“ส.ว.ไพบูลย์” ชี้จำนำข้าวเป็นปัญหาใหญ่แต่พลิกเป็นโอกาสได้ เพราะกำลังทำประชานิยมพัง ระบุปีหน้าคนจะเริ่มรู้ตัว มั่นใจประเทศไม่ล่มจม แต่ได้ชะล้างสิ่งไม่ดี และเริ่มต้นกันใหม่ ด้าน “พิภพ” ลั่นเลิกคิดพึ่งทหารมาเปลี่ยนแปลงประเทศ แนะพี่น้องพันธมิตรฯ ทำงานกับคนรากหญ้าให้มากขึ้น หวังช่วยให้หลุดจากความหลงในประชานิยม
วันที่ 29 พ.ย. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และนายพิภพ ธงไชย ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ดำเนินรายการโดยนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
นายพิภพกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ควรแก้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากปัจจุบันมีข้าราชการอยู่ในคณะกรรมการมากเกินไป ทำให้ข้อมูลถูกปิดมากกว่าถูกเผย การเข้าถึงข้อมูลข่ของฝ่ายตรวจสอบจึงยากลำบาก อีกทั้งยังช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมตรวจสอบ นำข้อมูลจากการอภิปรายฯ ไปดำเนินคดีต่อได้ เพราะยอมรับกันแล้วว่าในสภาไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลได้
นายพิภพกล่าวด้วยว่า นโยบายประชานิยมและโครงการใหญ่ๆ อย่างเช่นจำนำข้าว จะนำไปสู่วิกฤตทางการเงินและเศรษฐกิจ อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งชักใยรัฐบาลนี้อยู่มีจุดอ่อน คือ โลภและเหิมเกริม ความต้องการหลุดจากคดีความและได้เงินคืน จะทำให้รัฐไปสู่จุดจบ มีคนถามว่าประเทศจะฉิบหายหรือไม่ ตนตอบว่ามีปัญหาแน่ แต่ไม่ล้ม จะฟื้นขึ้นมาได้ แล้วปฏิวัติประชาชนจะมาถึงในตอนนั้น
ตอนนี้ประชาชนที่จะเปลี่ยนประเทศ ต้องคิดด้วยจะเปลี่ยนอย่างไร อย่าหวังพึ่งทหารหรือพระเอกขี้ม้าขาว ตอนนี้ประชาชนต้องทำหลายเรื่อง ที่สำคัญตนอยากให้พี่น้องพันธมิตรฯซึ่งเป็นคนชั้นกลาง ทำงานกับคนรากหญ้าให้มากขึ้น พวกเขาอาจไม่ใช่เสื้อแดงแต่หลงต่อประชานิยม
นายไพบูลย์กล่าวว่า ฝ่ายค้านลงมติไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเสียงรัฐบาลได้แน่นอน แต่การเปิดเผยข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ ขนาด ส.ว.มีคำสั่งเรียกขอเอ็มโอยูขายข้าว รัฐบาลยังไม่ยอมทำตามเลย คิดว่าถ้าไม่ส่งให้อีกจะดำเนินคดี แล้วสุดท้ายกระบวนการนี้จะไปอยู่ที่ ป.ป.ช.
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า ปัญหาที่จะเกิดขึ้นก็คือการรับจำนำข้าว ภาคอีสานฝนแล้งจึงไม่ได้ประโยชน์จากโครงการ แต่ภาคกลางได้ประโยชน์มหาศาล ประเด็นต่อมาคือ ข้าวที่เก็บไว้ระบายไม่ได้ ไม่มีทางที่จะหาตลาดได้ ส่วนฝ่ายตรวจสอบก็ต้องสืบต่อจน ป.ป.ช.สามารถชี้มูลเอาตัวคนผิดได้ ซึ่งก็จะเกิดประเด็นใหญ่และลุกลาม เรื่องนี้จะเห็นปัญหาในปีหน้า รวมกับเรื่องที่รัฐบาลสุมขึ้นมาเองด้วย เช่น แก้รัฐธรรมนูญ
ส.ว.สรรหายังกล่าวว่า ประชานิยมมีสองรูปแบบ คือ 1. นักการเมืองไม่ได้ประโยชน์ แต่ประชาชนเสพติด 2. ให้ไปแล้วนักการเมืองได้ประโยชน์มาก นักการเมืองจะเลือกทำอันที่สองก่อน ถ้าไม่มีอันที่สองให้ทำจะค่อยทำอันที่หนึ่ง เรื่องจำนำข้าวถ้าเปิดข้อมูลเทียบจริงๆ ชาวนาภาคอีสานจะรู้ว่าเขาถูกหลอก เพราะชาวนาภาคกลางได้ประโยชน์มากกว่าชัดเจน ถ้าจุดประเด็นให้เขาตื่นตัว และเสนอโมเดลไปช่วยชาวนาอีสานจริงๆ เป็นโมเดลที่นักการเมืองไม่ได้ประโยชน์ งบประมาณไม่เสีย เหมือนเป็นสวัสดิการช่วยชาวนาจนๆ พอชาวนาตื่นตัว ก็จะพัฒนาการไปเรื่อยๆ และจะสามารถมองออกถึงกลไกคอร์รัปชันของนักการเมือง ว่าทำให้สิ่งที่เขาควรจะได้ ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
“จำนำข้าวเป็นปัญหาใหญ่ แต่สามารถพลิกเป็นโอกาสได้ เพราะประชานิยมจะพังเพราะจำนำข้าวนี่แหละ ถ้าเรื่องไม่ใหญ่ ปัญหาจะเรื้อรัง รู้ตัวช้า แต่อันนี้มาเร็ว รู้ตัวเร็ว ปีหน้าคนจะเริ่มรู้ตัว และจะเกิดปัญหาหลายเรื่อง แต่จำนำข้าวเป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด สุดท้ายประเทศไม่ล่มจม เราจะผ่านไปได้ แต่ได้ชะล้างบางอย่างและเริ่มต้นกันใหม่” นายไพบูลย์ระบุ
