมยังเลี้ยงกาแฟแกเลย หลังจากนั้นอีกไม่นาน พออยู่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรี รวยฉิบหายเลย เอาเงินมาจากไหนก็ไม่รู้ โคตรรวยเลย เป็นเจ้าของฟาร์มนกกระจอกฯ มีวงมีไวน์ มีบ้านริมน้ำ แล้วยังไงล่ะ แล้วยังไงล่ะวันนี้

กรองทอง- วันนี้ก็นอนเฉยๆ อยู่

สนธิ- สู้ยังเป็นพี่หนั่นที่ขับปิกอัพอยู่ นั่งกินกาแฟเฮฮากับน้องสนธิ คุยกัน มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมือง วันนี้พี่หนั่นไม่สบายผมยังเต็มใจไปเยี่ยม จับมือพี่หนั่นมีอะไรผมช่วยได้ไหม แต่วันนี้ให้ไปผมก็ไม่ไป เรื่องสมมุติทั้งนั้น พวกนี้ไม่รู้ ชีวิตต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่เมื่อถึงเวลาเรียนรู้คุณก็ตายแล้ว ไม่มีโอกาส คุณรีบเรียนรู้ตอนนี้แล้วปล่อยวาง ความชั่วที่เคยทำให้เลิกซะ

จินดารัตน์- ทำความดีบ้างเพื่อจะช่วยได้บ้าง ปิดท้ายเรื่องร้อนๆ ที่ทำให้ดัชนีความสุขคนไทยลดลง จะแก้รัฐธรรมนูญ ถามว่าพันธมิตรฯ จะทำอย่างไร

สนธิ- เรื่องนี้ยังมีอีกหลายขั้นตอน ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งใจร้อน ประการแรก ศาลรัฐธรรมนูญบอกแล้วว่า อย่าผ่านวาระ 3 ถ้าผ่านวาระ 3 แสดงว่ามีเรื่องกับศาลรัฐธรรมนูญ ต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเอาอย่างไร ต้องดูทีละสเตป อย่าใจร้อน วันนี้ผมได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากพันธมิตรฯ อเมริกา เขียนต่อว่าผม ผมจะไม่ช่วย ASTV ไม่ดูแล้ว เหตุผล โกรธผมไม่ออกไปลุย โกรธที่ผมไม่ออกไปลุย เลยเลิกคบ หลายคนถึงขนาดที่ว่า ผมเคยบริจาคให้ทุกเดือน ผมจะเลิกบริจาค ไม่รู้จะทำอย่างไร แอนตอบซิผมจะทำอย่างไร

จินดารัตน์- อะไรๆ ก็กู ทำก็ด่าไม่ทำก็ด่า มีพันธมิตรฯ ที่อเมริกาหลายคนฝากให้กำลังใจ ที่สำคัญอยากได้เครื่องทำน้ำด่าง

สนธิ- เครื่องทำน้ำด่าง ผมคุยกับคุณนิพนธ์ เราจะส่งให้คุณนิพนธ์ขาย มีเครื่องทำน้ำด่างที่ขายอเมริกา 500 เหรียญ 1,000 เหรียญ เป็นของไม่ดี สเปกสู้เราไม่ได้ ราคาขายไม่ต่างกรุงเทพฯ ตอนนี้ขาย 35,000

จินดารัตน์- เรื่องระบบไฟ

สนธิ- เราต้องสั่งโรงงานเปลี่ยนเป็นไฟอเมริกา 110 เราจะขายประมาณ 1,300-1,500 เหรียญ 39,000-45,000 เพราะเราต้องส่งไป คิดว่ากำลังจะทำ เรื่องที่สอง ผมกำหนดแล้วว่า วันที่ 13 มกราคม ผมจะไปพูดที่ลอสแองเจลิส วันที่ 12 พูดที่ซานฟรานซิสโก ขากลับแวะญี่ปุ่น ยังไงก็ทันออกวันศุกร์

จินดารัตน์- หมดเวลาแล้ว คำถามเหลืออีกเยอะ แต่หมดเวลา

สนธิ- ผมต้องจัดตอบคำถาม 1 ครั้งต่อเดือน 2 -3 ชั่วโมงไม่เป็นไร

จินดารัตน์- คุณผู้ชมที่ใช้เฟซบุ๊ก เข้ามาฝากคำถามไว้ล่วงหน้า ทุกคำถามจะได้รับคำตอบ

สนธิ- ผมจะพยายามตอบทุกคำถาม ผมจะจัดเป็นหมวดหมู่ บางคำถามซ้ำกันจะตอบคำถามเดียว

จินดารัตน์- ส่วนลุง ป้า น้า อา ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ เขียนจดหมายมาเลย หรือไปรษณียบัตร

สนธิ- จ่าหน้าถึงผมโดยตรงก็ได้ ถามคำถาม ส่งไปที่ ASTV

จินดารัตน์- เขียน อาแปะ ASTV ยังถึงเลยค่ะ

กรองทอง- ใช่ บางทีหน้าซองจดหมายแค่ ASTV กรุงเทพฯ

สนธิ- สมัยก่อนที่เราประท้วงที่มัฆวาน ส่งไปที่มัฆวานเลย

จินดารัตน์- ขอบคุณสำหรับการติดตามชมในค่ำคืนวันนี้ เราจะมีสิ่งดีๆ อย่างนี้มานำเสนอให้คุณผู้ชมได้ชมกันทุกวันศุกร์ และจะเพิ่ม 1 วัน ไม่วันเสาร์ก็วันอาทิตย์ เดี๋ยวรอคำตอบจากคุณสนธิ ตอบคำถามล้วนๆ วันนี้ขอบคุณเจ้าของรายการ และขอบคุณคุณผู้ชม สวัสดีค่ะ


กำลังโหลดความคิดเห็น