“จารุพงศ์” เผยประชุมผู้บริหารกระทรวง ไม่ได้ตื่นตูมการชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม แต่ไม่ประมาท เผยนายกฯ สั่งผู้ว่า-ผู้การตำรวจทุกจังหวัดรับนโยบายที่ทำเนียบฯ ให้นายอำเภอแจงผู้นำชุมชน ถาม “เสธ.อ้าย” แช่แข็งประเทศ 5 ปีเป็นยังไง อ้างเพื่อนบ้านเป็นประชาธิปไตยหมด “โฆษกเพื่อไทย” จี้รับปากไม่ยึดสถานที่ราชการ จวก ปชป.โยนบาปให้ตระกูลชินวัตรไปเมืองนอก จี้ “มาร์ค”หอบเอกสารจริงสมัครรับราชการทหารชี้แจงกลาโหม
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยกล่าวภายหลังเรียกประชุมผู้บริหารของกระทรวง เพื่อติดตามและประเมินการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ต่อมา รมว.มหาดไทยกล่าวหลังประชุมว่าการประเมินสถานการณ์ผู้ชุมนุม ไม่ได้ประเมินในลักษณะกระต่ายตื่นตูมแต่ก็ไม่ประมาท จะนำเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 และการสลายชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 7 ตุลาคม 2551 เป็นมาตรฐานในการติดตามสถานการณ์ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการจังหวัดทุกจังหวัด มารับนโยบายที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 14.00 น. เพื่อเป็นการประสานทั้ง 2 หน่วยงานในการติดตามสถานการณ์
"อยากตั้งคำถามกลับไปยัง พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ว่า แนวคิดการแช่แข็งประเทศ 5 ปี ประเทศจะก้าวไปในทิศทางใด ทั้งการติดต่อระหว่างประเทศ เศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศจะเป็นไปลักษณะอย่างไร ทั้งๆ ที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างเป็นประชาธิปไตยทั้งหมด"รมว.มหาดไทยกล่าว
สำหรับแนวทางในการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไร นายจารุพงศ์ กล่าวว่า เรื่องยอดผู้ชุมนุมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแต่ไม่ได้ให้ความสนจำนวนตัวเลขเพราะไม่ใช่สาระสำคัญ การชี้แจงเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ได้ย้ำให้ผู้ว่าฯ ประชุมทำความเข้าใจหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ส่วนนายอำเภอก็ทำความเข้าใจผู้นำชุมชนในพื้นที่เพื่อให้ว่าบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงควรเดินหน้าต่อไปอย่างไร
เมื่อถามว่าการข่าวมีเรื่องมือที่ 3 เข้ามาก่อกวนหรือไม่ นายจารุพงศ์ กล่าวงว่า ยังไม่อยาก ให้เรียกว่ามือที่ 3 หรือมือที่มองไม่เห็น แต่ว่ามีความเคลื่อนไหวของผู้ที่ต้องการชุมนุมแบบนี้
อีกด้านหนึ่งที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามในวันที่ 24 พ.ย.ว่า อยากให้แกนนำองค์การพิทักษ์สยามสำรวจความรู้สึกของประชาชนทุกภาคส่วนด้วย เพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งที่อาจจะนำไปสู่การแช่งแข็งประเทศตามที่แกนนำองค์การพิทักษ์สยามต้องการ เห็นได้จากการแสดงความเห็นผ่านการจัดกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ รวมทั้งในโซเชียลเน็ทเวิร์ค ดังนั้นจึงไม่ควรดื้อรั้นที่จะชุมนุมต่อไป ทั้งนี้ ไม่อยากให้ประเทศที่กำลังเนื้อหอมทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวนั้นต้องมาเสียโอกาส หากเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติจริงก็ต้องอธิบายกับนานาชาติให้ได้ว่า จะไม่มีการแช่แข็งประเทศหรือล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ตนทราบข้อมูลมาว่า จะมีผู้ชุมนุมไปยึดสถานที่ราชการที่สำคัญเพื่อไม่ให้รัฐบาลทำงานได้นั้น อยากถามแกนนำองค์การพิทักษ์สยามว่าเป็นความจริงหรือไม่ และหากมีการไปยึดสถานที่ราชการจริงจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะแกนนำองค์การพิทักษ์สยามเคยประกาศไว้เองว่าจะไม่ปิดล้อมสถานที่ราชการ นอกจากนี้ มีมาตรการอะไรเตรียมรับมือไว้แล้วหรือไม่ เพราะไม่อยากให้มีการนำประเทศมาเป็นตัวประกันอีกแล้ว
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า สถานการณ์การชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามจะรุนแรงหรือไม่ให้ดูว่าคนในตระกูลชินวัตรเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้หรือไม่ด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์พยายามนำการชุมนุมมาเป็นเกมการเมือง โดยสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามจะชี้ให้ประชาชนเห็นนั้นคือความเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลชินวัตร ทั้งๆ ที่องค์การพิทักษ์สยามระบุเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการล้มรัฐบาล ดังนั้นจึงน่าจะเป็นการโยนบาปให้กับคนตระกูลชินวัตรมากกว่า ทั้งนี้ เชื่อว่าคนในตระกูลชินวัตรทุกคนนั้นทำประโยชน์ให้กับประเทศ และการที่ใครจะไปหรือไม่ไปต่างประเทศนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองเลย การทำให้ประชาชนสับสนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ใช่สุภาพบุรุษ
นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่เดินทางไปชี้แจงกับกระทรวงกลาโหมกรณีการใช้เอกสารเท็จเข้ารับราชการทหารว่า รู้สึกแปลกใจที่นายอภิสิทธิ์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้เอกสารเท็จแต่กลับไม่คิดที่จะใช้สิทธิในการชี้แจง แต่กลับหันไปใช้การฟ้องร้องต่อ ป.ป.ช.และศาลปกครองแทน ทำให้สังคมกังขา ทั้งนี้ หากนายอภิสิทธิ์ต้องการที่จะพิสูจน์ว่าไม่ได้ใช้เอกสารเท็จก็ควรเอาเอกสารจริงไปชี้แจงต่อกระทรวงกลาโหม เรื่องจะได้จบ เพราะกระทรวงกลาโหมเองก็ให้ความเป็นธรรมแล้ว โดยการให้โอกาสไปชี้แจงภายใน 10 วัน ไม่ใช่ออกมาโยงเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องการเมืองที่รัฐบาลสั่งให้กระทรวงกลาโหมออกมาดิสเครดิตนายอภิสิทธิ์ หรือหวังที่จะปิดปากในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ตนขอตั้งข้อสงสัยว่า นายอภิสิทธิ์ไม่มีเอกสารจริงใช่หรือไม่จึงออกมาฟ้องป.ป.ช.และศาลปกครองในลักษณะที่น่าจะเป็นการแก้เกี้ยวมากกว่า และอยากขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ช่วยตรวจสอบกรณีด้วย ไม่ใช่ว่าพวกเดียวกันเลยไม่ตรวจสอบ ทำลักษณะเหมือนกับจะอุ้มพวกเดียวกันเองใช่หรือไม่ เพราะอาจจะทำให้ประชาชนขาดศรัทธาในพรรคประชาธิปัตย์ได้