จินดารัตน์- กลับมาช่วงที่ 2 คุยทุกเรื่องกับสนธินะคะ ทุกเรื่องจริงๆ เดี๋ยววันนี้จะมีอีกเรื่องหนึ่งรายต่อไปจะมี 11 คน ที่จะเป็นรายต่อไป เยอะนะ แอบมาทั้งคณะเลยคะเขาเรียกว่า กสทช. มวยล้มต้มคนดู และมันเกิดทฤษฎีใหม่ เขาบอกทฤษฎี เตะหมูเข้าปากหมา มันคืออะไรคะคุณสนธิ วันนี้ที่เขาง้องแง้ง ง้องแง้งกันอยู่เนี้ยะ ระวังนะมันจะกลายเป็นเข้า ขออภัยนะคะท่านผู้ชม เข้าตีนบางคนอะไรอย่างนี้
สนธิ- คือโดยสรุปแล้ว เราอย่าเพิ่งไปหลงประเด็นเรื่อง กสทช. ที่มาของ กสทช.ชุดนี้เริ่มจากนี้ก่อน ไม่โปร่งใสเลย มีเรื่องฟ้องร้องกันอยู่ตอนนี้ ฟ้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญคือ มีอยู่หลายคนถูกเลือกมาอย่างผิดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมาย มี 2 คนเคยเป็นถึงกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นลูกน้องคุณพินิจ จารุสมบัติ แล้วก็เมื่อลาออกจากพรรคแล้ว ยังไม่ครบกำหนดมาสมัคร และคณะกรรมการสรรหาไม่สนใจในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่มีคนทักท้วง
จินดารัตน์- ดันทุรัง
สนธิ- ดันทุรัง ที่สำคัญคือ คณะกรรมการสรรหาที่ตั้งขึ้นมา อดีตแท้ที่จริงก็คือ อดีตอนุกรรมการของ กทช.เก่า ซึ่งคนพวกนี้เป็นคนตั้งเหมือนกัน เขาเลยเรียกคนพวกนี้เข้าไป เข้าใจหรือยัง บางคนเป็นถึงอดีตคือ มียศฐาบรรดาศักดิ์นะ แต่ในข้อเท็จจริงเวลาอยู่กับพินิจ จารุสมบัติ ขับรถให้พินิจ จารุสมบัติ นี่เรื่องจริงนะครับ บางคนเข้ามาเป็นคนของแกรมมี บางคนเข้ามาเป็นคนของ มาสายของศิธา ทิวารี เจ๊หน่อย สุดารัตน์ และเจ๊แซวมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นแล้วกรรมการ กสทช.ชุดนี้ เป็นกรรมการที่ค่อนข้างที่จะมีมลทินไม่โปร่งใสเลยแม้แต่นิดเดียว พอผมคิดว่า ทำเอากันจริงๆ แล้ว ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง และถ้าคณะกรรมการถือว่า กระบวนการยุติธรรมตรงไปตรงมา กระบวนการสรรหาผิดกฎหมายเยอะเลย หลายข้ออันนี้คือที่มาและ เมื่อที่มา มันมาอย่างไม่สง่างาม มาอย่างมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง มาอย่างเหมือนคนมีมลทินตลอดเวลา วิธีคิดไม่เหมือนกันอีก มันจะเหมือนกันได้อย่างไง
วันนี้เขาพยายามที่จะโต้เถียงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณ พ.อ.เศรษฐพงศ์ แกบอกว่า ใครก็ตามที่จะมาล้มการประมูลครั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นคนขายชาติ คำพูดนี้แรงมากเลย คำพูดนี้แรงมาก ถ้าเอาตัวผลตัววัด ถ้าผมวิพากษ์วิจารณ์ กสทช.เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ระหว่างกับผม คุณเศรษฐพงศ์ ผมว่าผมรักชาติมากกว่าคุณนะ เพราะตอนที่ผมสู้เรื่องดินแดนเขมร คุณไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ คุณไม่เคยสนใจ ถ้าจะวัดการกระทำของคนนะ และการที่ผมไม่เห็นด้วยกับการที่คุณประมูล ไม่ใช่แปลว่าผมต้องการขายชาติ เพราะผมไม่เห็นด้วย แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการของคุณ วันนี้คุณกับผมมาเถียงกันในเรื่องวิธีการ คุณกับผมไม่ได้เถียงกันเรื่องอื่นเลย วิธีการ ผมบอกว่าวิธีการของคุณทำผิด เพราะว่ามันฮั้วกัน และผมจับโกหกคุณแล้ว ที่คุณบอกว่า จะมีคนประมูลมากกว่า 3 ราย แล้วในที่สุดมี 3 ราย ดูเหมือนเก้าอี้ดนตรี มีคนเล่น 3 คน มีเก้าอี้ 3 ตัว
กรองทอง- ก็ไม่ต้องแย่งกัน
สนธิ- ก็ไม่ต้องแย่งกัน ไม่ใช่เก้าอี้ดนตรี อันนี้คือตรรกะธรรมดา เป็นตรรกะที่มีเหตุผล แต่ตรรกะของคุณ มันตรรกะหัวแม่ตีน ใช่ไหม ที่คุณมาบอกว่า มีเก้าอี้อยู่ 3 ตัว เล่นกันแล้วนี่ แฟร์นะแข่งขันกันแฟร์ แล้วคุณยืนยันตลอดเวลาว่า การซึ่งให้ประมูลแล้ว เชิญคนเข้ามา เพื่อที่จะให้ประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
จินดารัตน์- เขาอ้างว่า เป็นการประมูลที่โปร่งใสที่สุด
กรองทอง- ตั้งแต่ที่มีประเทศไทยมา ขนาดนั้นเลย
สนธิ- ผมไม่อยากจะ ถุย มันหยาบ
จินดารัตน์- ทำมันเถอะคะ ทำไปแล้วคะ
สนธิ- อะไรนะ
จินดารัตน์- ทำไปแล้วคะ
สนธิ- อ้าวตาย ผมเล่าให้ฟังไง ผมอยากจะถุยไง อาทิตย์ที่แล้วผมเปรียบเทียบให้ดู ท่านผู้ชมหลายคนที่ไม่เข้าใจ ดูแล้วเข้าใจ แต่อีกประเด็นหนึ่งผมก็จับโกหกเขาได้อีก จำได้มั้ย เขา รู้สึกว่าวงแตก เขาก็เลยรีบออกมาบอก เขาจะให้ลดราคาค่าบริการ 15-20 เปอร์เซ็นต์ เพื่อที่จะให้บอก เฮ้ย ผมรักษาผลประโยชน์ประชาชนแล้วนะ คำถามมีอยู่ว่า คุณลดราคาจากมาตรฐานตรงไหนครับ
จินดารัตน์- หรือแม้แต่เป็นเงื่อนไขระหว่างบริษัทเอกชนก่อนประมูลหรือเปล่า
สนธิ- คุณมีประกาศอันหนึ่ง ทำไมไม่ประกาศสักที ที่คุณบอกว่า นาทีละ ทั้ง voice ทั้ง data ห้ามเกิน 99 สตางค์ ทำไมคุณไม่ประกาศออกมาล่ะ แล้วคุณก็ตั้ง 99 สตางค์ เป็นมาตรฐานใช่มั้ย แล้วคุณก็ลด 15-20 เปอร์เซ็นต์ จาก 99 สตางค์ ถูกมั้ย ถ้าคุณตีสัก 1 บาท คุณลด 20 สตางค์ ก็เหลือ 80 สตางค์ 80 สตางค์นี่ต้นทุนจริงๆ ที่ผมรู้ บริษัทโทรศัพท์เอกชนบอก 36 สตางค์เอง 36 สตางค์ ลด 80 คุณก็ยังได้กำไร 47 สตางค์ต่อ 1 นาที แล้ววันนึงกี่สิบล้าน กี่ร้อยล้านนาทีล่ะ เพราะฉะนั้นคุณบอกคุณจะลด 15-20 เปอร์เซ็นต์ แต่คุณยังไม่ได้บอกประชาชนเลย มาตรฐานคุณตั้งไว้ที่เท่าไร พอมันจะผ่านจะบอกว่า 1.50 ก็ได้ ถูกมั้ย เห็นมั้ย นี่จับโกหกได้อีกหรือเปล่า
ที่สำคัญที่สุด ที่ร้ายกาจที่สุดเลย บังอาจมาบอกว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการประมูลนี้ จะต้องเป็นคนที่ล้มการประมูล จะต้องเป็นคนขายชาติ คุณบ้าหรือเปล่าคุณเศรษฐพงศ์ ผมยังไม่รู้เลย นี่คือนักเรียนเหรียญทองนายร้อย จปร.อีกคนนะ ผมเพิ่งพูดนายเก่าคุณ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ผมต้องมาพูดถึงคุณอีกแล้ว ผมกลุ้มใจจริงๆ เลย นี่เรื่องจริงแอน คุณพูดได้ยังไง แล้วที่สำคัญที่สุด ผมอยากจะพูดถึงคุณสุทธิพล
คุณสุทธิพลนี่เป็นอดีตเลขาฯ กกต. คุณสุทธิพลพูดออกมาค่อนข้างที่จะน่าเกลียดมาก คุณสุทธิพลบอกว่าอดีตเป็นถึงผู้พิพากษา จะไม่มีวันที่จะคดโกง จะไม่มีอะไรสักอย่าง คุณสุทธิพลครับ การที่คุณมีอาชีพผู้พิพากษาไม่ได้แปลว่าโกงไม่ได้นะ ผู้พิพากษาที่รับเงินเยอะแยะไปหมด ผู้พิพากษาที่มีปัญหาก็มี อย่างเช่นคุณมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตผู้พิพากษา อธิบดีศาลอาญา วันนี้เป็นพวกเสื้อแดง คุณอุดม มั่งมีดี ที่พิพากษาจำคุกผมเรื่องคดีหมิ่นประมาท ขึ้นเวทีเสื้อแดง เป็นพวกเสื้อแดงเลย แล้ววันนี้ได้รับแต่งตั้งมาเป็นกรรมการ ป.ป.ท. เห็นมั้ย ทำไมจะไม่มี แล้วผู้พิพากษาที่โดนไล่ออก คณะกรรมการ กต.ไล่ออก เป็นสิบๆ คน เป็นร้อยคน เพราะทุจริต คุณสุทธิพลพูดได้ยังไงว่า ผู้พิพากษาจะไม่โกง แต่คุณบอกว่าคุณเป็นผู้พิพากษา คุณไม่โกง อันนั้นผมไม่รู้ แต่คุณอย่าเอาแบบคุณเศรษฐพงศ์ ที่เอาพ่อแม่มาสาบาน ใครเป็นพ่อแม่คุณเศรษฐพงศ์นี่ชีช้ำเลย
จินดารัตน์- อยากจะเฉดหัวออกจากบ้าน อั๊วไม่เกี่ยวด้วยเลย
สนธิ- อั๊วไม่เกี่ยวด้วยเลย ลื้อทำอะไรอั๊วก็ไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว
กรองทอง- เขาบอกว่า ที่ไปขุดคุณพ่อคุณแม่มาสาบานในที่ประชุมกรรมาธิการวุฒิฯ ทุกคนงง คือคุณเศรษฐพงศ์เป็นคนชี้แจงคนแรก เมื่อวาน แล้วเขาก็บอกว่า ชี้แจงอะไรเสร็จแล้วก็ขุดพ่อแม่มาสาบาน
จินดารัตน์- สาบานว่าขอให้ฉิบหาย
กรองทอง- ทุกคนงงไง ว่า เอ๊ย แล้วยังไง ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ เพื่อ??
จินดารัตน์- คุณฐากร แกพูดออกมาคำหนึ่ง แสดงว่าแกก็ดูรายการนี้อยู่นะเมื่อศุกร์ที่แล้ว แกบอกว่า รับประกันได้ครับว่าที่สำนักงาน กสทช.ไม่มีเงินหล่น ไม่มีใครทำเงินหล่นค่ะคุณสนธิ
สนธิ- งั้นผมถามคุณฐากรแล้วกัน ไหนๆ คุณก็พูดคำนี้ออกมาแล้ว คุณฐากรช่วยผม ไปเช็กหน่อยได้มั้ย สมัยคุณเป็นรองเลขาธิการ กสทช. มันมีการให้ทุนคนไปเรียนต่อเมืองนอก 20 ล้านบาท เรียนปริญญาโท ปริญญาเอก คุณฐากรช่วยผมเช็กหน่อยได้มั้ย คุณอยู่ในคณะกรรมการ หรือมีสิทธิ์ มีส่วนในการอนุมัติและตัดสินว่าใครได้ คุณช่วยเช็กหน่อยได้มั้ยว่าใครได้ทุนนั้นไป
จินดารัตน์- มีใครบ้าง นามสกุลอะไรบ้าง เหรอคะ
สนธิ- อืม เพราะว่าผมได้ข่าวแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นลูกสาวคุณเองนะ แล้วได้อยู่คนเดียว คุณฐากร ก่อนที่คุณจะพูดคำอะไรก็ตาม คุณดูตัวคุณเองเสียก่อน ผมอาจจะผิดก็ได้นะ ถ้าผมผิด ผมขอโทษ แต่ว่าผมคิดว่าผมไม่น่าจะผิดนะ เพราะข้อมูลที่ผมได้มาก็ชัดเจนพอสมควร 20 ล้านบาท แอน นุก ต่อตั้งแต่โท จนจบเอก
จินดารัตน์- คนเดียวเลยเหรอคะ
สนธิ- คนเดียว
กรองทอง- ไม่หล่นเลยไง
สนธิ- ไม่หล่นเลย ไม่ได้หล่น
กรองทอง- ได้เต็มๆ เลย
จินดารัตน์- โอ๊ย พ่อเจ้าประคู้ณ.... คิดแล้วเจ็บใจ
สนธิ- ผมถึงบอกไง คุณรู้จักคน รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ ใช่มั้ย
จินดารัตน์- ใช่ค่ะ เพราะว่า พ.อ.เศรษฐพงศ์ แอนขอเล่าหน่อยแล้วกัน หงุดหงิด เคยเป็นอาจารย์แอน สอนปริญญาโทค่ะเรื่องการสื่อสาร พูดถึงเรื่องหนึ่งว่า เงิน 300 ล้าน เคยมีคนเอามาเสนอผ่านหน้าห้อง ซึ่งเขาเป็นหน้าห้อง เขาไม่เซ็น เขาแสดงถึงความมือสะอาด ตงฉินของเขา แต่วันนี้ อาจารย์คะหนูเริ่มไม่แน่ใจแล้ว หนูเริ่มไม่แน่ใจในตัวอาจารย์แล้ว พูดกันตรงๆ เลยนะ ดูอาจารย์แล้ว อาจารย์ดูแปลกๆ ระยะหลังๆ นี้
กรองทอง- แล้วอย่าง กสทช. อย่างสุทธิพล ที่เขาเหมือนกับเป็นสคริปต์ที่จะเป็นคำพูดที่เขาจะต้องพูดทุกวัน คือ กสทช.ไม่มีหน้าที่ที่จะหารายได้ให้รัฐ อันนี้คือคำชี้แจงของเขาทุกเวที ไม่ว่าจะไปเวทีไหน ไปสื่อไหน ไปช่องไหน เขาก็จะย้ำอยู่เสมอว่า กสทช.ไม่ได้มีหน้าที่ต้องหารายได้เข้ารัฐ
จินดารัตน์- คุณสนธิคะ การประมูลในต่างประเทศ เขาบอกมันมีการประมูลอยู่ 2 แบบ คือ 1. ประมูลเพื่อประสิทธิผล ประสิทธิภาพ จากเอกชนที่เข้ามาประมูล ให้ราคาต่ำ เราไม่ได้เน้นราคา 2. คือเน้นราคาในการประมูล ซึ่งเขาบอกว่าทั่วโลกไม่มีที่ไหนเขาเน้นราคาประมูลกันหรอก อย่างนี้ก็ถูกต้องแล้ว
สนธิ- คืออย่างนี้ ทั้งคุณเศรษฐพงศ์ ทั้ง กสทช.ทั้งคุณฐากร ทั้งคุณสุทธิพล แล้วก็ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ กสทช.พูดมาตลอด ว่าการประมูลครั้งนี้ต้องการให้เกิดการแข่งขันจริงๆ แล้วต้องการให้มีมากกว่า 3 เจ้า
จินดารัตน์- เลยตั้งราคาต่ำๆ อย่างนี้เหรอคะ
สนธิ- ไม่ๆ นี่คือปรัชญาเริ่มแรก ต้องการให้มีมากกว่า 3 เจ้า เขาถึงใช้เงิน 20 ล้านบาท ไปทำโรดโชว์เมืองนอกไง เพื่อเชิญชวนคนมาเข้าประมูล
จินดารัตน์- ที่บินเฟิรสต์คลาสน่ะเหรอคะ
สนธิ- ที่บินเฟิรสต์คลาส แล้วพอมาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ปรากฏว่าก็ยังคงเหลือแค่ 3 เจ้าเหมือนเดิม เขาก็บอกว่า การที่จะมีเจ้าที่ 4 เข้ามา มันหายาก กสทช.เลยต้องกล้าตัดสินใจเพื่อไม่ให้ช้า เพื่อให้มีการประมูลเกิดขึ้น เพื่องาน 3G จะได้เดินหน้าต่อไป คือพวกนี้ตั้งข้อสมมติฐานเอาไว้อย่างนี้ ว่าถ้าไม่มี 3G ประเทศชาติล่มจม
จินดารัตน์- อยู่ไม่ได้แน่ๆ
สนธิ- ถึงขนาดเอาการคำนวณของอาจารย์ของนิด้ามา เดี๋ยวนี้เอาอาจารย์ชนอาจารย์แล้วนะ อาจารย์จุฬาฯ ว่าอย่างนี้ อาจารย์นิด้าว่าอย่างนี้ คือสรุปง่ายๆ ทั้งหมดนี่ลืม คำพูดที่สามัญสำนึกที่สุดคือว่า Common Sense สามัญสำนึกเขาว่าอย่างไร สามัญสำนึกเขาว่า ปีที่แล้วรัฐได้ไป 41,000 ล้านบาท จากศาลเจ้า 1 ปี นั้นคือสามัญสำนึก สามัญสำนึกต้องบอกว่า ถ้าอย่างนั้นแล้ว เงินที่ได้จากการประมูลก็ไม่ควรต่ำกว่า 41,000 ล้าน เสร็จเรียบร้อยแล้วในอดีตรัฐมีหน้าที่ที่จะเก็บสัมปทานให้ และจะต้องจ่าย ถ้าปีที่แล้วจ่าย 41,000 ล้าน ปีต่อไปก็ 41,000 ล้านใช่ไหม อีก 15 ปี รัฐจะไม่ได้อีกแล้วเดะ ไม่ควร ควรจะให้ประมูลอย่างน้อยขั้นต่ำ 41,000 ล้าน เสร็จเรียบร้อยแล้วยังจะต้องจ่ายอีก 10 เปอร์เซ็นต์ หรือ 5 เปอร์เซ็นต์ เขาบอกว่าเขาต้องการเลิกระบบสัมปทาน การที่คนประมูลได้ ได้สิทธิ์ 3 จีไปใช้ แล้วยังจะต้องจ่ายต่อปี 5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ของยอดรายได้ มันไม่ได้เล่นสัมปทานแล้ว คุณระบุชัดได้ จ่ายเข้ากระทรวงการคลัง จ่ายให้ประเทศไทยสิ ไม่ได้จ่ายให้ทีโอที ไม่ได้จ่ายให้แคท แต่จ่ายเข้าประเทศไทย จ่ายเข้ากระทรวงการคลัง ทำไมคุณไม่ทำอย่างนี้ นี่คือสามัญสำนึกไง เข้าใจหรือยัง
แล้วเขาบอกว่า เขาไม่ได้มีหน้าที่มาหารายได้ ถ้าคุณไม่มีหน้าที่มาหารายได้ คุณมีหน้าที่ให้แค่ประมูลเฉยๆ ถ้าอย่างนั้น มันมีบริษัทประมูลรถยนต์ชื่ออะไรนะ
จินดารัตน์- สหการประมูล
สนธิ- ให้สหการประมูลเข้าประมูลไป ใช่ไหม ทำไมต้องจ้างคุณเงินเดือนสูง ให้สหการประมูลเขาประมูลสิ
จินดารัตน์- เขาจัดการประมูลโรดโชว์ตั้ง 20
สนธิ- ไม่เอาแล้วมี ให้อาแปะ ทุกวันนี้ที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ทุก 3 เดือนจะมีอาแปะมา 3 เจ้า ประมูลหนังสือพิมพ์ ให้อาแปะ 3 คนประมูลได้เหมือนกัน
กรองทอง- น่าจะจัดให้เกิดการแข่งขันได้ดีกว่าด้วยซ้ำ
สนธิ- ถูกต้อง
กรองทอง- ตอนนี้มันไม่มีแข่งขันเลย
สนธิ- แล้วเขาบอก เขาไม่มีหน้าที่หารายได้ คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร แสดงว่าจิตใต้สำนึกคุณไม่มีอยู่เลยหรือ เพราะฉะนั้นแล้ว Common Sense คุณไม่มี จิตใต้สำนึกคุณก็ไม่มี ความรับผิดชอบต่อสังคม คุณก็ไม่มี คุณบอกว่า ค่าประมูลแพงไป บริษัทโทรคมนาคมจะอยู่ไม่ได้ เขาอยู่ได้ไม่ได้ มันหนักกบาลคุณตรงไหน เดือนร้อนคุณตรงไหน คุณตอบผมสิ คุณไปคิดแทนเขาได้อย่างไร คุณยิ่งคิดแทนเขามากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นที่สงสัยว่า คุณต้องมีผลประโยชน์กับเขา
กรองทอง- แล้วเขาจะชอบยกตัวอย่างของต่างประเทศ ญี่ปุ่นแจกเลยไม่ต้องประมูลกัน
สนธิ- ไม่จำเป็น นี่คือประเทศไทย ญี่ปุ่นมันกินปลาดิบ มันกินข้าวปั้น ประเทศไทยกินแจ่วกินปลาร้า คิดเสียอย่างนี้ไง คุณอย่าไปดูถูกภาคเอกชน ถ้าเขาเห็นว่าแพงไป ไม่ได้ สู้ไม่ได้ เขาไม่ทำ เขาไม่โง่หรอก ถ้าเขาไม่ทำไม่มีใครเข้าประมูลไม่เป็นไร เอามาทบทวนใหม่ได้ ไม่มีใครว่าคุณและ คุณทำหน้าที่คุณดีที่สุดและ ถูกไม่ถูก แต่เอาแหละคุณเชื่อผม แอน นุกเชื่อผม ตั้งไว้ 41,000 ล้านนี่ได้แน่นอน เพราะว่าสัมปทานหมดกันแล้ว พอบริษัทโทรศัพท์สัมปทานหมดแล้ว มันคือบริษัทเปล่าๆ ไม่มีรายได้และ ถูกไม่ถูก
จินดารัตน์- ก็ต้องดิ้น
สนธิ- คำถาม เขาถึงต้องถามกลับคุณเศรษฐพงศ์ไง ว่าคุณโง่ หรือคุณแกล้งโง่ คุณไม่รู้เชียวหรือว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร การค้าธุรกิจเข้าเป็นอย่างไรบ้าง คุณไปคิดแทนนักธุรกิจเขาได้อย่างไร สามัญสำนึกบอกว่า ปีที่แล้วรัฐได้ 41,000 ล้าน เราต้องเริ่มไม่ให้ต่ำกว่า 41,000 ล้าน เสร็จแล้วในเงื่อนไขการประมูล เมื่อประมูลได้แล้วสัญญา 15 ปี ต่อปีเดิมทีบริษัทที่ประมูล บริษัทที่ได้สัมปทานไป จะต้องจ่ายรัฐ 20-25 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องเยอะก็ได้ 5-10 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ทุกปี นี่คือการปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ นี่คือการทำงานให้สมกับที่คุณเอาเงินของภาษีอากร เอาเงินพวกนี้มาใช้ เงินของส่วนรวมมาใช้ ถูกไม่ถูกแอน
จินดารัตน์- ใช่
สนธิ- ทำไมคุณคิดไม่เป็น คุณกลับมาบอกว่า ไม่ได้ต้องกล้าหาญตัดสินใจ กล้าหาญแบบนั้นเขาไม่ได้ว่า กล้าหาญ เขาเรียกว่าตัดสินใจแบบขี้ขลาด และมีเบื้องหลัง ถ้ากล้าหาญตัดสินใจต้องบอกว่า ประมูลอันนี้ราคาต่ำเกินไป ยกเลิก นี่คือกล้าหาญ ต้องบอกว่ายกเลิก แล้วมาประมูลกันใหม่ แล้วก็ให้มีแค่ 2 เจ้า 2 สล็อต ไม่ให้ 3 เก้าอี้ดนตรีมีแค่ 2 แล้วเอา 3 เจ้าเข้ามาแข่ง
จินดารัตน์- แล้วกระเหี้ยนกระหือรือรีบประชุม กทค.เชียวนะคะ
สนธิ- ก็นี่ไง เพราะฉะนั้นแล้วการจับโกหกเขา แล้วผมยังจับโกหกเขาได้อีกหลายข้อ เช่น ไม่เดี๋ยวผม จริงๆ นะนายเป็นอย่างไร ลูกน้องเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าใครจะคัดค้านล้มการประมูล 3 จี ผมจะถือว่าเป็นคนทำลายประเทศชาติ เอ๊ะตายแล้วนุก เธอเป็นคนทำลายประเทศชาติเหมือนกันนะ ฉันก็ทำลายประเทศชาติ ทุกคนทำลายประเทศชาติหมดเลยนะ มีเศรษฐพงศ์คนเดียวที่รักชาติ รักจนน้ำลายไหล รักเผื่อแผ่ถึงพ่อแม่เขาด้วย
กรองทอง- ใช่ๆ แต่เขาจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบตัวเอง ที่ตอนนี้กำลังจะประชุมกันอยู่ที่จะเชิญเลขาธิการสภาฯ มาเป็นประธานคณะทำงานชุดนี้ เพื่อจะตรวจสอบ ตรวจสอบการประมูล และไม่ใช่ตรวจสอบว่ามีการฮั้วหรือเปล่านะ คือประเด็นในการตรวจสอบคือ จะตรวจสอบพฤติกรรมการเคาะราคาของผู้เข้าร่วมประมูล และรู้ด้วยว่าจะตรวจสอบเสร็จภายใน 15 วัน เขาบอกว่า 15 วันรู้ผล
จินดารัตน์- เก่งเนอะ จบด็อกเตอร์ ก็ถูกแล้วที่เขาพูด เขาไม่ได้มีหน้าที่หารายได้เข้ารัฐ นั้นก็เลยต้องประเคนไง ต้องประเคนให้
กรองทอง- ไม่ต้องประมูล ต้องประเคน
สนธิ- เขาบอกอย่างนี้ คำพูดที่น่าเกลียดที่สุด เขาบอกว่า รัฐไม่มีอะไรเสียหาย เพราะว่า 3 จีไม่มีต้นทุน มันเป็นอากาศ มันเป็นคลื่น ไม่มีต้นทุน แต่คำถามมันบอกว่า ต้นทุนของรัฐนี่คือสิทธิของรัฐใช่ไหม สิทธิที่รัฐเป็นเจ้าของนั้นแหละคือ ต้นทุน แค่นี้คุณยังคิดไม่เป็น แอนมันพูดสิทธิในการเข้าไปมีสิทธิ์ใช้คลื่นอันนี้ นี่แหละต้นทุนของรัฐ เพราะต้นทุนรัฐกำลังมอบสิทธิอันนี้ให้คุณไปใช้ เพื่อให้คุณทำมาหากิน นี่คือต้นทุน ที่สำคัญคือคุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่า จะต้องมีการประมูลที่มีการแข่งขัน และจะต้องมีมากกว่า 3 เจ้า แล้วคุณหามาได้ 3 เจ้า แล้วคุณดันทะลึ่งมาบอก ผมเลยต้องใช้ความกล้าหาญตัดสินใจให้ไปเลย นี่คือขี้ขลาดตาขาว ไม่ใช่กล้าหาญ และมีวาระซ่อนเร้น ถ้ากล้าหาญต้องบอกว่า เนื่องจากมีแค่ 3 เจ้า การแข่งขันยังไม่มี และราคาที่ประมูลต่ำเกินไปขอยกเลิก ขอยกเลิก กสทช 11 คนนี้ ตั้งแต่ที่เจี๊ยบที่ผมรู้จักนะ พล.อ.อ.ธเรศ ขอให้เชื่อผมเถอะพี่เจี๊ยบ ชีวิตนี้ไม่มีความสุขหรอก แก่เถ้าลงไปแล้ว พูดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่แล้วมันเข้าไปในใจ ใครทำอะไรรู้แก่ตัวเอง ไม่ต้องไปสาบานที่ไหนหรอก จะสาบานเดี๋ยวผมจะเอาธูปมาคาถา แล้วผมจะแช่งเลยเอาไหม
จินดารัตน์- เดี๋ยวช่วย เดี๋ยวช่วย
สนธิ- เอาเฮ้ย เอากระถางธูปมาหน่อย มีกระถางเล็กๆ ไหม เอาธูปมาสัก 5 ดอก เดี๋ยวจะทำพิธีที่นี่เลย ผมเป็นเจ้าพิธีอยู่แล้ว
จินดารัตน์- ขนลุก
สนธิ- ใช่ไหมผมจะแช่งให้เลย แล้วถ้าเป็นอะไรไปอย่ามาว่ากันนะ ผมแช่งถึงโคตรเหง้าเลยนะเอาไหม เข้าใจหรือยัง แล้วคุณสุทธิพลมาบอก คือผมรู้ว่าคุณสุทธิพลคงไม่ได้รับเงินรับทองอะไรหรอก ผมยังบอกคุณสุทธิพลในแง่ดี แต่คุณสุทธิพลจะมาอ้าง Prudential ตัวเองว่าแกดีทุกอย่าง เดี๋ยวผมจะบอกคุณสุทธิพลว่า ใครบ้างคนๆ ไหนบ้าง ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ที่ผมยังมองแล้วเขามีคุณค่ามากกว่าคุณสุทธิพล เอาลองดูสิ
VTR
สนธิ- แอนนี่คือป้าทุม ขายอาหารอยู่ในซอยข้างๆ เอเอสทีวี ลูกสาวโดนสามีทิ้ง มีหลานคนหนึ่งแล้วมีลูกชาย แกตื่นมาตี 5 ตี 4 มาทำอาหารขาย เลี้ยงลูกสาว เลี้ยงหลาน เลี้ยงลูกชายแก จนกระทั่งเรียนจบด้วยการขายข้าว ซื่อสัตย์ วันดีคืนดีทำขนม ทำกะหรี่ปั๊บส่งมาให้ผมทาน ทุกอย่างดีหมด คนๆ นี้คือคนซื่อสัตย์ คนๆ นี้คือ คนดีของแผ่นดิน ไม่ได้จบนิติศาสตร์ เกียรตินิยมจากธรรมศาสตร์ ไม่ได้จบ Harvard ไม่ได้จบอย่างที่คุณสุทธิพลจบ แต่เป็นคนที่ผมไหว้ได้เต็มที่ และผมรู้ว่า ป้าทุมเป็นคนจิตใจงาม บางทีเวลาไปกิน เด็กไม่มีตังค์ติดอยู่ แกบอกไม่เป็นไรวันหลังค่อยเอามาให้ แล้วเด็กหลายคนของเราก็เบี้ยวแก ชักดาบเลย แกไม่ว่าอะไร นี่ไงผมเปรียบเทียบให้ดู คนๆ หนึ่ง กินคนเดียวหลายแสนบาท มีงบรับรองอีกเดือนละสองแสน เสร็จเรียบร้อยมีงบเดินทางต่างประเทศอีกปีละ 70 ล้าน สำหรับ 11 คน แล้วออกมาตะแบง กับคนๆ หนึ่งทำมาหากิน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน เลี้ยงลูกซึ่งไม่มีสามี แล้วเลี้ยงลูกชายอีกคน ส่งจนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยที่ ม.สารคาม แอน นุกว่าอย่างไร
กรองทอง- คุณค่าของคน
สนธิ- คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ไหน คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่คุณเคยเป็นผู้พิพากษาหรือเปล่า คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่จบ Harvard หรือเปล่า คุณค่าของคนอยู่ที่การกระทำของคน การกระทำของคนนั้นคือคุณค่า
จินดารัตน์- คนไทยบางทีมันมีมายาคติบางอย่าง
สนธิ- มหาศาล
จินดารัตน์- หลายต่อหลายเรื่องที่เรา ถูกผูกติดความคิดว่า คนจบ Harvard ต้อง
กรองทอง- ค่านิยม
สนธิ- คือประเด็นที่ กสทช.ไม่ยอมตอบ หรือตอบแบบตะแบง ก็คือว่ามันไม่ใช่การประมูล นี่คือการเล่นเก้าอี้ดนตรี มีคนเล่น 3 คน มีเก้าอี้อยู่ 3 ตัว ไม่ใช่การแข่งขัน 2.โกหกประชาชนมาตั้งแต่ต้นว่า จะมีการแข่งขัน จะมีมากกว่า 3 คน ทำไมมีแค่ 3 เจ้า เมื่อมีแค่นั้น แทนที่จะยกเลิกการประมูลไป ถึงแม้ประมูลราคาจะสูงต้องยกเลิก เพราะไม่ได้แข่งขันกัน ถูกไม่ถูก
กรองทอง- เพราะมันไม่ใช่ประมูล
สนธิ- เพราะมันไม่ใช่ประมูล พอตัวเองบอกนี่คือการประมูล อย่างที่แอนบอกนี่คือการประเคน ตรงนี้ กสทช.ไม่ยอมตอบ กลับมาตะแบงเหมือน พ.อ.เศรษฐพงศ์บอกว่า ถ้ามาคัดค้านการประมูล 3 จีคือ คนขายชาติ คุณใช้ตรรกะหัวแม่ตีนที่ไหนมาคิด พวกผม 3 คนรักชาติมากกว่าคุณอีก เด็ก 2 คนนี้ ขึ้นบนเวทีระหว่างสู้เพื่อแผ่นดินไทย สู้เขมร เขมรบุกเมืองไทย เขาลุกขึ้นมาสู้ เขาอดหลับอดนอน ยืนบนเวทีตากฝน เขาสู้เพื่อแผ่นดินไทย ซึ่งเขาไม่มีผลประโยชน์เลย คุณมีที่ไหนบาทหนึ่งก็ไม่ได้ เงินเดือนคุณหลายแสน มีไหมเหมือนที่คุณเศรษฐพงศ์ได้ก็ไม่มี บัตรเครดิตใช้ 2 แสนบาทก็ไม่มี คนโน้นคนนี่ก็ไม่มี แล้วคุณกล้ายอมรับกับผมไหมคุณเศรษฐพงศ์ว่า ครั้งหนึ่งตอนเลือกเข้ามาแล้ว และจะตั้งใครเป็นประธานบอร์ด กสทช.คุณไปพบใครมา มีพวกคุณ 4 คนไปพบใครมา ผมรู้นะข้อมูลนี้ อย่าให้ผมเอ๋ยชื่อเลย คุณไปพบใครมา ถึงต้องเป็น พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี เป็นประธาน โธ่ คุณไปพบที่ลงท้ายด้วย ลอส อะไรละ อย่าให้ผมพูดเลย คุณถ้าไม่อยากให้คนพูดถึงก็อย่าทำ งั้นคุณอย่าไปเอาพ่อแม่คุณมาเกี่ยวข้องดีกว่า ตรงๆกับผม อย่าเอาบุพการี
จินดารัตน์- นี่ ถ้าจริงใจจริงต้องอย่างนี้
สนธิ- "นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ พระบารมีของ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ครุฑ นาก อินทร์ พรหม เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าถ้ำ พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อหลักเมือง ขอให้คณะกรรมการ กสทช. ผู้ใดก็ตาม ถ้าหากมีความบริสุทธิ์ใจในการทำงาน และไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงขอให้คนนั้นมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้าขอให้ลูกหลานเจริญเติบโตไปมีชื่อมีเสียง มีคุณงามความดี มีสุขภาพที่แข็งแรง มีอายุยืน อยู่เป็นมิ่งขวัญของชาติบ้านเมือง แต่ผู้ใดรับเงินรับทองเข้ามาหรือมีการรับคำสั่งมาเพื่อให้ออกมาให้รูปแบบที่เป็นอย่างทุกวันนี้ก็ขอให้มันจงฉิบหาย ฉิบหายทั้งตระกูล ฉิบหายทั้งพ่อแม่ ฉิบหายทั้งปูย่าตายายขอให้ตระกูลนั้นทำมาค้าไม่ขึ้น ถ้าเป็นโรคขอให้เป็นมะเร็งที่รักษาไม่หาย ขอให้ฉิบหาย ฉิบหาย เทอญ
จินดารัตน์- วันหลัง พ.อ.เศรษฐพงศ์ ถ้าจะสาบานต้องแบบนี้ จริงใจ ต้องพักแล้วค่ะ ช่วงหน้ากลับมาคำถามแล้วกัน พักกันสักครู่ค่ะคุณผู้ชม
ช่วงที่ 3
กรองทอง- กลับมาช่วงสุดท้ายนะคะของคุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่วงนี้ก็จะมาไล่เรียงคำถามที่คุณผู้ชมฝากถามมาถึงคุณสนธิ ก่อนอื่นมีอีกเรื่องหนึ่งอีกประเด็นที่หลายคนอยากจะรู้ก็คือวันอาทิตย์นี้ 28 ตุลาคม
สนธิ- วันอาทิตย์นี้อยากให้ไปกันให้เต็มที่นครศรีธรรมราช พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดงานที่นครศรีธรรมราช คือ พวกเราพูดมาตั้งนานแล้ว ว่าการเดินทางของพวกเราจากนี้ไปคือการเดินทางให้ความรู้คนแล้วเราทำมาตลอด เราไปอุบลราชธานี เราไปชลบุรี เชียงใหม่ ไปโน้นไปที่ตลอดเวลา และวันอาทิตย์นี้นครศรีธรรมราช ซึ่งเราวางแผนไว้นานแล้ว ส่วนการไปชุมนุมของชมรมหรือคณะกรรมการพิทักษ์ชาติไทยของ พล.อ.บุญเลิศ พันธมิตรฯ โดยแกนนำทั้ง 5 คน แกนนำรุ่นที่1 และ 2 มีความเห็นพ้องต้องกันว่า เราไม่ไปร่วมอย่างเป็นทางการ คือมติแกนนำจะไม่มี เพราะแกนนำเราพูดชัดเจนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า ถ้าไม่เข้า 3 เรื่องที่เราเคยทั้งเอาไว้ เราไม่ยุ่ง แต่เนื่องจากว่า การชุมนุมของกลุ่มพิทักษ์ไทย เท่าที่ดูในขณะนี้มีคนอยากเข้าไปร่วมเยอะ เนื่องจากว่ามีประเด็นสำคัญก็คือว่าไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดนี้ที่มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงเรื่องโน้นเรื่องนี้ก็เป็นสิทธิของพันธมิตรฯ พันธมิตรฯ นี่เป็นนามธรรม วันนี้เป็นพันธมิตรฯ พรุ่งนี้อาจจะไม่เป็นก็ได้ ฉะนั้นแล้วไม่สำคัญ ใครอยากไปก็ไปด้วยตัวเอง แต่ถ้าจะถามว่าให้พันธมิตรฯ เรามีหลักต้อง 3 เรื่องเท่านั้น อีกประการเราเตรียมจะไปนครศรีธรรมราชอยู่แล้ว วันที่ 28 เป็นการวางแผนก่อนที่จะไปชุมนุมอันนี้เสียด้วยซ้ำ ถ้าใครจะไปนครศรีธรรมราชก็โอเค แต่ถ้าใครไม่ไปอยากจะไปจอยกับทางโน้นผมก็ไม่ขัดข้อง เป็นสิทธิของเขา ขอให้รับทาบว่าไม่ได้เป็นมติของแกนนำ มติคือถ้าไม่ใช่ 3 เรื่องนี้เราไม่ยุ่ง แต่ถ้า 3 เรื่องนี้เมื่อไหร่ ประเทศไทยแตกทันที เหมือนที่เราไปชุมนุมหน้ารัฐสภา เป็นตัวอย่างให้รู้ ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจอย่างชัดเจน
จินดารัตน์- ก็แล้วแต่คุณผู้ชมนะคะ เราเรียนคุณผู้ชมทุกครั้ง กลุ่มพิทักษ์สยามเขาจัดวันที่ 28 เราก็จัดปฏิรูปการเมืองวันที่ 28 นครศรีธรรมราช ซึ่งเรามีโปรแกรมมานานแล้ว
สนธิ- เพราะเราเชื่ออยู่ว่าการเมืองไทยจะเป็นการแค่เปลี่ยนขั้วไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ต้องเป็นการปฏิวัติทางการเมืองใหม่หมด จะใช้ระบบเดิม เอาไปโค่นล้มรัฐบาลชุดเพื่อไทย แล้วอีกรัฐบาลเข้ามาแทนที่มันใช้ไม่ได้ไม่มีประสิทธิผลอีกต่อไป
จินดารัตน์- มาดูคำถามนะคะ ถามยกยอดมา 2 สัปดาห์ มันคงจะหนามาก คัดๆมานะคะ เป็นเรื่องการศึกษา เรื่องธุรกิจ เรื่องความเชื่อ เอาเรื่องการศึกษาก่อนคุณสนธิ
คุณจันทร์รุ่ง ถามว่าเรื่องการศึกษาของไทยทำให้เด็กขาดคุณภาพ เราควรให้ลูกหลานเรียนอย่างไร ค่านิยมนานาชาติคุณลุงสนธิมีข้อคิดอย่างไร
สนธิ- ตอนนี้อินเตอร์มีเยอะมาก อินเตอร์ที่เป็นอินเตอร์จริงๆ พอเข้าตั้งแต่เด็กภาษาอังกฤษหมด อินเตอร์ลูกผสม เช่น สาธิตเกษตรก็มีอินเตอร์ โรงเรียนมัธยมหลายแห่ง สามเสนก็มีอินเตอร์ เรียกว่า EP อิงลิชโปรแกรม ส่วนตัวผมนะ ถ้าเข้าพวกโรงเรียนที่เป็นโรงเรียไนไทยแต่มี EP โอเค เพราะว่าความเป็นไทยยังมีอยู่ และการที่ยังมีเพื่อนฝูงที่อยู่เป็นฝ่ายไทยกับอีพีมันใกล้ชิดกัน แต่ไม่ใช่กระโดดไปอินเตอร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมมีความรู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่ควรจะเรียนรู้ คำถามคือจะให้เด็กเรียนรู้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ แต่ถึงตอนจบแล้ว คุณจะเรียนอีพีหรือคุณจะเรียนอินเตอร์ที่ไม่ใช่ลูกผสมมันจบลงด้วยพ่อแม่จะมีบทบาทอย่างไรกับลุกที่บ้าน เข้าใจมั้ยครับ ฉะนั้นแล้วเด็กบางคนอาจจะไปเรียนอินเตอร์ไม่มีลูกผสม แต่อยู่ที่บ้านแล้วพ่อแม่เน้นในเรื่องภาษาไทยให้ดี ความเป็นไทยให้ดีมารยาททางสังคมวัฒนธรรมแล้ว ก็ยังดีกว่าเด็กบางคนที่เรียนที่ไม่ใช่อีพี แต่เป็นโรงเรียนไทยแต่มาในบ้านแล้วสัมมาคารวะไม่มีอะไรเลย หนังเรื่องนี้ทั้งหมดจบลงที่บ้าน ครอบครัว อยู่ทีพ่อแม่
กรองทอง- คำถามของคุณวิสารนะคะ คุณลุงสนธิครับ ผมอยากมีความรู้เยอะๆเหมือนคุณลุงสนธิจะต้องทำอย่างไร หาข้อมูลจากไหน ศึกษาข้อมูลจากแหล่งใดบ้างครับ
สนธิ- ผมเคยตอบไปแล้วนะแอน ประการแรกนุ้กต้องทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วที่ไม่เคยเต็ม เมื่อไหร่ก็ตามเราคิดว่าเราคือน้ำเต็มแก้วเมื่อนั้นก็คือการสิ้นสุดของการเรียนรู้ ถ้าเมื่อใดก็ตามมีอยู่ครึ่งแก้ว กระบวนการเรียนรู้จะไม่หยุด จะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆทีนี้วิธีการเรียนรู้จะทำอย่างไร ถ้าผมบอกว่าให้อ่านหนังสือพิมพ์มากๆ มันก็ตรงกันข้ามกับความรู้สึกผม เพราะหนังสือพิมพ์เมืองไทยเดี๋ยวนี้ไม่น่าอ่านเลย มันโกหกเกือบหมด ไม่มีคุณธรรม จริยธรรมถูกต้อง ไม่มีความกล้าหาญที่จะยืนในจุดที่จะยืน ตรงนี้คือการสร้างคนให้เป็นคน การสร้างเด็กให้สมบูรณ์ การสร้างลูกชายให้เข้าใจว่าการเป็นลูกผู้ชายเป็นอย่างไร การสร้างลูกผู้หญิงให้สมบูรณ์แบบเป็นกุลสตรีที่ถึงเวลาจะต้องกล้าหาญเขาต้องกล้าทั้งลูกชาย-หญิง ผมคิดว่าโดยสรุปแล้วก็ต้องใช้หลักกาลามสูตร อย่าไปเชื่อสิ่งที่คนพูดมา หรือสิ่งที่ผมพูด อย่าไปเชื่อ ขวนขวายหาความรู้เอา ช่องทางหาความรู้มีเยอะแยะไปหมด สิ่งที่น่าท้าทาย เนื่องจากช่องทางหาความรู้มีเยอะ ข้อมูลความรู้ทรัพยาการในเรื่องของความรู้มีเยอะต้องเลือกเป็น เดี๋ยวนี้เรามีขยะความรู้มาก ความรู้เหมือนกันเป็นเป็นขยะ เราต้องแยกขยะความรู้ที่ไม่มีประโยชน์ออกซะ แล้วเลือกเฉพาะความรู้ที่มีประโยชน์ ที่สำคัญผมเคยใช้วิะนี้กับตัวผมหลายครั้งจนกระทั่งผมเคยชิน ถ้าผมจะพูดถึงเรื่องอะไรนะ ถ้าผมไม่เข้าใจจะเข้าไปเช็กกูเกิ้ลถึงเรื่องนั้น ที่ดีที่สุดคือวิกิพีเดีย เข้าไปดูเลย แม้กระทั่งวิกิพีเดียก็ต้องระวัง เนื่องจากแก้ไข คนเพิ่มเติมได้ ถ้าคนเพิ่มเติมไม่ชอบเรื่องนี้ก็ใส่ข้อมูลผิดๆไป ฉะนั้นดูเป็นแบกกราวน์เฉยๆ
ถ้าศึกษาความรู้ต้องศึกษาให้ลึกซึ้ง เหมือนอย่างผมชอบออนเซน แช่น้ำแร่ของญี่ปุ่นแล้วแช่น้ำเย็น จากความชอบตรงนี้ทำให้ผมต้องเข้าไปในเว็บไซต์ออนเซนเพื่อศึกษาว่าออนเซนนั้นมันเริ่มมาอย่างไรตั้งแต่สมัยญี่ปุ่น หลายร้อยปีเกือบพันปี ญี่ปุ่นเป็นดินแดนที่มีออนเซนมากที่สุดในโลก ค่อยๆศึกษาจะรู้ว่าออนเซนน้ำแร่มีกี่ประเภท มีน้ำแร่ที่มีกรดซัลเฟอร์ มีความเค็ม รักษาโรคหลัง รักษาเส้น รักษาผิว ตรงนี้คือความอยากจะรู้ให้ลึกซึ้ง นี่คือวิธีการที่เราจะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่จะเรียนรู้ลึกอย่าเงดียวไม่พอต้องกว้างด้วย สมัยก่อนเวลาเราเรียนหนังสือเขาก็บอกว่า เรียนตรงนี้ให้ลึกไปเลย แต่พอมายุคนี้เป็นยุคที่ต้องรู้กว้าง แล้วเลือกเรื่องที่ลึกเฉพาะเรื่องที่ตัวเองสนใจถึงเข้าลึก แต่รู้กว้างรู้ว่าตอนนี้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร จีนตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ญี่ปุ่นเป็นอย่างไรบ้างเขมรเป็นอย่างไร หมดจากเจ้านโรดมสีหนุแล้ว ฮุนเซนยังจะเทิดทูนลูกชายเจ้านดรดมต่อไปหรือเปล่า เวียดนามตอนนี้นายกรัฐมนตรีเพิ่งขอโทษสภาไปว่าตัวเองทำผิดพลาดในเรื่องเศรษฐกิจ จะมีผลอะไรไหม จีนเพิ่งจะตัดสินใจลงทุนให้กับลาว ด้วยเงินประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยการสร้างรถไฟควาเมร็วสูงจากคุนหมิง ไล่ลงมาถึงเวียงจันทน์ ทำไมจีนต้องทำเช่นนี้ นี่คือการเรียนรู้กว้าง เเต่เลือกเรื่องที่จะต้องลึกในส่วนที่จะเป็นประโยชน์กับเราหรือเราสนใจ
จินดารัตน์- คุณอ๊อดถามมาว่า ฝากคุณสนธิคุยเรื่องปัญหาของเยาวชนไทยในอนาคต เพราะเท่าที่ถาเมด็กในวัยเรียนหลายคนมักจะตอบไม่ได้ว่าจะไปเป็นอะไร น่าจะเป็นที่มาของโพลสำรวจที่ว่า เยาวชนไทยยอมรับคอรัปชั่น เพราะเด็กในวันนี้คิดแต่จะหวังพึ่งเส้นสายเกาะติดกับคนที่มีเงินเพื่ออำนาจในอนาคตตัวเอง
สนธิ- ผมคิดว่าการเด็กเป็นเช่นนั้น เพราะว่าสื่อมวลชนเป็นเบ้าหลอมทำให้เด็กคิดอย่างนั้น สื่อมวลชนไม่ได้ออกมาสู้ในเรื่องของความถูกต้อง ความถูกผิดของสังคม ความมีจริยธรรมของสังคม สื่อมวลชนชอบแม้กระทั่งมีคนในเฟซบุ๊กคนนึง พูดเรื่องการประมูล กสทช. ไปอ้างอาจารย์รลาดกระบัง บอกว่า ก็ให้วิวินไปแล้วกัน ปล่อยๆไปเถอะ ไม่เช่นนั้นแล้วประเทสชาติจะไม่เจริญ ใช้กระบวนการที่ผิด ถึงแม้จะไม่ถูกต้องก็ปล่อยไปเถอะเพื่อชาติจะได้เดินหน้าต่อไป คำถามคือ และถ้ากลัดกระดุมเเม็ดแรกผิดเนี้ย แล้วคุณจะกลัดต่อคุณก็ใส่เสื้อที่โหว่ข้างบนตึงข้างล่างแล้วคุณใส่ได้มั้ย ไม่ได้อีกเหมือนกัน ทุกอย่างมันสำคัญก้าวแรก ถ้าก้าวแรกวางเท้าไม่ถูก เดินก้าวต่อไปก็เดินผิด ถ้าสื่อมวลชนเป็นอย่างนี้ก็หลอมไปอย่างนี้ เหมือนการศึกษาของไทย ผมยังเชื่ออย่างมากนะแอน พวกคุณแอนลูกกำลังโตอยู่ สำคัญที่สุดอยู่ทีเราเอง ผมจะพูดที่ไหนย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้อยู่พ่อแม่ พ่อแม่มีเวลาให้ลูกหรือเปล่า คำว่ามีเวลาจะต้องมีเวลาที่นั่งคุย ถามความรู้สึกเขาต่อที่โรงเรียน เพื่อน ต่อครู การบ้าน ถ้าเขามีความรู้สึกอย่างนี้กับเพื่อน ถ้าเป็นความรู้สึกที่ผิดเราต้องแก้ทันที เราต้องบอกว่า ลูกไปคิดอย่างนั้นกับเพื่อนไม่ได้เพราะเขาอาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้นกับเราลูก ลูกต้องเปลี่ยนความคิด ถ้ามีคนมาคิดอย่างนี้กับลูกลูกจะรู้สึกอย่างไร
ในที่สุดแล้วเบ้าที่จะหลอมเด็กอยู่ที่บ้าน ยิ่งสังคมเป็นสังคมที่พึ่งการศึกษา ครูที่โรงเรียนให้ไม่ได้เรายิ่งต้องมุ่งมั่นทุ่มเทกับเด็ก ลูกของเรามากที่สุด เวลาที่เราต้องไปเสียเวลากับเรื่องไร้สาระต้องทิ้งไปแล้ว เพราะไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับลูกเรา ช่วงจังหวะที่เขาจะโตต่อไป นุกเป็นนุกทุกวันนี้ก็เพราะว่า คุณพ่อนุกเป็นคนที่มีความถูกต้อง มีจริยธรรม พ่อนุกเป็นคนที่เปรี้ยวมาก ผมเคยเจอแล้ว แต่ว่าเป็นคนที่มีความคิดอิสระเสรี แล้วเป็นคนที่รักความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นนุกจะได้จากพ่อมา ถูกมั้ย เพราะฉะนั้นแล้ว ลูกจะโชคร้ายถ้ามีพ่อแม่ที่เลว พ่อแม่ที่งก พ่อแม่ที่เห็นแก่ตัว พ่อแม่ที่เห็นเงินเป็นตัวตั้ง พ่อแม่ที่เห็นกิเลสเป็นสิ่งที่ทูนหัวเอาไว้ เด็กพวกนี้จะเป็นเด็กที่โชคร้าย แล้วยิ่งมาเจอระบบการศึกษาที่ล้มเหลว และสื่อมวลชนที่เลวทราม มันจะยิ่งทำให้เด็กชุดนั้น เด็กครอบครัวนั้นมีแต่จมดิ่งๆ ลงไปในหลุมดำที่เต็มไปด้วยกิเลส เคลียร์มั้ยแอน
จินดารัตน์- เคลียร์ ใช่เลย
กรองทอง- มีคำถามมาทางเรื่องของเศรษฐกิจกันบ้างนะคะ คุณอรนุช บอกว่า คุณสนธิคะ ปี 58 ประเทศไทยจะต้องเข้าสู่ AEC เราจะปฏิรูปประเทศทันมั้ยคะ แล้วอย่างความเป็นคนไทยที่ทำตัวแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวเรื่องบ้านเมืองอย่างทุกวันนี้ ภาพในวันนั้นจะเป็นอย่างไรคะ ไทยจะรอดหรือไม่คะ
สนธิ- คือ AEC : ASEAN Economic Cooperation จริงๆ แล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่เวรกรรม ข้าราชการไทย นักการเมืองไทย เจรจากับต่างประเทศไม่เคยเป็นเลย การที่จะเปิดประเทศ การที่จะมีการร่วมมือระดับภูมิภาค หรือระดับอนุภูมิภาค อย่างเช่นอาเซียน สิ่งแรกที่เราจะต้องทำก่อน เราจะต้องพิจารณาถึงจุดอ่อนจุดแข็ง เราต้องเอาจุดแข็งไปขาย และปกป้องจุดอ่อนของเรา ต้องจำเอาไว้ เหมือนกับ ผมอดไม่ได้ที่จะกลับมาพูดถึงเรื่อง 3G เหมือนกับเรารู้ว่า 3 เจ้านั้นสัมปทานมันจะหมดแล้ว ยังไงมันก็ต้องเอา ถึงบางเจ้าจะเหลือ 2 ปี บางเจ้าเหลือ 4 ปี แต่จะยังไงก็ตาม ถ้ามันได้ก่อน เท่ากับว่ามันมีอนาคต หุ้นมันจะขึ้น ฉันใดฉันนั้น การเจรจา AEC ถ้าเรายืนบนจุดแข็งของเขา และเราปกป้องจุดอ่อนของเรา หลายคนจะไม่เอากับเราด้วย จะต่อต้านเรา แต่เราต้องมองในประเด็นที่ว่า ถ้าเราไม่เข้าร่วมด้วย AEC ก็เกิดไม่ได้ เพราะว่าสถานภาพของประเทศไทยใหญ่กว่าเขมร ใหญ่กว่าลาว ใหญ่กว่าพม่า ใหญ่กว่าบรูไน ใหญ่กว่าทุกประเทศ เพราะฉะนั้นแล้ว เขาจะไม่มีวันที่จะไม่เอาเรา เขาต้องเอาเรา มันก็เลยถึงจุดๆ หนึ่งซึ่งในที่สุดแล้วจะเกิดการประนีประนอมขึ้นมา และเราก็เสีย แต่เสียไม่มาก แต่เราจะได้มากกว่าเสีย AEC นี่คนที่ได้มากที่สุดคือสิงคโปร์ เพราะสิงคโปร์มันไม่มีอะไรเลย มันค้าขายอย่างเดียว AEC เหมาะกับประเทศที่มุ่งไปทางการค้าขาย สิงคโปร์คือเทรดเดอร์ สิงคโปร์ไม่ใช่ประเทศ สิงคโปร์เป็นโบรกเกอร์ของภูมิภาคนี้ เพราะฉะนั้นแล้วนักการเมืองเรา มันไม่ได้สนใจหรอก แล้วปล่อยให้ข้าราชการไปเจรจา เพราะว่า AEC มันไม่มีค่าคอมมิชชั่นแบบการสร้างตึก ถูกมั้ย มันจะสนใจการขายข้าว มันจะสนใจการทำโน่นทำนี่ AEC ข้าราชการไปเจรจาก็แล้วกัน จบ เท่านั้นเอง
ผมกลับมองว่า ประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะเข้า AEC เนื่องจากว่าไม่ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าก่อน ไอ้คนที่จะรอดคือบริษัทยักษ์ใหญ่ บริษัทยักษ์ใหญ่มันค้าต่างประเทศอยู่แล้วทุกวันนี้ มันค้าเวียดนาม ค้าสิงคโปร์ ค้ามาเลเซีย มันค้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันจะเอาตัวรอดได้
จินดารัตน์- เขามีต้นทุนอยู่แล้ว
สนธิ- ต้นทุนมีอยู่แล้ว มีความชำนาญอยู่แล้ว มีประสบการณ์อยู่แล้ว มีการลงทุนเพิ่มเติม มีการฝึกอบรมคนเพิ่มเติม แต่ระดับกลางลงมาถึงเล็ก พวกนี้จะฉิบหายกันเยอะ
จินดารัตน์- เฮ้อ
สนธิ- ถามผม ผมก็ตอบให้ จะมาถอนหายใจได้ยังไงล่ะ จะเอาความจริงไม่ใช่เหรอ
จินดารัตน์- จิตอ่อนค่ะ มาถึงเรื่องโต๊ะทำงานคุณสนธิบ้างนะคะ มีหลายคนสงสัยเรื่องฮวงจุ้ย เขาถามว่าคุณสนธิเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยมั้ย การจัดโต๊ะทำงานของคุณสนธิเหมือนจะใช้หลักฮวงจุ้ยด้วย เพราะเห็นบนโต๊ะมีลูกหินกลมๆ หลายลูก มีความหมายอะไรมั้ยคะ
สนธิ- ไปถาม อ.จันทร์ทิพย์ สิ
จินดารัตน์- เกือบทั้งบ้าน
สนธิ- ผมเป็นคนโต๊ะยังไงก็ได้ ใครอยากทำอะไร ทำแล้วสบายใจ ไปทำเลย
จินดารัตน์- แล้วเรื่องธรรมะค่ะ เขาบอกว่าอยากให้คุณสนธิ เขาไม่เข้าใจคำว่า อัฐิธาตุ คืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง ขอให้คุณสนธิอธิบายเกี่ยวกับอัฐิธาตุ
สนธิ- ก็กระดูกไง เศษกระดูก คือพวกกระดูกพ่อแม่ครูอาจารย์ จะใส เพราะความสะอาด ความบริสุทธิ์ของจิตท่าน จะทำให้กระดูกใส คุณสังเกตคนที่เป็นมะเร็ง เป็นโรคเวลาตาย ผ่ากระดูกออกมา กระดูกจะดำ เชื้อโรคเข้ากระดูก แต่แปลก พ่อแม่ครูอาจารย์ที่สิ้นไปแล้ว ถึงจะเป็นมะเร็ง กระดูกจะไม่ดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ปฏิบัติธรรมถึงขั้นที่อาจจะถึงขั้นพระอริยสงฆ์ไปแล้ว หรือเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว กระดูกจะไม่ดำ และกระดูกก็จะเปลี่ยน กระดูกจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากเป็นกระดูกสีขาว ค่อยๆ ใสทีละนิดๆ ผมมีข้าวก้นบาตรหลวงตามหาบัวอยู่ถ้วยหนึ่ง ท่านประทานให้ผมเอง และผมก็เก็บเอาไว้ วางบนโต๊ะหมู่บูชา แอนเชื่อมั้ย ตอนที่สร้างพระงวดนี้ ผมจะเอาข้าวก้นบาตรนี้ครึ่งหนึ่งเอาไปผสมลงในเบ้าหลอม กลายเป็นหินไปแล้วครึ่งหนึ่ง ข้าวท่าน ข้าว เศษไก่ เศษหมู อะไรพวกนี้ กลายเป็นหินไปแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วเลือดของหลวงตามหาบัว ตลอดจนน้ำลายท่าน แม้กระทั่งปัสสาวะท่าน ก็กลายเป็นผลึกแก้ว
จินดารัตน์- มีคนถามว่า แจกน้ำมนต์วันไหนครับ แม่ฝากถาม
สนธิ- ตายล่ะ ไม่เอาครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องภาวนาทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องทำมาหากินแล้ว
กรองทอง- มีคนอยากให้คุณสนธิทำหนังสือบทสวดมนต์ที่คุณสนธิสวดตั้งแต่ต้นจนจบ
สนธิ- พยายามทำอยู่ครับ แต่ว่าผมกำลังกลุ้มใจ เพราะว่าบทสวดมนต์ที่ทำอยู่มันค่อนข้างจะเยอะ และ advance และผมก็ใช้ตัวผมเป็นมาตรฐานไม่ได้ เพราะผมสวดมนต์ครั้งหนึ่งต้องมี 1.20 ชั่วโมง นานมั้ย นาน นี่ยังไม่นับเวลานั่งสมาธิอีกนะ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าใช้บทของผม ทำไปแล้วพ่อแม่พี่น้องสวดได้ไม่ถึงตามที่ผมต้องการ ก็จะไม่มีประโยชน์ ผมก็เลยกำลังคิดว่า บางทีจะเลือกบางบท ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนผม ถ้าเป็นผมแล้วไม่ได้ นอกจากใครต้องการที่จะมุ่งมั่นจริงๆ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง
จินดารัตน์- หรือแม้แต่บางคนอาจจะ ถ้าคุณสนธิรวบรวมทั้งหมด อาจจะเลือกเป็นบางบทที่สวดก็ได้เหมือนกัน เดี๋ยวแอนได้คุยกับคุณสนธิทำบันทึกเทปไว้แล้วเรื่องนี้ เดี๋ยวคงได้มีโอกาสได้ชมกัน หมดเวลาแล้ววันนี้ คงไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของสถานี
สนธิ- กำลังดี
จินดารัตน์- งั้นสัปดาห์หน้านะคะ จัดคิวเลย
สนธิ- นุกสนุกมั้ย
จินดารัตน์- สนุกมั้ย มาอีกมั้ย
กรองทอง- สนุก
สนธิ- อยากมาอีกมั้ยวันหลัง
กรองทอง- ได้ค่ะ ยินดีค่ะ
สนธิ- วันหลังก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเอาเก๋มาบ้าง กมลพร เอาปุ้ยมาก็ได้ เปลี่ยนสลับไปเรื่อยๆ หรือบางวันถ้าแอนอยากพัก ทั้งนุกทั้งเก๋ก็มาสองคนได้ เพราะคุณเป็นแขกรับเชิญผมนี่
จินดารัตน์- รู้สึกดีมากเลยค่ะ ทำงานมาสิบกว่าปี เพิ่งได้เป็นแขกรับเชิญ วันนี้ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ส่งคำถามมาได้ หรือแม้แต่เฟซบุ๊กนะคะ วันนี้เห็นบอกว่ากระหน่ำมาก แม้แต่พนักงานเอเอสทีวี ส่ง sms กันมาเต็มเลยค่ะ แล้วก็เป็นคำประกาศิตว่าพนักงานเอเอสทีวีหมดสิทธิ์ค่ะ แค่ให้ฟังรายการเท่านั้นนะคะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ