“ห่วงทรัพย์” เล่นไม่เลิก อาศัยที่ประชุมสภาฯ กระทู้ถามสดเรื่องสนามฟุตซอลโลกหนองจอก กทม.ทำเสียของ จับผิดจัดซื้อจัดจ้าง ถามนำทำไมกระทรวงการท่องเที่ยวไม่ทำเอง “ชุมพล” โยนผิด “อภิสิทธิ์” ให้ ส.ฟุตบอลไปทำ ให้ กทม.สร้างสนาม ก้าวก่ายไม่ได้ โวไม่ใช่มือสมัครเล่น จัดแผนรองรับไว้ ด้าน “อภิสิทธิ์” ร้อนตัวแจงคนที่ดันคือ “สุวัจน์” เสนอ ครม. อ้างฟีฟ่าต้องการสนามใหม่ วอนเรื่องก่อสร้างล่าช้าให้ดูช่วงน้ำท่วมด้วย
วันนี้ (8 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสดเรื่องความไม่พร้อมในการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ถาม รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมกับมีการนำภาพถ่ายการก่อสร้างอาคารสนามฟุตซอล มาแสดงกลางที่ประชุมด้วย โดยกล่าวว่า ภาพที่นำมาโชว์เป็นภาพถ่ายล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ตนให้คนไปถ่ายเอาไว้พบว่า งานยังไม่เรียบร้อย และก่อนหน้านี้ 7 วันก่อนการแข่งขัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพิ่งทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอจัดซื้อพื้นสนามจากอเมริกา แต่ปรากฏว่า ไปอยู่ที่จีนได้อย่างไร มีปัญหาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่
นอกจากนี้ ตนเป็นห่วงที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.บอกจะจัดคอนเสิร์ต ถ้าเป็นการแสดงดนตรีไทยก็พอว่า แต่ถ้าเป็นคอนเสิร์ตวัยรุ่นก็ขอเชิญให้ผู้ว่าฯ กทม. ไปร่วมนั่งดูบนชั้น 5 ด้วย และอยากทราบว่างานชิ้นนี้กระทรงการท่องเที่ยวและกีฬาทำไมไม่ทำเอง หากใช้ที่สนามกีฬาหัวหมาก งบประมาณก็ไม่น่าจะเกินพันล้าน แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมัยนั้นกลับอนุมัติงบกว่าพันล้านบาทให้ไปทำที่หนองจอก ความบกพร่องแบบนี้ หากในอนาคตเราจะจัดแข่งกีฬาระดับโลกอีก ต่างประเทศเขาจะเชื่อมั่นได้อย่างไร จะมีบทลงโทษ จะบอก กทม.ได้ไหมว่าให้เงียบๆ หน่อย แล้วก้มหน้าก้มตายอมรับไป และที่ผู้ว่าฯ กทม.ระบุว่าจะฟ้องร้องฟีฟ่า แต่ฟีฟ่าเป็นองค์กรระดับโลก ทำอะไรมีคณะกรรมการพิจารณา จะกระทบความเชื่อมั่นต่อประเทศหรือไม่ กทม.ทำเสียของไปแล้ว เขาอาจขึ้นบัญชีว่าแม้แต่สนามฟุตซอลยังทำไม่เสร็จ
นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงว่า เรื่องนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ได้รับผิดชอบมาตั้งแต่ต้น เป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ มอบหมายให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเอกชนไปดูแล และให้ กทม.ดูเรื่องการก่อสร้างอาคารสนาม โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ จำนวน 1,290 ล้านบาท เราไปก้าวก่ายอะไรไม่ได้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบได้จับตาดูตั้งแต่ต้น และตั้งข้อสังเกตแล้วว่าหนองจอกมันไกล ความเหมาะสมไม่ค่อยมี กระทรวงฯ เรามืออาชีพไม่ใช่มือสมัครเล่น เรารู้อยู่แล้วว่าสนามที่หนองจอกจะไม่เสร็จ ก็เลยเตรียมการรองรับเหตุฉุกเฉินไว้ทั้งที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน รองรับฉุกเฉิน และอาคารกีฬานิมิตบุตร ฟีฟ่าได้ตรวจสอบแล้วก็พอใจ
“เรื่องนี้เป็นบทเรียนว่า งานใหญ่ระดับโลกแบบนี้รัฐบาลกลางควรเป็นคนทำ แต่ครั้งนี้เป็นพิเศษเพราะเป็นการผลักดันจากสมาคมฟุตบอล ต่อไปต้องใช้มืออาชีพไม่ใช่มือสมัครเล่นแบบนี้ เพราะท้องถิ่นประสานไม่ได้ กระทรวงฯ พยายามชดเชยโดยทำประชาสัมพันธ์ทุกทาง เสียความรู้สึกเสียแน่ กระทบความเชื่อมั่นกับต่างประเทศบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด เราเจรจาดึงการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาแข่งที่ไทยอีกหลายชนิด ทั้งเอฟวัน บีชเกม รวมทั้งเอเชียนเกมส์” นายชุมพลกล่าว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขอใช้สิทธิพาดพิงโดยชี้แจงว่า เรื่องนี้นายชุมพลกับตนทำงานมาด้วยกัน แต่คนที่ขับเคลื่อนมาตั้งแต่ต้นคือนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่ไปพูดคุยกับฟีฟ่าและมาหารือกับตนว่ามีโอกาสจัด ก็เห็นเป็นโอกาสดีจึงให้การสนับสนุนนำเรื่องเข้า ครม. เดิมไม่คิดสร้างสนามแต่จะปรับปรุงสนามที่มีอยู่ดัดแปลงเป็นสนามฟุตซอลชั่วคราว แต่ฟีฟ่าต้องการให้เราสร้างใหม่ความจุหมื่นกว่าคน ครม.จึงพิจารณาลงทุน ก็ดูสถานที่ หนองจอกเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ กทม.บอกว่าเหมาะสม อาจดูว่าห่างไกล แต่เป็นเรื่องปกติใช้โอกาสสร้างสนามใหม่เพื่อการพัฒนา
ส่วนปัญหาก่อสร้างสนามต้องไปลำดับกันว่าอนุมัติก่อสร้างเมื่อไหร่ อย่าลืมว่ามีปัญหาน้ำท่วมด้วย แต่เรามีแผนรองรับไว้แล้ว ซึ่งทางฟีฟ่าก็เข้าใจ การตั้งกระทู้ถามเช่นนี้เหมือนตรวจสอบ กทม. ไม่ใช่ตรวจสอบรัฐบาล ผู้ว่าฯ กทม.ก็ขออภัยแล้วควรเปิดโอกาสให้ได้ชี้แจงมาเป็นเอกสาร และทุกคนก็เสียใจที่สนามไม่สามารถใช้งานได้
จากนั้น นายจิรายุ ได้แถลงข่าวอีกครั้งถึงกรณีสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มีมติไม่รับรองสนามบางกอกฟุตซอล อารีน่า เป็นสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกว่า ถือเป็นความบกพร่องของผู้บริหาร กทม. และขอให้ กทม.ขอโทษฟีฟ่าที่ไปขู่ว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากฟีฟ่าที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันกีฬาประเภทอื่นๆ ในระดับโลกที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ ในวันที่ 12 พ.ย.พรรคเพื่อไทยจะไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณ 1,400 ล้านบาท ในการก่อสร้างสนามดังกล่าวว่า มีความถูกต้องหรือไม่ และในวันที่ 14 พ.ย.จะไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนผู้บริหาร กทม.ที่บริหารงานบกพร่องจนสนามก่อสร้างเสร็จไม่ทันตามกำหนด