อาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายนนี้แล้ว จะเป็นวันเปิดศึกซักฟอกการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้านสองพรรคร่วมกันลงชื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคือพรรคประชาธิปัตย์กับพรรครักประเทศไทยของชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ยื่นญัตติอภิปราย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี-ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคมและพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย
เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่สองของพรรคประชาธิปัตย์กับรัฐบาลเพื่อไทย เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) หลังประเทศผ่านพ้นเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ปลายปี 54
ประชาธิปัตย์จะวาดลวยลายและฝีมือการทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบรัฐบาลได้ดีแค่ไหน จะมีข้อมูลเด็ด ที่จะเป็นทีเด็ดทีขาดที่คุยโวมาหลายเดือนว่า จากผลการทำการบ้านมาอย่างดี เก็บข้อมูลและเตรียมการอภิปรายมาหลายเดือน จึงจะเป็นการอภิปรายที่ลากยิ่งลักษณ์ เข้าสู่แดนประหารอย่างที่โหมโรงชวนเชื่อให้ตื่นเต้นมาหลายเดือนหรือไม่ ก็ต้องลองติดตามดูกัน
เพราะหากประชาธิปัตย์ อภิปรายได้ไม่สมราคาคุย มีแต่เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ ประมวลข่าวจากสื่อมวลชนมาเรียบเรียงแล้วนำมาเป็นข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีแค่สำนวนโวหาร เล่นคำหลอกด่ารัฐบาล โดยที่ไม่มีข้อมูล-ไร้พยานหลักฐานหรือไม่สามารถอภิปรายไปในทางที่ทำให้ประชาชนที่ติดตามดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจเห็นและเชื่อได้ว่า
นายกรัฐมนตรีกับอีก 3 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมีพฤติการณ์ความผิด ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและส่อไปในทางทุจริต-บริหารประเทศผิดพลาดบกพร่อง จนทำให้ประเทศได้รับความเสียหายจริงตามที่ฝายค้านอภิปราย
ยิ่งหากเล่นอภิปรายแบบชกใต้เข็มขัด ตีหัวเข้าบ้าน หลอกด่ากลางสภาฯ โดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ มาสนับสนุน อาศัยแต่ลีลาและชั้นเชิง อันเป็นการเมืองแบบเก่าๆ ที่ดูจะติดตัวกลายเป็นภาพลักษณ์หรือแบรนด์ประจำตัวพรรคประชาธิปัตย์อยู่เหมือนกัน
ถ้าประชาธิปัตย์ทำได้แค่นี้ ก็น่าเป็นห่วงประชาธิปัตย์ไม่น้อย ว่าแทนที่ยิ่งลักษณ์แม้จะสวยเจิดจรัสแต่จะต้องดับกลางสภาฯ หรือเฉลิม-สุกำพล-ชัจจ์ คราวนี้ดิ้นไม่หลุด จนมุมฝ่ายค้านกลางสภาฯ
จะกลายเป็นประชาธิปัตย์เองที่จะกู่ไม่กลับ
ฝ่ายที่ไม่นิยมชมชอบการเล่นการเมืองแบบเก่าๆ ของประชาธิปัตย์ที่ไม่สร้างทางเลือกให้ประชาชนเห็นว่าดีกว่า-เหนือกว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย อย่างไร ก็จะยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ประชาธิปัตย์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีกว่าทักษิณและเพื่อไทย ดังนั้นแม้จะไม่ชอบยิ่งลักษณ์ เบื่อทักษิณ เอียนเพื่อไทย แต่เมื่อไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า
ประชาธิปัตย์ไม่สามารถใช้โอกาสสำคัญในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้แสดงให้ประชาชนเห็นว่าตัวเองคือพรรคการเมืองคุณภาพ มีบุคลากรที่มีคุณภาพมากมาย และทำงานการเมืองเพื่อประชาชนเต็มที่แม้จะเป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายของประชาธิปัตย์แล้ว ที่ปล่อยให้โอกาสสำคัญแบบนี้หลุดมือไป
ไม่แน่ หากประชาธิปัตย์ ล้มเหลวในการอภิปรายครั้งนี้ ก็อาจทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเกิดความคิดกันไปว่า แม้รัฐบาลเพื่อไทยอาจบริหารห่วยแตก มัวเมาในอำนาจ รัฐมนตรีในรัฐบาลมีแต่พวกขี้ฉ้อ ไร้สติปัญญา และโกงกินคอรัปชั่นบ้าง แต่ก็ต้องทนๆ กันไป เลือกกันไปก่อน ดีกว่าจะเลือกประชาธิปัตย์
ถ้าเป็นแบบนี้ ก็จบเห่ สำหรับประชาธิปัตย์
การอภิปรายครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญของประชาธิปัตย์ที่จะพลาดไม่ได้ ต้องทำเต็มที่ แสดงให้ประชาชนเห็นว่า ในยามที่การตรวจสอบรัฐบาลจากหลายภาคส่วนทำได้ไม่เต็มที่มีข้อจำกัดมากมาย
เช่น การตรวจสอบของสื่อมวลชนที่ละเลยบทบาทส่วนนี้ไปเพราะนายทุนหวังผลประโยชน์ด้านธุรกิจจากนักการเมืองในฝั่งรัฐบาลจนละเลยการทำหน้าที่สื่อที่ดี หรือการตรวจสอบถ่วงดุลขององค์กรอิสระ ที่หลายแห่งก็ยังพึ่งพาไม่ได้ กลายเป็นเสือกระดาษที่ตั้งขึ้นมากินเงินเดือนมากมายแต่กลับเป็นที่พึ่งของประชาชนไม่ได้
ประชาธิปัตย์ คืออีกหนึ่งที่พึ่งที่หวังของสังคม ในการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากประชาธิปัตย์ ครั้งนี้สอบตก ทำหน้าที่ไม่ผ่านในความคิดเห็นประชาชน ก็น่าเสียดายจริงๆ
สำหรับการเตรียมพร้อมของประชาธิปัตย์ในช่วงสุดท้ายก่อนถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ พบว่า แกนนำพรรคก็ติวเข้มส.ส.ของพรรคที่จะลุกขึ้นอภิปราย เพราะก็อย่างที่บอกไว้ในช่วงต้น แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ดีว่า การอภิปรายครั้งนี้ ประชาธิปัตย์มีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างนานไม่เหมือนครั้งที่แล้ว คนจึงตั้งความหวังไว้สูงว่าประชาธิปัตย์จะต้องมีทีเด็ดมาโชว์ให้เห็น
ทำให้แกนนำพรรคอย่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์-ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ช่วงก่อนถึงวันอภิปรายมีการเรียก ส.ส.หลายคนมาติวเข้มกันที่ห้องประชุมพรรคหลายรอบและทำกันแบบปิดลับ คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่มีทางทราบข้อมูลและประเด็นการอภิปรายใดๆได้เลย แม้เป็นคนของปชป.ด้วยกันเองก็ตาม
แต่เมื่อใกล้ถึงวันอภิปราย ปชป.ก็ยอมปล่อยข้อมูลหลายอย่างออกมาผ่านสื่อมวลชนแล้ว เพื่อเรียกความสนใจจากประชาชน หลังโดนข่าวม็อบองค์การพิทักษ์สยามนัดชุมนุม 24 พ.ย. มากลบข่าวการอภิปรายไม่ไว้วางใจจนหมด ชนิดโดนแย่งซีนกันไปเห็นๆ หลายคนแทบลืมไปแล้วว่า จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
เบื้องต้นมีกระแสข่าวว่าสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจยิ่งลักษณ์นั้น ประชาธิปัตย์ จะส่งขุนพลเกรดเอของพรรคลงสนามเกือบทั้งสิ้น มุ่งเน้นการอภิปรายไปที่ว่านายกรัฐมนตรี บริหารประเทศล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยให้เกิดการทุจริตและการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบขึ้นในรัฐบาล โดยทีมผู้อภิปรายก็แบ่งตามประเด็นการอภิปราย
เช่นในเรื่องที่จะบอกว่ายิ่งลักษณ์บริหารราชการที่ผิดพลาดจนเกิดความเสียหายโดยรวมกับประเทศ ก็จะมีผู้อภิปรายลงลึกไปในแต่ละประเด็น อาทิ เรื่องโครงการรับจำนำข้าวหรือการออกนโยบายประชานิยมที่ผิดพลาด จะมีทีมอภิปรายอาทิเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและอดีตผู้แทนการค้าไทย-อาคม เอ่งฉ้วน-อรรถพร พลบุตร ส.ส.เพรชบุรี -นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก-อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.เป็นต้น
ขณะที่เรื่องการละเลยหรือไม่สนใจต่อการที่มีการทุจริตเกิดขึ้นในรัฐบาล ที่มีข่าวว่าเนื้อหาการอภิปรายจะมีหลายส่วนอาทิการใช้งบประมาณที่มีการทุจริต โดยเฉพาะการใช้งบ 1.2แสนล้านบาทในการป้องกัน แก้ไขและเยียวยาหลังประเทศผ่านน้ำท่วมใหญ่ปี 54 จะมีทีมอภิปรายเช่น นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง-สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นผู้อภิปราย
ขณะที่การอภิปราย พล.อ.อ.สุกำพล รมว.กลาโหม ที่จะมีการอภิปรายทั้งเรื่องปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลของกระทรวงกลาโหมที่มีข่าวใหญ่โตก่อนหน้านี้ หรือกรณีการออกคำสั่งถอดยศร้อยตรีของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นอกจากจะมีอภิสิทธิ์คอยอภิปรายแล้ว คนที่จะมาเสริมก็น่าจะมีเช่น ถาวร เสนเนียม -วิรัตน์ กัลยาศิริ เป็นต้น
ส่วนพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย ซึ่งจะโดนอภิปรายย้อนหลังไปสมัยเป็นรมช.คมนาคม ก็เชื่อกันว่าน่าจะนำทีมโดย จุรินทร์และนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก เป็นต้น
นอกจากนี้ ก็มีการเตรียมการหลายด้านเพื่อรับมือเกมตีรวนของส.ส.เพื่อไทยไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะรู้ดีว่าแม้ต่อให้รัฐบาลอ้างว่าไม่มีการตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์ยิ่งลักษณ์ แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็มีส.ส.เพื่อไทยต้องเรียงหน้ากันออกมาคอยช่วยยิ่งลักษณ์แน่นอน และน่าจะมีมากด้วย ทั้งพวกคนคอยตัดเกมอย่าง จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์หรือพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย -สุนัย จุลพงศธร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทย หรือพวกที่จะอ้างข้อกฎหมายต่างๆ อย่างไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม โดยเฉพาะการพยายามจะหาช่องทางให้รัฐมนตรีคนอื่นสามารถช่วยชี้แจงแทนยิ่งลักษณ์ได้
ตรงส่วนนี้พบว่าประชาธิปัตย์ก็เตรียมตัวล่วงหน้าแล้วกับการเผชิญเหตุเช่นนี้ เพราะรู้ดีว่าต้องเจอแน่ ทั้งการตัดเกม-ตีรวน-ประท้วงกันวุ่นวายไปหมด เพื่อทำให้ฝายค้านเสียสมาธิและคอยช่วยเหลือยิ่งลักษณ์ โดยจะมีส.ส.ของพรรคคอยรับมือพวกนี้ด้วยเช่นกัน
การเตรียมการทั้งหมดของประชาธิปัตย์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาสำหรับการการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผลจะออกมาแบบไหน ติดตามกันได้ตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ย.นี้