รายย่อยตีหัวเข้าบ้าน
ตลาดหุ้นฟื้นคืนสู่ความคึกคักอีกครั้งเพราะมีตัวช่วย โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น ประกาศอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นย่านเอเชียดีดตัวขึ้น ส่งผลในเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นไทย กระตุ้นให้นักลงทุนรายใหญ่กลับมาไล่หุ้นจนดัชนีสร้างจุดสูงสุดใหม่ ทั้งที่เมื่อวานนี้ทำท่าไม่ดี และมีแนวโน้มที่จะปรับฐาน
ดัชนีวันนี้ปิดที่1 ,285.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด มูลค่าซื้อขาย 36,277 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 633 ล้านบาท
ข่าวดีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ป่นเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย และทำให้หุ้นพุ่งทะยานขึ้นมาใหม่ แต่ก็เพียงระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากมาตรการของญี่ปุ่นไม่ได้ส่งผลชี้นำตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นยุโรป กับสหรัฐฯ เมื่อคืนวันพุธก็ไม่ได้ตอบรับอย่างไร โดยทั้งสองตลาดยังเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบมาก ดังนั้น แนวโน้มระยะสั้นจึงยังไม่มีความแน่นอนเหมือนเดิม
หุ้นกลุ่มหลักซึ่งเริ่มอ่อนล้าขยับตามภาวะตลาดขึ้นมา แต่หุ้นเล็กหลายตัว เคลื่อนไหวอย่างร้อนแรง จนเป็นหุ้นที่ถูกจับตาว่ามีความเสี่ยงสูงมาก และแม้แต่นักเก็งกำไรระยะสั้นยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถ้าหมดรอบก็อาจทรุดตัวหนักจนหนีไม่ทันก็ได้
ภาพรวมตลาดขณะนี้ขาดทุนหุ้นกลุ่มผู้นำตลาด และขาดแรงซื้อจากนักลงทุนรายใหญ่เป็นตัวจุดพลุนำร่อง โดยพอร์ตโบรกเกอร์นักลงทุนสถาบัน และต่างชาติยังมีลักษณะคุมเชิงกันอยู่ ไม่มีการลุยซื้อ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศยังไม่มั่นใจในแนวโน้ม
นอกจากนั้น ราคาหุ้นที่ปรับตัวมาถึงระดับนี้ไม่ใช่ของถูกแล้ว ทำให้เพดานขาขึ้นแคบลง ขณะที่ความเสี่ยงรอบขาลงสูงขึ้น ทุกฝ่ายจึงซื้อขายประคับประคองตัว
ส่วนนักลงทุนรายย่อยรอบนี้เก่ง เพราะลดน้ำหนักการลงทุนตลอดทาง หุ้นขึ้นแรงจะชิงจังหวะขายลดความเสี่ยงหากตลาดเกิดความผันผวน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ควรจะกลัวว่าขายหมู เนื่องจากราคาหุ้นกลุ่มหลักๆ วิ่งมาชนเพดานแล้ว
ใครที่ขายหุ้นทำกำไรตีหัวเข้าบ้านไปแล้ว อย่าหวั่นไหวว่าขะขาดทุนกำไร เพราะไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าหุ้นจะวิ้งไปไกล และหากต้องการซื้อคืนก็มีโอกาสซื้อคืนในต้นทุนต่ำกว่าราคาที่ขายทำกำไรออกไป
ตลาดหุ้นฟื้นคืนสู่ความคึกคักอีกครั้งเพราะมีตัวช่วย โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น ประกาศอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นย่านเอเชียดีดตัวขึ้น ส่งผลในเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นไทย กระตุ้นให้นักลงทุนรายใหญ่กลับมาไล่หุ้นจนดัชนีสร้างจุดสูงสุดใหม่ ทั้งที่เมื่อวานนี้ทำท่าไม่ดี และมีแนวโน้มที่จะปรับฐาน
ดัชนีวันนี้ปิดที่1 ,285.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด มูลค่าซื้อขาย 36,277 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 633 ล้านบาท
ข่าวดีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ป่นเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย และทำให้หุ้นพุ่งทะยานขึ้นมาใหม่ แต่ก็เพียงระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากมาตรการของญี่ปุ่นไม่ได้ส่งผลชี้นำตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นยุโรป กับสหรัฐฯ เมื่อคืนวันพุธก็ไม่ได้ตอบรับอย่างไร โดยทั้งสองตลาดยังเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบมาก ดังนั้น แนวโน้มระยะสั้นจึงยังไม่มีความแน่นอนเหมือนเดิม
หุ้นกลุ่มหลักซึ่งเริ่มอ่อนล้าขยับตามภาวะตลาดขึ้นมา แต่หุ้นเล็กหลายตัว เคลื่อนไหวอย่างร้อนแรง จนเป็นหุ้นที่ถูกจับตาว่ามีความเสี่ยงสูงมาก และแม้แต่นักเก็งกำไรระยะสั้นยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถ้าหมดรอบก็อาจทรุดตัวหนักจนหนีไม่ทันก็ได้
ภาพรวมตลาดขณะนี้ขาดทุนหุ้นกลุ่มผู้นำตลาด และขาดแรงซื้อจากนักลงทุนรายใหญ่เป็นตัวจุดพลุนำร่อง โดยพอร์ตโบรกเกอร์นักลงทุนสถาบัน และต่างชาติยังมีลักษณะคุมเชิงกันอยู่ ไม่มีการลุยซื้อ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศยังไม่มั่นใจในแนวโน้ม
นอกจากนั้น ราคาหุ้นที่ปรับตัวมาถึงระดับนี้ไม่ใช่ของถูกแล้ว ทำให้เพดานขาขึ้นแคบลง ขณะที่ความเสี่ยงรอบขาลงสูงขึ้น ทุกฝ่ายจึงซื้อขายประคับประคองตัว
ส่วนนักลงทุนรายย่อยรอบนี้เก่ง เพราะลดน้ำหนักการลงทุนตลอดทาง หุ้นขึ้นแรงจะชิงจังหวะขายลดความเสี่ยงหากตลาดเกิดความผันผวน ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ควรจะกลัวว่าขายหมู เนื่องจากราคาหุ้นกลุ่มหลักๆ วิ่งมาชนเพดานแล้ว
ใครที่ขายหุ้นทำกำไรตีหัวเข้าบ้านไปแล้ว อย่าหวั่นไหวว่าขะขาดทุนกำไร เพราะไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าหุ้นจะวิ้งไปไกล และหากต้องการซื้อคืนก็มีโอกาสซื้อคืนในต้นทุนต่ำกว่าราคาที่ขายทำกำไรออกไป