นายกฯ กล่าวสุนทรพจน์ต่อนักธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร เผยไทยยึดมั่นประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ส่งซิกจะจัดการอำนาจที่ต่อต้านประชาธิปไตยในไทย โวการเมืองขัดแย้งในสภาไม่ใช่ประท้วงรุนแรงบนถนน เผยเดินหน้ากับนายกฯ อังกฤษ เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ พร้อมลงทุนสาธารณูปโภคระบบจัดการน้ำเร่งด่วน เสริมสร้างการผลิตอาหาร พัฒนาไซโลข้าว
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 13 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่ห้องบอลรูม โรงแรมเดอะกรอสเวเนอร์เฮาส์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนักธุรกิจสหราชอาณาจักรและนักธุรกิจไทยที่ร่วมคณะ จัดโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และยูไนเต็ด คิงดอม เทรด แอนด์ อินเวสต์เมนต์ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนไทยและสหราชอาณาจักรในสาขาธุรกิจประเภทเดียวกันพบปะแลกเปลี่ยน สร้างเครือข่ายและขยายช่องทางธุรกิจระหว่างกัน เช่น สาขาอาหารและสินค้าเกษตร สินค้าดีไซน์ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ อัญมณีและเครื่องประดับ และชิ้นส่วนยานยนต์
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “ 2013 : The Year of Opportunity in Thailand” ว่า ไทยและสหราชอาณาจักรมีความใกล้ชิดถึง 400 ปี และมีความผูกพันตั้งแต่ระดับราชวงศ์จนถึงประชาชน โดยไทยและสหราชอาณาจักรต่างยึดมั่นในคุณค่าประชาธิปไตยและเคารพต่อสิทธิมนุษยชน พร้อมยืนยันว่าจะสร้างความมั่นคงทางการเมืองและพื้นฐานประชาธิปไตยที่เข้มแข็งต่อไป โดยยึดหลักนิติรัฐและธรรมาภิบาล ประชาชนใช้อำนาจผ่านการเลือกตั้ง และจากการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ รัฐบาลจะดำเนินการกับอำนาจที่ต่อต้านประชาธิปไตยที่ยังมีอยู่ในประเทศไทย เพราะความมั่นคงทางการเมืองเป็นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจและรัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมการปรองดองบนพื้นฐานนิติรัฐ และการเจรจาระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ข้อขัดแย้งทางการเมืองจะต้องแก้ปัญหาในรัฐสภา ไม่ใช่การประท้วงบนถนนและมีความรุนแรง
ทั้งนี้ จากการหารือกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษจะร่วมกันสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ใหม่ ที่จะสร้างเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจโดยการส่งเสริมการเติบโตและการจ้างงานร่วมกัน ความร่วมมือจะครอบคลุมทุกด้านทั้ง เศรษฐกิจการศึกษา การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและสังคม ส่วนมูลค่าทางการค้าระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรที่สูงถึง 3.6 พันล้านปอนด์ ในปีที่ผ่านมา อังกฤษถือเป็นผู้ลงทุนอันดับ 1 จากสหภาพยุโรปในไทยการจัดทำ FTA Thai - Europe จะเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มและขยายการค้าและการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเจรจาในต้นปีหน้า
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสำคัญเร่งด่วน ของประเทศไทยในปี 2556 คือ การดำเนินการตามวิสัยทัศน์ประเทศไทยเพื่อความมั่นคงและความมั่งคั่งที่ต่อเนื่องรัฐบาลไทยจะเริ่มการลงทุนสาธารณูปโภคและโครงการบริหารจัดการน้ำในปี 2556 ซึ่งจะช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งและลอจิสติกส์ในภูมิภาคและสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงในภูมิภาค และโครงการนี้ถือเป็นการเตรียมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีศักยภาพเพื่อการแข่งขันด้วยการเชื่อมโยงกัน ในการนี้ รัฐบาลยังลงทุน 7.3 พันล้านปอนด์เพื่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำใหม่ภายใต้ระบบ Single Command ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการประมูลที่โปร่งใส และคาดว่าโครงการเหล่านี้จะเริ่มดำเนินการได้ระหว่างปี 2556-2559 สำหรับงบประมาณโครงการ รัฐบาลระดมทุนทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนการเข้าร่วมจากภาคเอกชน เพื่อการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและทันเวลา
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกอาหารได้ตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบในการช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารของโลก ไทยจึงวางแผนที่จะเสริมสร้างการผลิตอาหารและศักยภาพการจำหน่าย รวมทั้งข้าว โดยการพัฒนาไซโลเพื่อยกระดับศักยภาพการเก็บรักษาและลดการสูญเสียของอาหาร นำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มศักยภาพการเก็บรักษาภายหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งจะช่วยให้สามารถบริหารจัดการปริมาณการจำหน่ายข้าวสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อสอดรับกับราคาที่ผันผวน และไทยได้ริเริ่มความร่วมมือผู้ผลิตข้าว 5 ประเทศจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมกันส่งเสริมเสถียรภาพราคาข้าว ทั้งนี้ รัฐบาลมีแผนเสริมสร้างการเก็บรักษาข้าวและการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารของโลกและช่วยบรรเทาในยามเกิดภัยพิบัติ ดังนั้น ปี 2556 จึงเป็นปีที่สำคัญของไทยที่จะนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ สร้างความมั่นคงทางการเมือง และประชาธิปไตย การดำเนินการโครงการสาธารณูปโภค และเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการข้าว ซึ่งถือเป็นปีแห่งโอกาสของนักลงทุนสหราชอาณาจักรเพื่อสร้างความมั่งคั่งและการเติบโตร่วมกันด้วย