เกาะกระแส
00 เรียบร้อยโรงเรียน “แม้ว-มะกัน” กันไปแล้วหลังจาก “บารัค โอบามา” มาเหยียบแผ่นดินไทยเพียงแวบเดียวไม่ถึง 24 ชั่วโมง แต่ทำให้เรามีแนวโน้มจะถลำลึกเข้าไปเป็น “ลูกน้อง” ของอันธพาลโลกอย่างเต็มตัว สังเกตหรือไม่ว่าก่อนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนนี้จะเดินทางมาถึงเราก็มีผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกมาเยือนเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ถัดมาเมื่อไม่กี่วันก่อน รมว.กลาโหมสหรัฐ เลียน พาเนตตา ก็มาพบกับ รมว.กลาโหมไทย คือ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต หน้าฉากก็แถลงว่าไม่ได้คุยเรื่องขอใช้สนามบินอู่ตะเภา แต่จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่สติปัญญาและความรู้จักวิเคราะห์ของแต่ละคน
00 เพราะที่ผ่านมาก่อนจะมาถึงไทย รมว.กลาโหมสหรัฐฯคนเดียวกันนี้ได้แวะเยือนออสเตรเลียที่เพิ่งมีฐานทัพแห่งใหม่ที่นั่นก็ได้ลงนามในข้อตกลงทางยุทศาสตร์ความมั่นคงในภูมิภาคอนุญาตให้ติดตั้งเครื่องเรดาห์และกล้องโทรทรรศน์ความไวสูง นั่นหมายความว่าจะสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวของวัตถุได้ทั้งภูมิภาค ถามว่าแล้วเมื่อมาถึงไทยจะไม่มีการพูดเรื่องความร่วมมือทางทหารเลยหรือ แล้วคนอย่าง สุกำพล พูดอย่างไรเชื่อได้หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องทางทหาร ความมั่นคง(ของสหรัฐฯ) ถัดมาก็เป็นเรื่องระดับผู้นำที่ โอบามา ตามมาปิดเกมด้วยการดึงให้ไทยเข้าร่วมข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจในภาคพื้นแปซิฟิก(ทีพีพี) ที่ตัวเองเป็นโต้โผใหญ่เพราะได้ประโยชน์เต็มๆ ซึ่งรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ก็แบะท่ายินดี
00 กลายเป็นว่าการมาเยือนของผู้นำสหรัฐฯดังกล่าวประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็สามารถดึงไทยเข้ามาเป็นพวกในเกมปิดล้อมจีน แต่ถ้าให้เข้าใจมากไปกว่านั้นก็คือคนที่มีแต่ได้ นั่นคือ “ได้หน้า-ได้ประโยชน์” ก็น่าจะเป็น “หน้าเหลี่ยมจัด” อย่าง ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ เหมือนกับการรารันตีให้มะกันเห็นว่า “ถ้าเลือกผมเป็นนายหน้าแล้วไม่ผิดหวัง” ทั้งไทยและพม่าถ้าจะเข้าไปลงทุนสูบทรัพยากรก็ต้องผ่านผมเท่านั้น ใช่หรือเปล่า
00 ถือว่า “นับถอยหลัง” ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับดีเดย์ของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามวันที่ 24 พย กับการชุมนุมไล่รัฐบาลหุ่นเชิดที่หากินในคราบเสื้อคลุมประชาธิปไตย ล่าสุดมีการเปิดตัวออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนสำหรับ “ทหารแก่” อย่าง พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตนายทหารคนสนิท “ป่าเปรม” ที่ประกาศว่ายืนอยู่ตรงกันข้ามกับนักการเมือง “ขี้ฉ้อ”และยังสื่อสารไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ว่า “อย่ามายุ่งกับกู” เอ้ย ผม ย้ำชัดให้ได้ยินไปทั่วว่าไปร่วมม็อบ “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ แน่นอน ชัดมั๊ย !!
00 หลังจากมีเสียงคัดค้านจากผู้นำเหล่าทัพ และเสียงอิดออดรู้ทันจาก ผบ.ตร.พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ไม่ต้องการรับ “เผือกร้อน” รับผิดแต่เพียงคนเดียวหากมีอะไรไม่คาดหมายเกิดขึ้นจากการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตามที่ รองนายกฯ “แสนรู้” อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เสนอ หรือถ้าจะออกเป็นกม.พิเศษดังกล่าวก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ “เป็นคณะ” เหมือนกับรัฐบาลก่อนที่ตั้งเป็นหน่วยงาน “เฉพาะกิจ” ด้านความมั่นคง จะด้วยสาเหตุดังกล่าวหรือเปล่าทำให้ต้องปรับระดับลงมาใช้แผนกรกฎ 52 ปรับใช้ไปตามสถานการณ์จากเบาไปหาหนัก แต่ถึงอย่างไรงานนี้ต้องร่วมกันรับผิดชอบ ไม่มีทาง “เป็นเหยื่อตายเดี่ยว” แน่นอน
00 ออกอาการผวาหนักข้อ เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาก็คือ การ “ฝากฝัง” จากที่พี่แม้ว ไปถึงบรรดาบิ๊กเหล่าทัพให้ช่วยกัน “ปกป้อง” ดูแล “น้องสาว” ดูแลรัฐบาลให้ตลอดรอดฝั่ง อย่าให้พังเพราะ “ทหารแก่” เป็นอันขาด อยากได้อะไรขอให้บอกมาเลยรับรองไม่อั้น ดังนั้นถ้าสังเกตให้ดีจะได้เห็นการเดินสายพบปะเรียกประชุมกันถี่ยิบ ก็อย่างที่เข้าใจกันถ้าไม่มีน้องสาวเป็นนายกฯพี่ชายก็ไม่มีราคาในฐานะ “นายหน้าข้ามชาติ” ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เห็น ทักษิณ อาการ “สติแตก” ขึ้นเรื่อยๆ !!