“จตุพร” รู้ทุกเรื่อง อ้างม็อบ “เสธ.อ้าย” เล็งบุกรัฐสภา 27 พ.ย. แถมจัด 5 พันคนเป็นคู่ขัดแย้งสร้างสถานการณ์ หวังให้ทหารออกมาปฏิวัติ เรียกร้องแก๊งแดงอย่าแตกแถว เคลื่อนไหวเข้าทางองค์การพิทักษ์สยาม พร้อมเรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ รธน. ประกาศรับรองเขตอำนาจศาลโลก และนิรโทษกรรมคดีการชุมนุม หลังรอดพ้นศึกครั้งนี้
ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว วันนี้ (16 พ.ย.) นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. พร้อมแกนนำบางส่วนร่วมแถลงข่าว โดยนายจตุพรกล่าวว่า ในวันที่ 24 พ.ย.ที่กลุ่มองค์การพิทักษ์สยามนำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ มาชุมนุมนั้นจะยังไม่มีการปิดล้อมรัฐสภา เพราะจะทำให้ฝ่ายค้านเดือดร้อนเนื่องจากไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ ดังนั้นคาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะรอให้ถึงวันที่ 27 พ.ย.ที่เป็นวันสุดท้ายของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อเห็นท่าทีว่าการอภิปรายยังทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ และเสียงส่วนใหญ่ยังไว้วางใจให้รัฐบาลทำงานต่อไป พล.อ.บุญเลิศจะใช้โอกาสนี้ปลุกระดมมวลชนเข้าปิดล้อมรัฐสภา โดยอ้างว่าวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ เพราะรัฐบาลยังคงใช้เสียงข้างมากลากไปเป็นอำนาจเผด็จการรัฐสภา
นายจตุพรกล่าวว่า ตามแนวทางของ พล.อ.บุญเลิศ ที่ต้องการล้มรัฐบาล แล้วตั้งรัฐบาลขึ้นมาแทนนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกระทำโดยไม่ฉีกรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถือเป็นการรัฐประหารแน่นอน อยากบอกไปยังมวลชนที่จะเข้าร่วมชุมนุมว่าทุกคนมีสิทธิเรียกร้องประชาธิปไตย และตรวจสอบรัฐบาลชุดนี้ ในฐานะคนเสื้อแดงเองไม่ใช่ว่าเลือกรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาแล้วไม่ต้องการให้ตรวจสอบ แต่ขอให้ตรวจสอบตามวิถีทางประชาธิปไตย เมื่อครั้งรัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเสื้อแดงไม่เคยต้องการล้มรัฐบาลแล้วจัดตั้งรัฐบาลเองเหมือนม็อบ พล.อ.บุญเลิศ เพียงแต่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาแล้วคืนอำนาจให้แก่ประชาชน 64 ล้านคนเป็นผู้เลือกรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ
นายจตุพรอ้างว่า ทราบมาว่าขณะนี้มีการจัดทำเสื้อมากกว่า 5 พันตัวเพื่อให้คนสวมเสื้อเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้งสร้างสถานการณ์ และเมื่อมีการปะทะกันก็จะมีคนเอารถถังออกมา และทราบมาว่ายังจัดเตรียมผู้ที่เตรียมเผชิญหน้ากับตำรวจซึ่งไม่ใช่ประชาชนปกติ ดังนั้นขอประกาศไปยังพี่น้องเสื้อแดงทั่วประเทศต้องไม่เดินทางมายังบริเวณอาคารรัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า และรอบทำเนียบรัฐบาลโดยเด็ดขาด โดยแนวทางการเคลื่อนไหวนั้นขอให้รอฟังการแถลงของตน นางธิดา และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์เป็นหลัก ฝากแกนนำทุกคนอย่าแถลงข่าวเปิดช่องเป็นจุดอ่อนไม่เช่นนั้นจะไร้พลัง และต้องตามไปแก้ปัญหาจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ในที่สุด
นายจตุพรยังฝากไปยังรัฐบาลไม่ให้ประมาทต่อสถานการณ์ครั้งนี้ เพราะล้วนเป็นกลุ่มคนและกลุ่มทุนเดิมที่ร่วมการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 และล้มรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าขณะนี้กลุ่มอำมาตยาธิปไตยมารวมตัวกันแล้ว ในส่วนรัฐวิสาหกิจ ที่แยกตัวจากกลุ่มพันธมิตรประชานเพื่อประชาธิปไตยก็มาร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม หากรอดจากศึกครั้งนี้รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 รมว.ต่างประเทศต้องเร่งประกาศรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ และต้องนิรโทษกรรมกลุ่มประชาชนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำหลักสี่จากเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมือง
“รัฐบาลต้องตราเป็น พ.ร.บ.หรือ พ.ร.ก.เพื่อนิรโทษกรรมให้กับประชาชนทุกฝ่ายทั้งคนเสื้อแดงและพันธมิตรฯ แต่ไม่ต้องนิรโทษแกนนำทั้งสองฝ่ายเช่นกัน เราสู้มาเยอะทั้งยื่นประกันตัวแต่ไม่สำเร็จ นี่เป็นวิธีเดียวที่ช่วยพี่น้องมวลชนที่สู้เพื่อประชาธิปไตยออกมาจากคุก”
ด้าน นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.กล่าวว่า วันนี้ระบอบอำมาตย์พยายามล้มรัฐบาลโดยมวลชนนอกระบบ แต่เราไม่ประมาทกับการกระทำที่ไม่สมเหตุผลนั้น เหตุผลขององค์การพิทักษ์สยามเขาไม่เอาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แม้ว่าเขาประกาศแช่แข็งประเทศไทยชัดเจน ทำไมฝ่ายธุรกิจไม่ออกมาคัดค้าน ขอตั้งคำถามว่าปล่อยให้มีการประกาศล้มล้างได้อย่างไร
นางธิดากล่าวว่า ขอให้คนเสื้อแดงอยู่ในความสงบด้วยวุฒิภาวะ เพราะว่าการขับเคลื่อนของเราไม่ควรให้ชัยชนะที่เราได้รับต้องเสียหายหรือพ่ายแพ้ ที่ผ่านมาเราเป็นเจ้าของการต่อสู้ แต่เราจะใช้สติ ขอร้องว่าใครที่ทำอะไรตามความคิด ขอให้ยุติ ใช้ความคิดสักนิดหนึ่งแล้วคิดให้สมเหตุสมผลอย่าแตกแถว ไม่เช่นนั้นจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวไปได้ และขอให้คนเสื้อแดงส่งข่าวมายังแกนนำหากพบการเคลื่อนไหวที่ผิดสังเกต