ม็อบ “คนทนไม่ไหว” - ปริมาณชี้อนาคต ปูหุ่นเชิด-แม้ว!!

ผ่าประเด็นร้อน

ถ้าจะบอกว่าการชุมนุมวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายนของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นการชี้ชะตาของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็คงจะไม่ใช่ แต่ถ้าบอกว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นการ “ชี้อนาคต” ของรัฐบาล “หุ่นเชิด” ชุดล่าสุดละก็ถือว่า ใช่เลย

ที่สำคัญเป็นการชุมนุมที่ขึ้นกับ “ปริมาณ” หรือจำนวนมวลชนที่เข้าร่วมเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุด

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวทั้งสองฝ่ายนั่นคือฝ่ายที่จะเข้าร่วมในการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พวกเขาระบุว่าเป็นรัฐบาล “หุ่นเชิด” ของนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร และทุจริตคอร์รัปชั่น ยิ่งใกล้ถึงวันดีเดย์มากเท่าใดก็ยิ่งคึกคัก มีสารพัดแนวร่วมประกาศตัวเข้าร่วมมากหน้าหลายตา ล่าสุดมีการประกาศโชว์ตัวออกมาของ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยยืนยันว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมร่วมกับองค์การพิทักษ์สยามในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้อย่างแน่นอน พร้อมทั้งเปิดเผยด้วยว่าการชุมนุมที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมาก็เข้าร่วมด้วย เพียงแต่ว่าไม่ได้ขึ้นเวที และเหตุผลในการเข้าร่วมขับไล่รัฐบาล ก็เพราะอยู่ตรงข้ามกับพวกนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่น

แม้ว่ามีการออกตัวกันล่วงหน้าว่าการเข้าร่วมดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม เป็นการเคลื่อนไหวในนามส่วนตัวก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าด้วยแบ็กกราวนด์ในอดีตดังกล่าวย่อมเรียกร้องความน่าสนใจได้ไม่น้อย

น่าสังเกตก็คือ นี่คือการเปิดตัวอย่างชัดเจน แบบไม่อ้อมค้อมเป็นครั้งแรกของคนที่เคยอยู่ในเครือข่ายอำนาจที่มากไปด้วยบารมี เมื่อเปิดตัวเปิดหน้าออกมาชนเป็นครั้งแรกแบบนี้ก็ย่อมเรียกเสียงฮือฮา ขณะเดียวกันยังเป็นการชักจูงโน้มน้าวโดยทางอ้อมให้ฝ่ายที่ยังยังลังเล ตัดสินใจออกมาร่วมมากขึ้น ทำให้บรรยากาศคึกคัก เพราะเท่าที่ติดตามความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัดก็มีหลายกลุ่มที่ทยอยกันออกมา

อย่างไรก็ดี ที่น่าจับตาก็คือ มวลชนในกรุงเทพมหานครต่างหากที่ยังเดาไม่ออกว่าจะเข้าร่วมกับกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามหรือไม่ เพราะแม้ว่าจะเป็นกลุ่มที่รับรู้ข้อมูลได้ดี แต่ก็ถือว่ายังไม่อาจฟันธงได้เต็มร้อยว่าจะไปทางไหน ทำให้ต้องมีการรณรงค์เชิญชวนกันให้ออกมาแสดงพลังให้มากเมื่อวันก่อน แน่นอนว่าหากคนกรุงเทพฯ มีความ “ตื่นตัว” ออกมาจำนวนมากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นพลังมากขึ้นเท่านั้น

อีกด้านหนึ่งที่ทำให้คาดหมายว่าการชุมนุมของกลุ่ม “คนทนไม่ไหว” จะมีพลังที่น่ากลัวและมีคนออกมาร่วมจำนวนมาก ก็ต้องสังเกตจากอาการตื่นตัวป้องกันของรัฐบาลและคนในเครือข่าย เนื่องจากที่ผ่านมามีการระดมสรรพกำลัง ทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางสกัดกั้น ซึ่งแน่นอนว่าต้องผ่านกลไกอำนาจรัฐที่มีอยู่ในมือสารพัด

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามาปลุกระดมคนเสื้อแดงระหว่างชุมนุมที่สมุทรปราการส่งสัญญาณให้เตรียมความพร้อม และกล่าวหาในทำนองว่า พล.อ.เปรม เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม โดยเรียกร้องให้ห้ามปรามคนใกล้ชิดไม่ให้ยุ่งเกี่ยว ขณะเดียวกันยังกล่าวหาว่ามีทหารเข้าร่วมการชุมนุมที่ผ่านมาด้วย

คำพูดดังกล่าวของทักษิณ ไม่รู้ว่ามีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ เป็นข้อมูลจริงหรือเป็นการปรามฝ่ายตรงข้าม ป้องกันการเคลื่อนไหวหรือเปล่าไม่อาจทราบได้ แต่รับรองว่าเป็นการสะท้อนความกลัว ความกังวลออกมา และขู่ว่าจะใช้บริการของคนเสื้อแดงออกมาชน หากมีการโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

แน่นอนว่าความกังวลของ ทักษิณ ชินวัตร ที่มีต่อการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม รวมไปถึงการล่มสลายของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่เรื่องเกินเลย เพราะตราบใดที่รัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้อยู่ได้นานเท่าใด ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อตัวเขา สามารถหาประโยชน์ในฐานะ “นายกฯ หลังม่าน” ได้ต่อไป เมื่อมีผลมากก็ย่อมหาทางปกป้องอย่างถึงที่สุด แต่ในขณะเดียวกันด้วยผลงานที่ไม่เอาไหน มีแต่เรื่องอื้อฉาว ล้มเหลวมันก็ยิ่งเป็นความรู้สึกไม่พอใจสะสมมากขึ้นทุกวัน จนทนไม่ไหว จนต้องออกมาในที่สุด

แม้ว่าการชุมนุมวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายนเชื่อว่าจะมีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก แต่คำถามก็คือจะมี “ปริมาณ” มากเท่าใด เพราะยิ่งมากก็ยิ่งทำให้ ทักษิณ เกิดความหวั่นไหวอยู่ไม่เป็นสุขแน่ แม้ว่าจะเข้าใจดีว่าการชุมนุมในวันดังกล่าวยังคงไม่อาจทำให้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ล้มคว่ำไปได้ แต่นั่นแหละความหมายก็คือ “คนทนไม่ไหว” ทำไมมากมายนัก โอกาสที่จะทำอะไรตามอำเภอใจนั้นยิ่งยากมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะจะมั่วออกกฎหมายล้างความผิดนั้น ยากขึ้นเป็นทวีคูณ!!