เลขาฯ วิปวุฒิสภา เผย มติที่ประชุมอภิปราย 23 พ.ย.บ่ายโมง และ 28 พ.ย.หลังโหวตซักฟอก จ่อพูด 4 ปัญหา เน้นจำนำข้าว,ไฟใต้,น้ำ และ อื่นๆ คาด ส.ว.ลงชื่อราว 60 คน ให้เวลาคนละ 10 นาที
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยหลังการประชุมวิปวุฒิสภา ว่า ที่ประชุมมีมติให้จัดการประชุมเพื่ออภิปราย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ในวันที่ 23 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ถึงเวลาประมาณ 20.00 น. และในวันที่ 28 พ.ย. หลังจากการลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ของสภาผู้แทนราษฎร ไปจนถึงเวลา 24.00 น. นอกจากนั้นแล้วได้ให้ประธานวุฒิสภาทำหนังสือไปยังรัฐบาล ว่าวุฒิสภาจะมีการจัดประชุมในวันดังกล่าว ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นรัฐบาลแจ้งว่าไม่สะดวกที่จะเข้าร่วมการประชุมหากจัดให้มีการอภิปรายวันที่ 23 พ.ย. ตนมองว่ารัฐบาลมีรัฐมนตรีที่ไม่ได้ติดราชการหลายคนอาจจะส่งเป็นตัวแทนเข้าร่วมได้
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ในการอภิปรายได้จัดกลุ่มอภิปราย จำนวน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.ปัญหาโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาล และ พืชผลสินค้าเกษตรอื่นๆ, 2.ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้, 3.การบริหารจัดการน้ำ เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง และ 4.เรื่องการบริหารราชการอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว, การศึกษา, ยาเสพติด ทั้งนี้คาดว่าจะมีส.ว.ลงชื่ออภิปรายประมาณ 50-60 คน เบื้องต้นจะให้ใช้เวลาอภิปรายคนละ 10 นาที ส่วนผู้ที่จะแถลงเปิดและปิดญัตตินั้น จะให้เวลาคนละ 30 นาที
นายคำนูณ ยังเปิดเผยว่าในการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ วันที่ 23 พ.ย. ซึ่งมีวาระเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ของ กสทช. จากการหารือของวิปวุฒิสภามีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบประวัติและความประพฤติทางจริยธรรมของบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน ของกสทช. ที่ผ่านการลงคะแนนเลือกในรอบแรกมาแล้ว ก่อนจะมีการลงมติเลือกกรรมการฯ รอบสุดท้าย ที่จะต้องลงคะแนนเลือกให้เหลือ 5 คนจากผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 10 คน ทั้งนี้กรรมาธิการวิสามัญฯ จะมีจำนวน 25 คน โดยเป็นตัวแทนของคณะกรรมการสามัญประจำวุฒิสภา คณะละ 1 คน รวม 22 คนและตัวแทนจากวิปวุฒิสภา อีก 3 คน ซึ่งจะขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งรายชื่อ ทั้งนี้จะให้เวลาพิจารณา 30 วัน
นายคำนูณ กล่าวว่าตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกกรรมการติดตามและประเมินผลงานของ กสทช. ไม่ได้ระบุให้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบประวัติหรือความประพฤติทางจริยธรรม ดังนั้นอาจทำให้ ส.ว. แสดงความไม่เห็นด้วยกับการตั้งกรรมการฯ จึงเปิดโอกาสให้ส.ว.ได้อภิปรายแสดงความเห็น ส่วนแนวคิดที่วิปวุฒิสภาให้ตั้งกรรมการตรวจสอบประวัติฯ นั้น เพราะเห็นว่าเพื่อให้เกิดความรอบคอบ โดยที่ผ่านมาการเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ แม้รัฐธรรมนูญจะไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจน แต่เพื่อความรอบคอบต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง
