เกาะกระแส
00 ได้เห็นบรรยากาศการประชุมสภาสองสามวันที่ผ่านมายิ่งทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาพวกนักการเมืองที่ปากบอกว่าอาสาเข้ามารับใช้ประชาชน ทำหน้าที่เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชน ประกอบกับได้เห็นพฤติกรรม คำพูดคำจาแล้วสะท้อนให้เห็นว่า คนพวกนี้ไม่ต่างจาก “คนถ่อย” หรือเป็น “สภาของคนถ่อย” ไม่มีผิด เหตุผลและหลักการที่อ้างว่าทำเพื่อประชาชนนั้น เป็นแค่ “น้ำลายสกปรก” ที่พ่นออกมาเท่านั้น ทุกอย่างสวนทางกับความเป็นจริง และสิ่งที่นักการเมืองพวกนี้ย้ำอยู่ตลอดเวลา
00 ทั้งท่าทางและคำพูดของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ทั้งในและนอกสภาดูแล้ว “กักขฬะ” เถื่อนถ่อย ได้ใจจริงๆ แน่นอนว่าการกล่าวในทำนองเหยียดหยามทางเพศกับ ส.ส.หญิงในสภา คือ รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม จากพรรคประชาธิปัตย์ ในที่นี้ไม่จำเป็นว่าจะเป็น ส.ส.หรือขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ แต่มันสะท้อนให้เห็นชัดเจนถึง “กำพืด” หรืออาจตำหนิไปถึงสถาบันตำรวจที่ตัวเองเคยสังกัดมาก่อน ไปจนถึงพรรคที่สังกัดว่าไม่มีการ “อบรมสั่งสอน” ให้รู้จักดีชั่วเป็นอย่างไรเลยหรือ หรือว่าเป็นแบบเดียวกันทั้ง “ครอก” ต้องเรียกอย่างนั้นจริงๆ
00 ที่น่าแปลกใจก็คือ ระหว่างที่ ส.ส.สูทแดงรายนี้กำลังแสดงท่าทางยียวน เหยียดหยามทางเพศอย่างมันปากอยู่นั้น กลับปรากฏว่ามี ส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทย ที่นั่งอยู่ตรงหน้าและรายล้อมอยู่หลายคนกลับนั่งเฉย บางคนถึงกับยิ้ม หรือหัวเราะชอบใจเสียอีก ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ทำให้เชื่อว่า หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ ต่อไปก็มีโอกาสข่มขืนลวนลามกันกลางสภาก็เป็นได้ ทำเป็นเล่นไป
00 อย่าได้แปลกใจกับปรากฏการณ์ของภาคประชาชนข้างนอกที่เริ่มตื่นตัวและไปไกลกว่าพวก “นักการเมืองกระจอก” พวกนี้ เพราะชาวบ้านเขาก้าวข้ามไปตั้งนานแล้ว และรู้สึกรังเกียจขยะแขยงจนบอกไม่ถูก อย่างไรก็ดีบางทีหากมองอีกมุมหนึ่งมันก็ดีเหมือนกันว่าได้เห็นกันจะจะแบบนี้ มันก็ถึงเวลาต้องปฏิรูปกันขนานใหญ่ทั้งระบบ แต่เฉพาะหน้าต้องไม่ปล่อยเอาไว้ อย่างน้อยต้องไล่บี้ให้เกิดการลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา และหากมี “หน้าไหน” ยังสะเออะมาปกป้องก็ต้องช่วยกันถล่มให้ป่นปี้ไปเลย
00 พูดถึงเรื่องระบบ ระเบียบและกฎหมายแล้วก็ต้องวกมาถึงเรื่องการ “ถอดยศ” ทักษิณ ชินวัตร น่าจะถึงเวลาที่ต้องทำให้ชัดเจนเสียที และต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เด็ดขาด เพื่อสร้างมาตรฐานทางกฎหมายแบบไม่เลือกปฏิบัติ เพราะกรณีของ “เหลี่ยมจัด” คนนี้ถือว่ามีคำพิพากษาความผิดจนถึงที่สุดแล้ว ต้องถอดยศสถานเดียว ไม่ต้องมาเล่นลิ้นซื้อเวลาว่า มีแรงจูงใจทางการเมือง หรือถูกกลั่นแกล้ง ไม่เกี่ยวมันคนละเรื่อง เพราะถ้าถูกศาลตัดสินว่าผิดก็ต้องผิด ต้องถอดยศ ใครไม่ดำเนินการก็ต้องดำเนินการฐานละเว้นตามมาตรา 157 สถานเดียว ดังนั้นต้องมีคนร้องเอาผิดโดยเฉพาะทั้ง นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผบ.กำลังพล สตช.เป็นต้น ให้มันรู้ว่าถ้าทำตามระเบียบแล้วบ้านเมืองจลาจล ตรงกันข้ามความไร้ระเบียบ มีอภิสิทธิ์ชนในบ้านเมืองนี้เป็นเพราะไม่รักษากม. “ไร้มาตรฐาน” ต่างหาก
00 เสร็จสิ้นไปแล้วตามความคาดหมายกับการซักฟอกในสภา และผลคะแนนก็ออกมาท่วมท้น ทั้งนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมกับอีก 3 รมต.ขี้เกียจเอ่ยชื่อ แต่เอาเป็นว่า ถ้าพิจารณาจากจำนวนคะแนนโหวตก็แสดงให้เห็นว่าฝีมือการบริหารงานของผู้นำรัฐบาล มีฝีมือสุดยอด ไม่มีที่ติ สมควรไว้วางใจให้ “อ่านโพย” ต่อไป เอ้ย ทำงานต่อไป ก็อย่างที่บอกนั่นแหละต่อให้ฝ่ายค้านมีหลักฐานเด็ดแค่ไหนก็ไม่มีทางคว่ำรัฐบาลได้หรอก และด้วยเหตุนี่แหละที่ทำให้ชาวบ้านเขาเบื่อ เพราะทั้งห่วย ทั้งโกง แต่ยังลากถูลู่ถูกัง อ้างประชาธิปไตยหน้าตาเฉย ทุด !!
00 ขณะเดียวกันก็ได้เห็นการทำหน้าที่ของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ฝ่ายไหน การที่ให้ ส.ส.ยกมือหนุนรัฐบาลมันก็มองได้ทันทีว่า เตรียมยุบรวมเป็นพรรคเดียวกันในสมัยหน้า หรืออย่างน้อยเฉพาะหน้าก็หวังสารพัดโปรเจ็กต์ที่เขาจะหยิบยื่นลงมาให้บ้าง จากโครงการอภิมหาหนี้กว่า 2 ล้านล้านบาท ที่เตรียมจะเดินหน้าในสมัยประชุมหน้า อย่างน้อยก็มีบริษัทก่อสร้างหยิบชิ้นปลามันกันไป และหนึ่งในนั้นจะเป็น “บริษัท ซิโนทัย” หรือเปล่าก็ลองจับตาดูกัน แต่ถ้าสงสัยก็ลองไปถาม “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคคนใหม่เอาก็แล้วกัน แต่เส้นทางนั้นดูไม่ยากจริงๆ