xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ชี้ปรับ ครม.ชัด “แม้ว” เลือก ยันเด็กไม่หวั่นไหว “ยุทธพงศ์” ไปแล้วได้ดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
โฆษกประชาธิปัตย์ ชี้ปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 1/3 “แม้ว” เลือกคนชัด แถมปูนบำเหน็จ “สุรพงษ์” ระบุแดงถูกมองค่าแค่คนชั้นสาม จับตา รมต.ใหม่ 4 กระทรวง เชื่อ “บุญทรง” ยังอยู่เหตุถูกเก็บไว้เป็นกันชนรอปรับหลังซักฟอก ปัด “ยุทธพงศ์” ออกจากพรรคไปแล้วได้ดี ยันคนในไม่หวั่นไหว เผยนายใหญ่ทำร้ายผู้เฒ่าอีสานพรรคตัวเองมากกว่า ย้ำพร้อมอภิปรายในสภา

วันนี้ (29 ต.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่า เห็นได้ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังมีบทบาทสูงในการเลือกคนมาเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ และยังกุมยุทธศาสตร์การทำงานของรัฐบาล เนื่องจากมีการส่งคนใกล้ชิดคือกลุ่มบ้านเลขที่ 111 กลับมาคุมกระทรวงยุทธศาสตร์ที่อยู่ในความสนใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คุมกระทรวงพลังงาน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา คุมกระทรวงศึกษาธิการ เป็นการสะท้อนว่ากระทรวงที่มีความสำคัญและมีบทบาทในการกำหนดทิศทางและนโยบายของประเทศต้องอยู่ในการดูแลของ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น เช่นเดียวกับคนที่ทำงานเต็มที่อย่างนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ที่ออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ให้ทั้งที่ขัดต่อระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ กลับได้เลื่อนชั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบกระทรวงการต่างประเทศ จึงต้องตอบแทนการทำงานให้ เหล่านี้สะท้อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้บุคคลที่มีความซื่อสัตย์และทำงานถวายชีวิตให้

นายชวนนท์กล่าวว่า แต่ที่สะท้อนอีกแง่มุมหนึ่งคือ แกนนำเสื้อแดงซึ่งถือเป็นบุคลากร ชั้นสองหรือชั้นสามในสายตา พ.ต.ท.ทักษิณ และมีภาระกิจเพียงต่อสู้ข้างถนน บาดเจ็บล้มตาย ติดคุกมีคดีความให้ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์มาดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหาร ถูกมองเป็นเพียงเครื่องมือที่จะต่อสู้ในวันที่เพลี่ยงพล้่ำ แต่ไม่มีสิทธิ์กำหนดตัวฝ่ายบริหาร คนเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด แม้จะมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่คงเป็นฟางเส้นสุดท้ายก่อนที่จะสละเรือตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยบอกไว้ ที่ต้องปรับเพราะไม่สามารถดูแลราคาพืชผลเกษตรตกต่ำได้ แต่เมื่อไม่สามารถปรับออกไปได้เพราะกลัวแรงกระเพื่อมจึงจำเป็นต้องให้ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์แทน

นายชวนนท์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม อยากฝากการบ้านให้กับ ครม.ชุดใหม่ ใน 4 กระทรวงหลัก คือ 1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องดูแลปัญหาด้านผลผลิตทางการเกษตร เช่น ยางพารา มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน ข้าว รวมถึงการแก้ปัญหาภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้น 2. กระทรวงพาณิชย์ที่ต้องไปดูปัญหาของตัวเลขการส่งออก โดยเฉพาะการค้าข้าวที่ยังมีตัวเลขการส่งออกติดลบกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับยอดส่งออกปีที่แล้ว สัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ยังไม่มีการดำเนินการแม้แต่เมล็ดเดียว โดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ ในฐานะรมช.พาณิชย์ที่ต้องแสดงฝีมือแก้ปัญหาในเรื่องการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และควบคุมราคาสินค้าในประเทศด้วย 3. กระทรวงพลังงาน ซึ่งต้องเร่งแก้ไขปัญหาราคาพลังงานสูงขึ้น โดยเฉพาะการควบคุมก๊าซแอลพีจี ในภาคครัวเรือน ราคาก๊าซเอ็นจีวี และต้องไม่ให้ใครคนใดมีส่วนได้-เสียกับผลประโยชน์ด้านพลังงานของประเทศ 4.กระทรวงมหาดไทย ที่น่าจับตาว่าภารกิจของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยคนใหม่ และว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะเข้ามาดำเนินการภารกิจจัดงานเสวนาเพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายล้างผิดให้กับใครหรือไม่ ทั้งนี้หากรัฐบาลไม่สามารถจัดการปัญหาและวางแนวทางการทำงานใน 4 ข้อดังกล่าวได้ การปรับ ครม.โดยอ้างว่าเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานคงไม่มีความหมาย เพราะถือว่าประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรจากความลงตัวทางการเมืองครั้งนี้เลย

ส่วนกรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการะทรวงพาณิชย์ที่ยังอยู่ในตำแหน่งแม้โครงการรับจำนำข้าวยังถูกโจมตีอย่างหนักนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นการเก็บไว้เพื่อเป็นกั้นชนในการอภิปรายไม้ไว้วางใจ ซึ่งถ้านายบุญทรง ไม่สามารถชี้แจงในการอภิปรายได้ก็น่าเชื่อว่าอาจจะมีการถูกปรับออกจากตำแหน่งตาม

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตร และอดีตเคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เช่นนี้ถือว่าผู้ที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์จะได้ดีจริงหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า ไม่ใช่ และคนในพรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีใครหวั่นไหวกับการเชื้อเชิญให้ได้รับตำแหน่ง มิเช่นนั้นคงไม่ยืนหยัดที่จะต่อสู้กับระบอบทักษิณได้ถึงขณะนี้ อีกทั้งการมองว่าการที่นายยุทธพงศ์ ได้รับตำแหน่งถือว่าทำร้ายพรรคประชาธิปัตย์นั้น แท้จริงแล้วต้องมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำร้าย ส.ส.ภาคอีสานของพรรคเพื่อไทยมากกว่า เพราะมี ส.ส.อีสานอาวุโสของพรรคเพื่อไทยหลายคนที่ทำงานรับใช้พรรคมานาน แต่ไม่เคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายชวนนท์ยังยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แม้จะมีหลายคนในรัฐบาลพยายามแสดงออกถึงการคุกคามและดิสเครดิตว่าไม่มีข้อมูล ไม่มีความพร้อมก็ตาม และอยากจะเตือนว่า แม้จะปรับ ครม.ไปแล้วก็ไม่มีผลอะไรต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะนายกรัฐมนตรียังอยู่และต้องรับผิดชอบทุกนโยบาย ขอให้รัฐบาลกลับไปเตรียมความพร้อมรอชี้แจงข้อเท็จจริงในสภา และให้ประชาชนตัดสินว่า มีข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใด ขอให้หยุดพฤติกรรมปากกล้าขาสั่นเพราะไม่เป็นประโยชน์ใดๆ กับประชาชนและประเทศชาติ


กำลังโหลดความคิดเห็น