ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน แนะสังคมจับตาศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับประมูล 3จี หรือไม่ พรุ่งนี้ คาดออกมา 3 แนวทาง อ้างแม้ถูกจำหน่ายคดีแต่ยังต้องลุ้น ป.ป.ช.เชือดฮั้วประมูล-ม.157 หรือไม่ ชี้ ดีเอสไอพยายามชี้นำศาลอ้างไม่มีฮั้วประมูล ทั้งที่ไม่ได้สอบเชิงลึก ซัดเป็นเครื่องมือการเมือง-ขาดความน่าเชื่อถือ
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางนัดฟังคำสั่ง ว่า จะกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาคือ สั่งระงับการออกใบอนุญาต 3จี ไว้จนกว่าศาลมีคำพิพากษาตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินร้องขอหรือไม่ ในวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) ว่า พรุ่งนี้สังคมต้องจับตาดูว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีการประมูล 3จี หรือไม่ ซึ่งคำสั่งศาลอาจจะออกมา 3 แนวทาง ทางแรกถ้าศาลพบว่าการประมูลครั้งนี้ ไม่มีการแข่งขันกันจริง ทำให้รัฐและประชาชนเสียหาย ศาลก็อาจมีคำสั่งยกเลิกการประมูลและให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค.ไปจัดประมูลใหม่ ทางที่สองอาจจะไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แต่ศาลอาจรับฟ้องซึ่งก็จะมีปัญหาตามมาว่า กทค.จะกล้าออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการหรือไม่ เพราะอาจมีปัญหาตามมาในภายหลัง
ทางที่สาม ศาลอาจจะไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และไม่รับฟ้องจำหน่ายคดีไปในคราเดียวกันด้วย ซึ่ง กทค.ก็ยังต้องไปลุ้นต่อในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.อีกขั้นหนึ่ง เพราะ ป.ป.ช.จะชี้ประเด็นเฉพาะคดีอาญา ความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แม้จะล่าช้าไปบ้างแต่กลไกตรวจสอบจะทำให้ทุกอย่างได้ข้อยุติ โปร่งใส และเป็นประโยชน์เป็นบรรทัดฐานให้กับในระยะยาว โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของบรรดาองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องถูกตรวจสอบตามกลไกรัฐธรรมนูญเช่นกัน ไม่ใช่เป็นอิสระที่อยู่เหนือการตรวจสอบ
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และ คณะกรรมการตรวจสอบการประมูลที่แต่งตั้งโดย กทค.จะชี้ว่าไม่มีการฮั้วประมูลไปแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าการตรวจสอบดังกล่าวไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ เหมือนความพยายามจะสร้างกระแสกดดันชี้นำศาลปกครองมากกว่า โดยเฉพาะพฤติกรรมของดีเอสไอ ที่ออกมาชิงสรุปเบื้องต้นว่าการประมูล 3จี โปร่งใสไม่พบการฮั้วประมูลใดๆ ทั้งที่ก็ยอมรับว่ายังไม่ได้สอบเชิงลึกหรือเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องไปสอบหรือให้ปากคำใดๆ ชี้ให้เห็นว่า ดีเอสไอเป็นมือสมัครเล่น กลายเป็นองค์กรทางการเมืองจนขาดความน่าเชื่อถือไปแล้ว หรือแม้แต่นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่อาสามาเป็นประธานคณะกรรมการสอบที่แต่งตั้งโดย กทค.ก็ควรถูกตำหนิ เพราะไม่มีหน้าที่อะไรที่จะมาชี้ถูกผิดในเรื่องนี้ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเจตจำนงของ กทค.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบเองเป็นการในนั้นเพื่ออะไร