“สนธิ” ซัด “ประยุทธ์” ไม่ใช่ทหาร แต่เป็นแค่นักการเมือง ไม่ปกป้องลูกน้องปล่อยให้โดนดำเนินคดี ชี้ใช้ไม่ได้กรณีโวยนักข่าวที่ถามถึงงบ 3 จังหวัดใต้ ระบุ ประชาชนมีสิทธิสงสัย ใช้เงินเป็นแสนล้านแต่ทำไมสถานการณ์ยิ่งแย่ลง แฉ กสทช.หลายคนเปื้อนมลทิน มีสองคนลาออกจาก กก.บห.เพื่อแผ่นดินยังไม่ครบกำหนด ถาม “ฐากร” สมัยเป็นรองเลขาฯ กทช.เคยมีส่วนเลือกให้ลูกตัวเองได้ทุน 20 ล้านเรียนต่อนอกหรือเปล่า ส่วน “เศรษฐพงษ์” ไปพบใครมาตอนที่จะตั้งประธาน กสทช.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง"นายสนธิ ลิ้มทองกุล"ให้สัมภาษณ์
วันที่ 26 ต.ค. เมื่อเวลา 20.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ตอนหนึ่งว่า การที่ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา พูดว่าประเทศชาติวุ่นวายเพราะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเสื้อเหลืองเสื้อแดง การพูดเช่นนี้ตนโกรธ เพราะเป็นถึงผู้บัญชาการทหารบก แต่ไมได้รู้ถึงข่าวสารว่าระหว่างเสื้อแดงกับเสื้อเหลืองใครทำชั่วให้แผ่นดินไทย หลักฐานเห็นชัดเจน 7 ตุลาคม 2551 เราโดนยิงตาย บาดเจ็บ พิการหลายสิบคน โดยที่เราไม่มีอาวุธเลย แต่เสื้อแดงไปราชประสงค์ มีชายชุดดำยิงทหารตาย ถ้าเป็นสิบตรีหรือพลทหารตนจะไม่ว่าสักคำเลย แต่นี่จบ จปร. ผ่านมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นทหารเสือราชินี
ตนผิดหวังกับกองทัพบกที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เช่นกรณี พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณมากในการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคุณประยุทธ์พูดว่า “ขอให้ไปถามสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อย่าไปพูดว่าทหารใช้งบประมาณเป็นแสนกว่าล้าน ถ้าไม่รู้อย่ามาพูด เดี๋ยวผมจะเชิญคอลัมนิสต์ สื่อมวลชน และนักวิชาการ ที่แสดงความเห็นในหนังสือพิมพ์มาหารือ เก่งนัก ก็ต้องมาแล้วกัน พวกนี้เก่งกันทุกเรื่อง ภาคใต้ก็เก่ง กัมพูชาก็เก่ง ถ้าเก่งก็มาเป็น ผบ.ทบ.แล้วกัน หรือจะเป็นนายกรัฐมนตรี อย่าดีแต่เขียนหนังสือ เคยทำอะไรบ้างหรือไม่ เขียนแล้วไม่เคยทำอย่ามาวิเคราะห์ มีบางคนเท่านั้นที่ต่อต้านการทำงานกองทัพ รักแต่ตัวเอง ไม่ได้รักชาติ” ตนว่าคุณประยุทธ์พูดแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย คือไม่เคารพในตัวบุคคลและอาชีพของเขา
นายสนธิกล่าวอีกว่า นี่คือตัวเลขงบประมาณของกระทรวงกลาโหม และงบที่เกี่ยวกับความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547-2556 สิบปีที่ผ่านมา งบทหารบกมีถึง 6.62 แสนล้านบาท ในฐานะสื่อมวลชน หรือนักวิชาการ เขาไม่มีสิทธิ์ถามเชียวหรือ ในเมื่อใช้เงินไป 6.62 แสนล้านบาท แล้วยังตายเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่จบไม่สิ้นสักที
สำหรับกระทรวงกลาโหม 10 ปีที่ผ่านมา งบประมาณที่ลงไปทางจังหวัดชายแดนใต้เบ็ดเสร็จอยูที่ 1.32 ล้านล้านบาท หรือว่าที่สงบไม่ได้ เพราะถ้าสงบแล้วงบไม่มา คุณประยุทธ์ ประชาชนมีสิทธิ์คิดนะ อย่ามาอารมณ์เสีย งบที่คุณใช้อยู่ทุกวันนี้ภาษีของพวกเรา
และวันนี้ครบรอบ 8 ปีของการตายที่ตากใบ พล.อ.ประยุทธ์ก็ปรามว่าเสนอข่าวความรุนแรงมากมันก็จะยิ่งไม่จบ เรื่องนี้ไม่ต้องขุดคุ้ย ความรู้สึกของคนมุสลิมที่ตากใบเขาก็รู้สึกรังเกียจชิงชังพวกคุณอยู่แล้ว แม้จะจ่ายเงินเยียวยาไปแล้ว แต่ประเด็นมันอยู่ที่ความเป็นธรรมที่พวกเขาควรได้รับ และที่น่าสนใจคนที่ไปกุมสถานการณ์ที่ตากใบคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีคำสั่งมาไม่รู้จากใครให้จัดการอย่างเด็ดขาด นั่นคือที่มาของการยิงตายไป 7 คน แล้วที่เหลือถูกจับถอดเสื้อ มัดมือไพล่หลัง ให้นอนบนรถ และทับเป็นชั้นๆ คนรอดคือคนที่อยู่ข้างบน ต้องสอบสวนพวกที่จับโยนขึ้นรถ แล้วไล่ไปเรื่อยๆ ถึงตัวคนสั่ง นั่นก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นี่คือความเป็นธรรมที่เขาต้องการ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า สำหรับตน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมือง เพราะถ้าเขาเป็นทหารจริง วันนี้ศาลจะไม่มีวันที่จะไต่สวนทหารข้อหายิงนายพัน คำกอง เพราะว่าตามหลักฐานชัดเจนว่านายพัน ขับรถตู้บุกเข้าไปในพื้นที่ที่เขาห้ามเขา และเขาเตือนแล้วว่าอย่ามายังมาอีก เขาเลยต้องยิง
ตนยังเสียดายไม่หายที่ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้าไปเชื่อคุณ ทหารรุ่นเดียวกับ พล.อ.ร่มเกล้า ตนเชื่อว่าพวกเขาแค้นฝังหุ่นเลย เขาฝังใจลึกแต่ไม่พูด แล้วตนจะบอกให้รู้ด้วย พล.อ.ประยุทธ์คือคนหนึ่งซึ่งเขาแค้นที่สุด
นายสนธิยังกล่าวถึง กสทช.ว่า มีที่มาไม่โปร่งใส มีเรื่องฟ้องร้องอยู่ตอนนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีสองคนเคยเป็นถึงอดีตกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นลูกน้องนายพินิจ จารุสมบัติ ลาออกจากพรรคยังไม่ครบกำหนดก็มาสมัคร แล้วคณะกรรมการสรรหาก็ไม่สนใจเรื่องนี้ยังดันทุรัง แล้วคนที่ตนกล่าวถึงมียศมีตำแหน่ง แต่เวลาอยู่กับนายพินิจ เป็นคนขับรถให้ นี่คือเรื่องจริง แล้วคณะกรรมการสรรหาที่ตั้งขึ้นมา ที่แท้ก็คืออดีตอนุกรรมการของ กทช.เก่า บางคนมาจากแกรมมี่ มาจากสายนาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี สายคุณหญิงหน่อย เจเอสแอลก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ฉะนั้นแล้ว กสทช.ชุดนี้ คณะกรรมการสรรหาผิดกฎหมายเยอะเลย
กรณีที่ พ.อ.ดร.เศรษฐพงษ์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช.บอกว่าคนที่จะล้มการประมูลถือว่าขายชาติ คำพูดนี้แรงมาก ตนไม่เห็นด้วยกับวิธีการ เพราะมันฮั้วกัน แล้วก็จับโกหกได้หลายเรื่อง เดิมที กสทช.บอกว่าจะมีมาประมูลมากกว่า 3 ราย เพื่อให้เกิดการแข่งขัน แต่ในที่สุดก็มีสามราย ก็เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี มีเก้าอี้สามตัวพอดี ก็ไม่ต้องแย่งกัน
ตนจับโกหกได้อีกประเด็น กสทช.พอรู้ว่าวงแตกก็ออกมาบอกว่าจะให้ลดค่าบริการ 15-20 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้บอกว่ามาตรฐานตั้งราคาไว้ที่เท่าไหร่ ทำไมไม่ประกาศนาทีละไม่เกิน 99 สตางค์ ก็ตั้งจากตรงนี้เป็นมาตรฐาน
สำคัญที่สุดขอพูดถึงนายสุทธิพล ทวีชัยการ พูดได้น่าเกลียดมาก บอกว่าตัวเองเป็นถึงอดีตเป็นผู้พิพากษา ไม่มีทางคดโกง ผู้พิพากษาไม่ได้แปลว่าโกงไม่ได้ ที่รับเงิน มีปัญหาเยอะแยะไปหมด
ส่วน นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. โต้กลับว่าไม่มีใครทำเงินหล่น ตนขอถามว่าสมัยที่เป็นรองเลขาธิการ กทช. มีการให้ทุนไปเรียนต่อเมืองนอก ปริญญาโท-เอก 20 ล้านบาท คุณอยู่ในคณะกรรมการตัดสินว่าจะให้ใครได้ ช่วยเช็กหน่อยว่าใครได้ทุนอันนั้นไป ตนได้ข่าวอย่างไม่แน่ใจมาว่าเป็นลูกสาวคุณที่ได้ แล้วได้อยู่คนเดียว ถ้าข้อมูลผิดตนขอโทษ แต่คิดว่าไม่ผิด เพราะข้อมูลที่ได้มาค่อนข้างชัดเจน
นายสนธิกล่าวแนะนำการประมูล 3จีว่า ทั้งหมดนี้ใช้สมัญสำนึก สามัญสำนึกคือ ปีที่แล้วรัฐได้เงิน 4.1 ล้านบาท เงินที่ได้จากการประมูลก็ไม่ควรต่ำกว่า 4.1 หมื่นล้านบาท เสร็จแล้วในอดีตรัฐมีหน้าที่เก็บสัมปทาน ฉะนั้นหลังจากประมูลแล้ว ยังต้องจ่ายทุกปี อีก 5-10 เปอร์เซ็นต์ของยอดรายได้ จ่ายเข้าคลังเลย ให้ประเทศได้ อ้างว่าไม่ได้มีหน้าที่หารายได้ให้รัฐ ถ้าจะทำแค่ประมูลทำไมไม่ให้สหการประมูลทำล่ะ จะมาจ้างคุณเงินเดือนสูงๆ ทำไม แล้วพูดว่าประมูลแพงไปบริษัทโทรคมนาคมจะอยู่ไม่ได้ ไปคิดแทนเขาทำไม ยิ่งคิดแทนยิ่งสงสัยว่ามีผลประโยชน์กับเขา อย่าไปดูถูกภาคเอกชน ถ้าเขาเห็นว่าไม่คุ้ม เขาไม่ทำ ถ้าไม่มีใครประมูลก็เอามาทบทวนใหม่ได้ แต่เชื่อตนตั้งไว้ 4.1 หมื่นล้าน ได้แน่นอน เพราะสัมปทานกำลังจะหมดลง แล้วจะให้มีแค่สองสล็อต
นอกจากนี้ กสทช.บอกด้วยว่า 3จีไม่มีต้นทุน รัฐไม่มีอะไรเสียหาย ทั้งที่ต้นทุนของรัฐ ก็คือสิทธิของรัฐนั่นแหละ แค่นี้ยังคิดไม่เป็น และขอถาม พ.อ.ดร.เศรษฐพงษ์ มะลิสุวรรณ ว่ากล้ารับหรือเปล่า ตอนที่จะตั้งประธานบอร์ด กสทช. พวกคุณ 4 คนไปพบใครมา อย่าให้เอ่ยชื่อเลย ไปพบใครมา ถึงต้องเป็น พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี เป็นประธาน
ส่วนการเข้าร่วมชุมนุมวันที่ 28 ต.ค. กับองค์การพิทักษ์สยาม นายสนธิ กล่าวว่า แกนนำประกาศไม่ไปร่วมอย่างเป็นทางการ เพราะไม่เข้าเงื่อนไข 3 เรื่อง แต่การชุมนุมเท่าที่ดูมีคนอยากเข้าร่วมเยอะ ก็เป็นสิทธิของพันธมิตรฯ ใครไปร่วมก็ไป ไม่ขัดข้องอยู่แล้ว
คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2555
รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2555 เวลา 20.00-22.00 น. ดำเนินรายการโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล, นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และนางสาวกรองทอง เศรษฐสุต ร่วมดำเนินรายการ
จินดารัตน์/กรองทอง- สวัสดีค่ะ
กรองทอง- ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิค่ะ วันนี้วันศุกร์นะคะ มาตามนัด มาได้ยังไงก็ไม่ทราบค่ะ
จินดารัตน์- กลับไปนอนเอาแรงแล้วเรียบร้อย
กรองทอง- พบกับคุณแอน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และดิฉันกรองทอง เศรษฐสุต
จินดารัตน์- วันนี้เขาเรียกแขกรับเชิญพิเศษ ต้องถามความรู้สึกน้อง ... ก่อนไปถึงเรื่องพวกนี้ เรามีเรื่องสำคัญมาแจ้งก่อนนะคะ
กรองทอง- คือเรื่องของพี่น้องที่เราร่วมกันต่อสู้กันมา คือพวกเราที่ทำงานและร่วมต่อสู้กันมา ก็เหมือนญาติสนิทมิตรสหาย พี่น้องกัน วันนี้เลยอยากจะฝากบอก เนื่องจากว่าภรรยาของ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ คือคุณพูลศรี พ่วงทรัพย์ เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และอยากจะฝากเรียนเชิญพี่น้องว่า จะมีงานสวดอภิธรรมศพที่วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมนี้ จนถึง 1 พฤศจิกายน และจากนั้นจัดศพเอาไว้ 100 วัน อยากจะฝากเรียนเชิญญาติสนิทมิตรสหายที่ทราบ และสะดวกที่จะร่วมเดินทาง ไปร่วมฟังสวดอภิธรรมศพได้
จินดารัตน์- ขอแสดงความเสียใจกับท่าน พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ เป็นพี่น้องที่เรารักอีกท่านหนึ่งนะคะ เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เราวันนี้มีหลายเรื่องที่เราจะมาคุยกันรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ทุกเรื่องจริงๆ นะคะ คุณผู้ชมฝากคำถามมาน้องนุกคงเห็นแล้ว วันนี้ไม่รู้จะถามครบหรือเปล่า ขนาดพยายามคัดๆ มา
กรองทอง- แต่ว่าต้องขออนุญาตเจ้าของสถานีขยายเวลาอีกไหม
สนธิ- คงไม่นะวันนี้ วันนี้ตัวหลักก็คือ ผมค่อนข้างไม่สบาย เป็นไข้หวัดใหญ่ ก็ไม่เชิง เจ็บคอ แต่ไม่เป็นไรจะสู้ถึงที่สุด
จินดารัตน์- สงสัยต้องดื่มน้ำปัสสาวะ ค่ะ เราก็มีงานเสวนาปฏิรูปประเทศไทยกันด้วยนะคะ คุณผู้ชมคงจำกันได้ ครั้งต่อไปคือวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ วันที่ 28 กรกฎาคม พลาดไม่ได้ไปพบกันที่อาคารประชาคม สนามหน้าเมือง 11 โมงถึง 6 โมงเย็นค่ะ โดยแกนนำไปพบเกือบทุกท่าน และ ASTV ถ่ายทอดตั้งแต่บ่ายโมงตรง เป็นต้นไปจนถึงหกโมงเย็น
และวันนี้เรามีแจกหนังสือนะ เริ่มนี้แหล่ะที่คุณสนธิ ได้พูดถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วน้องนุ้ก ยุทธการล่าบัลลังก์ นิยายจีนอิงประวัติศาสตร์ เขียนโดยจื่อ ถู เรียบเรียงโดย น.นพรัตน์ ปรากฏว่างานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์หมดเกลี้ยงเลยค่ะคุณสนธิ และก็มีคนสวมรอยด้วยนะ
กรองทอง- มีคนสวมรอยว่าอ่านเชิงอรรถมังกรหยก 3 แทนก็ได้
จินดารัตน์- คงไม่ต้องบอกว่าใคร
กรองทอง- เพราะเห็นเป็นแบบจอมยุทธ เรื่องนิยายจีนเหมือนกัน
จินดารัตน์- แล้วยังมีหน้าไปบอกแฟนๆ หนังสือเล่มนี้ด้วยนะ ว่าสนุกเหมือนกันครับ ซื้อไปอ่านแก้ขัดก่อน เพราะอันนี้มี 7 เล่ม 1 ชุด แล้ววันนี้เจ้าของรายการใจดีมาก ไปหา เฟ้นหามาให้ได้ทั้งหมด 5 ชุดด้วยกัน 5 ชุด ให้คนละ 7 เล่มไปเลยนะคะ เพราะให้ไปคนละเล่มนี่กระไรอยู่นะ
กรองทอง- ใช่ เดี๋ยวต้องไปติดต่อกันเองนะ
สนธิ- อันนี้เป็นอภินันทนาการจากสำนักพิมพ์สยามมัลติมีเดีย เขาให้มา 5 ชุดเลย จะขอเขา 10 ก็น่าเกลียด ถ้าขอเขา 10 เขาก็คงให้ 10 แต่คนเขาทำมาค้าขาย ก็เลยเอาหอมปากหอมคอ
จินดารัตน์- 5 ชุดก็หนักอยู่นะคะคุณสนธิ คือ 7 เล่มนี่ ใน 1 ชุด เราจะแจก
สนธิ- เล่มละ 250 บาท 7x5 = 35 7x2 = 14 .. 1,750 บาท 7 เล่ม แจก 5 ชุดครับ
จินดารัตน์- คือ 3 คนนะคะส่ง sms
กรองทอง- ที่ส่ง sms มาวันนี้
จินดารัตน์- เราจะ random เราจะสุ่มมาเลย พิมพ์ N1 เว้นวรรค ตามด้วยข้อความ ส่งมาที่ 4850770 วงเล็บมาหน่อยว่าหนังสือ นี่คือ 3 รางวัลนะ อีก 2 รางวัลเราแจกทางเฟซบุ๊กนะคะ เดี๋ยวทีมงานเราจะขึ้นหน้าปกหนังสือนี้ เข้าไปเขียนคอมเมนต์เลย แล้วเขาก็จะสุ่มเหมือนกัน 2 รางวัล เท่ากับ 5 รางวัล
กรองทอง- ส่วนอีก 1 เล่ม เป็นพี่ชายของเราค่ะ อีก 1 หนุ่มที่ฝากมา พี่เทิด คุณเทิดภูมิ ใจดี เป็นหนังสือที่อยากจะนำเสนอ ประวัติศาสตร์การเมือง ที่บันทึกด้วยเลือดเนื้อ และชีวิตของนักสู้ผู้ทรนง เทิดภูมิ ใจดี เทิดภูมิคนรักแผ่นดิน
จินดารัตน์- ต้องบอกที่มาที่ไปนิดนึง คือแกมายืนหน้าออฟฟิตเลยนะคะคุนสนธิ
กรองทอง- ยืนหน้าออฟฟิต
จินดารัตน์- คือแบบได้มาร้อนๆ หนังสือยังร้อนอยู่เลยคะ ยืนรอผู้ประกาศแต่ละรายการ ช่วยหน่อยนะคะ บอกแหมเต็มใจช่วยอยู่แล้วคะ พี่เทิดขา อันนี้เป็นเรื่องสองแล้ว
กรองทอง- คือจะหาซื้อได้ คือช่วงนี้จะมีงานมหกรรมหนังสือ จนถึงวันที่ 28 พี่เทิดเลยบอกว่า เนี้ยะหนังสือจะมีขาย ยังไงไปซื้อได้ที่งานหนังสือ
จินดารัตน์- ไปที่บูธ สำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ที่เดิม ไม่หนีไปไหนตรงนั้นเลยนะคะ เอาละเรามาวันนี้
สนธิ- ต้องเตือนระวังโดนสวมรอยหรือเปล่า
กรองทอง- แต่มันไม่มีเรื่องจอมยุทธนี่คะ ไม่มีเรื่องจอมยุทธคงจะไปสวมรอยยากนะคะ
จินดารัตน์- ต่อพงษ์ไม่ธรรมเลยนะ สงสัยเป็นอย่างนี้ทุกวันแน่เลย
กรองทอง- แจกลายเซ็นนะคะ ให้ๆ สนุกเหมือนกันจอมยุทธ
สนธิ- เดี๋ยวผมขอแถมนิดนึง ชีวิตผมอ่านหนังสือกำลังภายในมาตั้งแต่หนุ่ม ถ้าเป็นจำนวนเล่มแล้ว เป็นพันเล่ม หลายๆ เล่ม ผมอ่านแล้วอ่านอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่างเช่นมังกรคู่สู้สิบทิศ ผมอ่านมา 3 เที่ยวแล้ว เจาะเวลาหาจิ๋นซี 3-4 เที่ยวนะครับ ฤทธิ์มีดสั้นของโกเล้ง ผมอ่านมา 3 เที่ยว สรุปง่ายๆ ว่า ตั้งแต่อ่านหนังสือกำลังภายในมา ไม่มีเล่มไหนตลอดชีวิตผม 30-40 ปีที่ผ่านมา ผมอ่านมาตั้งแต่เด็ก มังกรหยกของ จำลอง พิศนาคะ สำนักพิมพ์เพลินจิต เล่มบางๆ อ่านที่บ้าน นอนกลางคืนเอาผ้าห่มคลุมหัว เอาไฟฉายส่องอ่าน ผมยืนยันได้ว่า ไม่มีเล่มไหนที่ดีเท่าเล่มยุทธการล่าบัลลังก์
จินดารัตน์- ขนาดนั้นเลย
สนธิ- ขนาดนั้นเลยผมยืนยัน และคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือ นี่ไม่ใช่หนังสือกำลังภายในนะ แต่เป็นหนังสืออิงประวัติศาสตร์ แต่ที่สำคัญคือว่า เขาสร้างตัวละครคนหนึ่งขึ้นมา และตัวละครนี้ แทรกเข้าไปในส่วนลึกของประวัติศาสตร์ เป็นคนเดินเรื่องประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์สุย สมัยช่วงสุดท้ายของราชวงศ์สุยคือ จักรพรรดิสุย หยาง ฮ่องเต้ กำลังจะล่มสลาย แล้วประเทศจีนแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า เป็นตระกูลหลี่ ตระกูลตู๋กู ตระกูลอี้เหวิน หลายตระกูล และในที่สุดแล้วตระกูลหลี่ก็ชนะ ตั้งเป็นราชวงศ์ถังขึ้นมา และนั่นคือที่มาของหลี ซื่อหมิน ทั้งหมดนี้ ความประเสริฐของหนังสือเล่มนี้คือ เป็นการเอาความจริงทางการเมือง เมื่ออ่านหนังสือชุด 7 เล่ม นี้แล้วอดนึกไม่ได้ที่จะต้องมองย้อนหลังกลับมาดูการเมืองไทย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เหมือนอย่างที่ผมพูดคราวที่แล้วที่ผมบอกว่า พวกมันแทงแต้มใหญ่แต้มเล็กก็คือแทงกั๊ก เรามาดูบ้านเมืองเราแทงกั๊กกันทั้งนั้น ไม่เห็นเหรอครับที่ดูไบ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ถ่ายรูปคู่กับทักษิณ ชินวัตร แทงกั๊กหมด
วันนี้ทรู ก็เอา voice tv มาออก นึกออกมั้ยครับ ASTV จะมีสิทธิ์เอาออกไม่มีทางหรอก นี่คือการแทงกั๊กไงครับ
จินดารัตน์- ไม่มีความยุติธรรมเลยนะคะ
สนธิ- ผมมีความรู้สึกเฉยๆ ผมมีความรู้สึกว่าเราสู้มาถึงวันนี้ไม่ต้องออกที่ไหนก็ได้ ผมพอใจที่เป็นอย่างนี้ ทั้งแอน และนุ้ก ก็พอใจที่เป็นอย่างนี้ คนที่ดูเรา เรารู้ว่าเขารักเรา เขาคือคนซึ่งมองตากันก็รู้เรื่องแล้ว ไม่ต้องพูด เข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ต้องไปพึ่งช่องโน้น ช่องนี้ คือถ้าจะดู ASTV ก็ดู ASTV ไม่มีจานดาวเทียมดูไม่ได้ ก็เข้าดูเน็ต ไม่ดูก็ไม่ดูเลยไม่เป็นไร อย่างที่บอกไงแอน ถ้ากลัวความจริงอย่าดู ASTV ถ้าอยากจะดูพิธีกรสาวปากกล้า ก็เปิดตอนเช้า ของขึ้นตลอด เที่ยวอาละวาดเขาไปทั่ว
แต่หนังสือเล่มนี้มันเริ่มด้วยการที่ตัวพระเอกชื่อว่า หลี่ซี แซ่หลี่ ชื่อซี เป็นเด็กบ้านนอก แล้วพ่อส่งให้ออกไปนอกกำแพงเมืองจีน ไปอยู่กับชนเผ่าต่างๆเพื่อหนีทหาร เพราะว่าพระเจ้าสือหยาง ฮ่องเต้ จะกวาดต้อนคนหนุ่มไปรบที่เกาหลี พ่อกลัวลูกตาย มีลูกคนเดียวก็เลยส่งออกไปนอกกำแพง หลังจากนั้นเด็กคนนี้ก็กลับเข้ามาหลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกชนเผ่าประมาณซัก 4-5 ปี กลับเข้ามาสมัครเป็นทหาร และก็ไต่เต้าขึ้นมา ในช่วงของการไต่เต้าขึ้นมา สมัยก่อน ประเทศจีนเขามีชาติตระกูลกัน ตระกูลไม่ใช่ตระกูลแซ่ชุย ไม่ใช่แซหลี่ แซ่โน้นแซ่นี้ ไม่มีโอกาสจะก้าวหน้า คุณต้องมีแซ่ใดแซ่หนึ่งที่อยู่ในชาติตระกูลนั้น แต่หมอนี่ใช้ฝีมือเดียวอย่าง ใช้ความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง และในที่สุด ใกล้จะจบหนังสือเล่มนี้ มันเป็นช่วงซึ่งชนเผ่าที่อยู่นอกกำแพงเมืองจีน เขาเรียกชนเผ่าถูเจี๋ย
ถูเจี๋ย ก็คือว่าชนเผ่าต่างๆ มารวมกัน แล้วก็ตั้งชื่อว่าชนเผ่าถูเจี๋ย กำลังจะบุกรุกเข้ามาที่ประเทศ ข้ามกำแพงเมืองจีนเข้ามาประเทศจีน แม่ทัพหลี่สี่ มันบอกมันเพิ่งจะเข้าใจปรมาจารย์ซึ่งสอนมันเรื่องการรบ คือท่านแม่ทัพจางซูทัว เป็นคนบอกว่า หลี่สี่ ให้จำไว้ หน้าที่ของพวกเราคือปกป้องและรักษา มันก็บอกว่า มันเห็นศัตรูที่กำลังจะข้ามกำแพงเมืองเข้ามาแล้ว มันถึงเข้าใจว่า วันนี้มันไม่มีสุยหยางฮ่องเต้ มันไม่มีตระกูลโน้นไม่มีตระกูลนี้ มันมีแต่ประชาชนที่มันต้องปกปักและรักษา
ดีมากครับหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับกำลังภายใน ไม่ได้เกี่ยวกับว่าพระเอกไปเจอดีงูสองพันปี แล้วกินดีงู แล้วมีพลังขึ้นมา แล้วก็มีกำลังภายในเคลื่อนอยู่ในร่างกาย สามารถกระโดดลอยตัวได้ 100 เมตร ไม่ใช่
จินดารัตน์- เน้นเรื่องการเมือง วิธีคิด
สนธิ- เน้นเรื่องการเมือง วิธีคิด และที่สำคัญอ่านแล้วติด ผมนี่ติดมากเลย ผมกล้าฟันธงว่าหนังสือกำลังภายในตั้งแต่ผมอ่านมาในชีวิต เพิ่งจะมีชุดนี้ล่ะที่ให้ความคิดผม ให้ปรัชญา ให้ข้อคิด ให้แง่คิด ให้ความเจ็บปวด ให้รู้ถึงความชั่ว ให้รู้ว่าจริงๆ แล้วมนุษย์มันเป็นยังไง แล้วมันสอนเรามาตั้งแต่สมัยสุยหยางฮ่องเต้ มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ผมถึงอยากจะพูดสักนิดหนึ่ง ให้ท่านผู้ชมรู้ว่า ชุดนี้จะอย่างไรก็ตาม ถึงไม่ได้รับแจก ซื้อเก็บเอาไว้ แล้วก็ไม่จำเป็นที่จะชอบหรือไม่ชอบอ่าน ยิ่งคนไม่เคยอ่าน ค่อยๆ อ่าน อ่านแล้วจะติด
จินดารัตน์- คุณสนธิอ่านจบแล้วใช่ไหมคะ
สนธิ- จบแล้วครับ ผมกำลังจะ .. ผมจะทิ้งไว้สักพักหนึ่ง แล้วมาอ่านใหม่ตั้งแต่เล่ม 1 ใหม่
จินดารัตน์- ทำไมต้องอ่านซ้ำคะคุณสนธิ
สนธิ- ข้อคิด คนที่เขียน เป็นคนมองโกเลีย คนจีนในมองโกเลีย อายุแค่38 เอง เก่งมาก ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่สำคัญคือความที่เขาเป็นคนมองโกเลีย คนมองโกเลียคือชนเผ่า เพราะฉะนั้นแล้วต้นตระกูลเขาคงจะอธิบายความเป็นชนเผ่าที่อยู่นอกกำแพงเมืองจีน เขาใช้ชีวิตยังไง เขาอยู่ตามกระโจมกันอย่างไร และเขาเคารพคบคนอย่างไร หมอนี่จบวิศวะ จบปริญญาโทวิศวะ และไปทำงานออสเตรเลีย ชอบเดินทาง ชอบไปทำงานตามต่างจังหวัด เขาน่าจะเป็นคนสัญชาติออสเตรเลียไปแล้ว เขียนเรื่องนี้มา ลงในอินเทอร์เน็ต ประเทศจีนจะมีคนอยู่เยอะเลย ที่เขียนนิยายแล้วลงอินเทอร์เน็ต และคนจะเข้ามาดูเยอะมา คนเข้ามาดูเป็นล้านๆ คนนะ 10-20 ล้านคน
จินดารัตน์- เหมือนว่าให้อ่าน
สนธิ- ให้อ่าน
จินดารัตน์- ทางอินเทอร์เน็ต
สนธิ- สำนักพิมพ์จะมอง เรื่องของใครก็ตามที่ตีพิมพ์ในอินเทอร์เน็ตแล้ว มีปริมาณคนเข้า เพราะว่ามีตัววัดไง เหมือนกับเรา เว็บไซต์ผู้จัดการคลิกกี่คลิก มีผู้ชมเข้ามากี่คน เขาจะรีบติดต่อกันเลย แล้วประมูลกันด้วย เพื่อเอามาพิมพ์ขาย อันดับ 1 ของจีนตอนนี้ และ
กรองทอง- น.นพรัตน์
สนธิ- คุณ น.นพรัตน์ คุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ซึ่งเป็นประธานเซเว่น-อีเลฟเว่น แกเป็นเซียนภายนอกภายในเลย แล้วแกพูดชัดเจนว่า หนังสือเล่มนี้ดีที่สุด ดีที่สุด จริงๆ แล้วผมอยากให้ทั้งแอนและนุกมีเวลา ใช้เวลาสักนิดนึง ลองดูลองอ่านดู อ่านไปเรื่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่า แค่ขึ้นเล่ม 2 วางไม่ลงและ วางไม่ลง
จินดารัตน์- ตาจะเป็นหมีแพนด้าในตอนเช้า งั้นเดี๋ยวขออนุญาตบอกสามีส่งเอสเอ็มเอสก่อนนะคะ พูดเล่นคะคุณผู้ชม คือ 3 สิทธิ์ให้คุณผู้ชมทางบ้าน ส่งเอสเอ็มเอสเข้ามา อีก 2 สิทธิ์ให้แฟนๆ รายการ
สนธิ- เฟซบุ๊ก
จินดารัตน์- วันนี้คนนี้มาได้ยังไงละคะ แอนเป็นคนรีเควสด้วย
สนธิ- ชวนเขามา เราเอเอสทีวีเราเนี้ยะ เหมือนครอบครัวเดียวกัน จะอายุมาก อายุน้อยไม่สำคัญเท่ากับว่า อุดมการณ์ไม่ได้อยู่ที่อายุ
จินดารัตน์- จะแก่ จะอ้วนอะไรก็
สนธิ- จะแก่ จะอ้วน จะสาว จะอย่างไรก็ตามเอเอสทีวีไม่สำคัญ สำคัญที่อุดมการณ์เหมือนพระ พระเนี้ยะเขาไหว้กันที่ไหนรู้ไหม ที่ธรรม องค์ไหนมีธรรมสูง จะถูกไหว้ ยอมรับในธรรมของท่าน เพราะฉะนั้นแล้วพระธรรมดาเขาจะถามว่า ท่านบวชมาแล้วกี่พรรษา อาตมา 45 พรรษา ผมเพิ่ง 20 พรรษาก็กราบ อันนี้เขาเรียกว่า ประเพณีเคารพผู้อาวุโส แต่ถ้าบวชมา 45 พรรษา แต่ธรรมยังไม่ถึง 2 พรรษาเลย ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจธรรมพระพุทธเจ้า แต่คนเพิ่งบวชมาได้ 2 พรรษา แต่ทะลุปรุโปร่ง เขาจะเคารพคนที่มีธรรมมากกว่า คำว่าธรรมสำคัญมาก ไหนๆ พูดเรื่องนี้ขยายความนิดนึง ผมจำได้ ผมเนี้ยะเป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ผมจำได้ หลวงตาพูดตลอดเวลา ท่านบอกว่า ถ้าเราใช้ธรรมจับ ปัญหาอะไรก็ตาม ใช้ธรรมจับ พูดเรื่องอะไรก็ตามใช้ธรรมพูด ท่านบอกว่าไม่ต้องกลัวผิด เพราะฉะนั้นผมเคยเห็นท่านดุพระด้วยกัน ที่เป็นระดับอริยสงฆ์เหมือนกัน 70 กว่าปี เป็นระดับหลวงปู่ ที่ธรรมดาอยู่ที่วัดคนจะขึ้นหมด ท่านดุเหมือนหมูเหมือนหมาเลย เพราะท่านบอกทำไมเราต้องว่าเขา ที่เราต้องว่าเขา เพราะไม่เข้าใจธรรม เราใช้ธรรมสอนเขา และพระองค์นั้นนั่งพนมมือยอมรับ เพราะฉะนั้นธรรมคือความถูกต้อง ธรรมคือความจริง เมื่อเราจะต้องพูดความถูกต้อง และความจริงขึ้นมา ถ้าความถูกต้องและความจริงมันไปกระทบใคร คำถามว่าเราจะต้องยึดถือธรรมเป็นหลักหรือเปล่า ถ้าเราจะยึดถือธรรมเป็นหลัก ถ้ามันจะกระทบก็ต้องให้กระทบ จำไว้ดีๆนะนุ้กเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่อายุ เหมือนสุกำพลที่จะบ้องหูคนโน้นคนนี้ แล้วนุ้กมีความรู้สึกว่าใช้ไม่ได้ เดี๋ยวผมจะพูดในเรื่องประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ชอบคำราม เดี๋ยวค่อยพูด ให้จำไว้อย่างว่า ถ้าเราใช้ธรรม ที่มาของคำว่า ธรรมนำหน้าไง ผมจะมาเข้าใจในช่วงหลังๆ แรกสุดพ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่า สนธิ ออกไปสู้กับทักษิณให้เอาธรรมนำหน้า เพราะว่าทักษิณมันไม่มีธรรม ท่านพูดเลย ถ้าเราเอาธรรมนำหน้าเราชนะมัน เราไม่แพ้มัน และเราก็ชนะจริงๆ วันนี้คนเขาบอกว่า บ้านเมืองจะไปอย่างไร คุณสนธินั่งเฉยๆได้อย่างไร คุณสนธิไม่รู้สึกอะไรเหรอ ผมไม่รู้สึกอะไรเพราะผมอยู่กับธรรม ผมอยู่กับความสงบ ผมอยู่กับสิ่งที่ผมรู้ผมยืนอยู่บนความถูกต้อง ส่วนบ้านเมืองมันจะพังทลายนั้น เราทำเท่าทีเราจะทำได้ เราทำได้แค่ไหนเราทำได้แค่นั้น แต่ว่าเรารู้อยู่แล้วว่าการที่เราได้แค่ไหนเราทำแค่นั้น แปลว่าเราได้ทำสุดความสามารถแล้ว เมื่อมันสุดความสามารถแล้วมันนอกเหนือจากตัวเราที่ทำอะไรได้มากกว่านั้น เราต้องทำใจให้สงบ ถ้าเราทำใจให้ไม่สงบ จิตเราไม่นิ่ง เช้าๆอ่านหนังสือพิมพ์แล้วหงุดหงิด ไม่รู้เป็นอย่างไร เห็นหน้าเฉลิม จตุพร และมันรับไม่ไหว เห็นหน้าคุณยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี รับไม่ไหว อารมณ์เสีย เนี่ยแหล่ะคือความปั่นป่วนภายในจิตใจ เพราะเราจิตไม่สงบ
จินดารัตน์- ไม่มีสมาธิ
สนธิ- สมาธิมันไม่มีอยู่แล้ว ปัญหาคือเราไม่สามารถพัฒนาตัวเราได้ไปอีกขั้นหนึ่ง ผมเคยสังเกต เหมือนก้าวข้ามไม่ได้ การก้าวข้ามได้ คือการทีเรานั่งนิ่งสงบ ไม่ได้แปลว่าเราเอากับเขา เอ๊ะ คุณสนธิทำไมนั่งเงียบ ไม่เห็นออกมาด่าทักษิณเหมือนแต่ก่อน คุณสนธิรับเงินทักษิณหรือเปล่า อ๋อ นี่แสดงว่าถ้าผมด่าแม่ทักษิณทุกวันนี่ผมไม่ได้รับเงินทักษิณสิ มีทางไหนมั้ย ถ้าผมไม่เอากับคุณทักษิณ เพราะคุณทักษิณเป็นคนใช้ไม่ได้ แล้วผมอยู่ของผมเฉยๆ สงบหน่อย โอเคมั้ย ทำไมยี่ห้อผมจะต้องออกมาด่า เข้าใจหรือยัง เขาเข้าใจผิดประเด็น
จินดารัตน์- เขาชอบคำพูดคุณสนธิ ความเข้าใจผิดประเด็นนี้ ตรรกะหัวแม่ตีน
สนธิ- เรื่องจริง ตรรกะหัวแม่ตีน เดี๋ยวนี้โด่งดังมากเลย
จินดารัตน์- คนในเฟซบุ๊กเขาชอบมาก มันใช่เลย พอพูดมา เออ มันใช่เลย ที่คุณสนธิพูด เหมือนเอาอะไรมาเชื่อมต่อกันก็ไม่รู้ ก็เลยเป็นตรรกะหัวแม่ตีนอย่างที่คุณสนธิบอก ชอบค่ะ หนูก็ชอบ
กรองทอง- หนูคิดว่าคุณสนธิไม่ต้องออกมาพูดเยอะน่ะ ดีแล้ว เพราะถ้าพูดเยอะมันจะมีคนตกงาน เพราะล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่คุยทุกเรื่องกับสนธิออกอากาศไป จะเสื้อแดง เสื้อฟ้า เสื้อหลากสี เขาจะดูเราไง แล้วก็ได้ไปดูช่องเสื้อแดง แต่จำไม่ได้ว่าใครพูด เขาก็พูดกันว่า เฮ้ย เราจะตกงานแล้วรึเปล่า
จินดารัตน์- ทำไม
กรองทอง- สนธิด่ามันกว่าเราอีก งั้นก็อย่าพูดเยอะดีแล้ว
สนธิ- คำว่าด่ามันนี่นะ คนไม่เข้าใจ คือผมจะถูกมองไปว่าผมเป็นคนปากจัด แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้เป็นคนปากจัด ผมพูดอย่างที่ผมคิด ผมไม่ได้ไปประดิษฐ์ประดอยคำพูด ไม่ได้ไปแต่งคำพูดให้มันสวยหรู
จินดารัตน์- ไม่ต้องดัดจริต
สนธิ- ไม่ต้องดัดจริต ผมคิดยังไงผมก็พูดอย่างนั้น เหมือนกับที่ผมบอกว่า ถ้าเป็นตรรกะแบบนี้ต้องเป็นตรรกะหัวแม่ตีน เพราะว่าเวลาเรายืนดูอยู่นี่สิ่งที่ต่ำที่สุดในร่างกายเรา คือหัวแม่ตีน สิ่งที่เรามองเห็น ก็คือเรามอง อ้าวนี่หัวแม่ตีนกูนี่หว่า นี่คือความรู้สึก นี่คือคำพูดที่สะท้อนให้เห็นความเป็นจริง นี่คือสัจธรรมของคำพูด และนี่คือธรรม ไม่ใช่ผมด่านะแอน ไม่เกี่ยวกับด่าหรือไม่ด่า แต่เป็นเกี่ยวกับว่าเราแสดงความรู้สึกออกอย่างตรงไปตรงมาหรือเปล่า ที่สำคัญที่สุดต้องแสดงความรู้สึกด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่แสดงความรู้สึกเพราะว่าเรารับงานเขามา คิดอย่างไรต้องพูดอย่างนั้นไปเลย และที่สำคัญ บนพื้นฐานของความคิดและคำพูดนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของธรรม ไม่ใช่บนพื้นฐานของกิเลส ไม่ใช่บนพื้นฐานของความโลภ ไม่ใช่บนพื้นฐานของความหลง และไมใช่บนพื้นฐานของความไม่มีสติ ตลอดเวลาเราต้องรู้เรื่องนี้
จินดารัตน์- ซึ่งแอนว่าน้องนุกเขาได้ตรงนี้ไปเต็มๆ นะคะ
สนธิ- นุกได้
จินดารัตน์- คิดอย่างไร พูดอย่างนั้น
สนธิ- ต้องอย่างนั้น แต่นุกเขา .. ผมไม่รู้นะ นุกจบธรรมศาสตร์มา ที่นี่เป็นที่แรกที่นุกทำงาน ใช่มั้ย
กรองทอง- คือเป็นงานประจำ เพิ่งทำเป็นพนักงานประจำ
สนธิ- ไม่ๆ ที่ออกโทรทัศน์
กรองทอง- อ๋อ ไม่ค่ะ ทำที่อื่นมาก่อนหลายที่ค่ะ ทั้งฟรีแลนซ์ ทั้งงานอิสระ ก็เคยทำ
สนธิ- นุกลองเปรียบเทียบดูซิว่า ระหว่างนุกอยู่ที่นี่ กับนุกอยู่ที่อื่น ข้อแตกต่าง แตกต่างกันอย่างไร อย่าไปเปรียบเทียบเรื่องเงินเดือนออกตรงเวลานะ ตัดเรื่องเงินเดือนออก
กรองทอง- ที่นี่เหรอคะ นุกมองว่าที่นี่เป็นที่ๆ ให้โอกาส ให้โอกาสมากมาย อย่างแรกคือให้โอกาสที่จะพัฒนา นุกว่าในฐานของเด็กที่จบใหม่ตอนนั้นนะคะ และโดยทั่วไป นุกว่าเด็กที่จบใหม่ สิ่งที่สำคัญที่เขาควรจะได้คือ โอกาส โอกาสที่จะเรียนรู้ และโอกาสที่จะได้พัฒนาอะไรอย่างนี้คะ นุกคิดว่าที่นี่มีโอกาสมากมาย และอยากจะทำอะไรก็ได้ทำ ไม่มีการปิดกั้น และไม่มีการมาแบบ
จินดารัตน์- มาสั่งว่าอันนั้นไม่ได้นะ
กรองทอง- ใช่ อันนั้นไม่ได้นะ อันนี้ไม่ได้นะ และทุกคนคืออยู่กันแบบ คือลักษณะของความสัมพันธ์ในองค์กรนี้ จะเป็นเหมือนแบบเป็นพี่น้อง คือการเป็นพี่น้องไม่ได้หมายความว่า เราไม่มีอาวุโส คือในการเคารพผู้อาวุโส เราก็มีเหมือนที่อื่นๆ แต่ว่าไอ้ความรู้สึกที่แบบ มันมากกว่าเช่นแบบ เงินเดือนก็ออกไม่ตรง อยู่ๆ ต้องออกไปอยู่เวที ไปทำม็อบอะไรอย่างนี้ คือด้วยประสบการณ์ต่างๆ อย่างนี้ มันทำให้ มันจะมีความผูกพันมากกว่า ความผูกพันในลักษณะของแบบเพื่อนร่วมงานในองค์กรอื่นๆ
จินดารัตน์- และร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน
กรองทอง- ใช่มันร่วมทุกข์ร่วมสุขอะไรอย่างนี้
สนธิ- และนุกเคยรู้สึกไหม แอนเคยรู้สึกไหม นี่ถามอยู่นะ เคยรู้สึกไหมว่า องค์กรนี้แน่นอนที่สุดผมไม่เคยไปก้าวก่ายแทรกแซง ผมไม่เคยไปบอกแอน ว่าเรื่องนี้ผมคิดอย่างนี้นะ ให้พูดในแนวนี้ ผมไม่เคยบอกนุก ว่าเรื่องนี้ต้องอย่างนี้นะ ไม่เคย แต่นุกมีความรู้สึกไหมว่า ในที่สุดแล้วคนที่อยู่องค์กรนี้ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คิดเหมือนกันหมดเลย
จินดารัตน์- ใช่คะ
กรองทอง- แล้วจะชอบมีคนที่เขาไม่เข้าใจ เขาจะบอกว่า คือเหมือนกับว่า ในเมื่อนายเป็นแบบนี้ เราต้องตามนายสิ ซึ่งมันไม่ใช่ไง ที่นี่ไม่มีใครมาบังคับให้แบบ เฮ้ยเห็นหน้ายิ่งลักษณ์ แล้วแบบเธอต้องเกลียดนะ มันไม่ใช่อย่างนั้นไง นึกออกไหม คือมันไม่ใช่ไง
สนธิ- นี่ไงความเข้าใจผิดตรงนี้ นุกจำได้ไหม แอนจำได้ไหม ผมถึงโดนด่าว่า ผมเป็นเถ้าแก่ จำได้เปล่า ขอประทานโทษที่ต้องเอ๋ยชื่อ คุณอัญชลีพร กุสุมภ์ อยู่กับผมมาตั้งแต่ต้น จริงๆ แล้วมาอยู่ก่อนแอนเสียด้วยซ้ำ อัญชลีพร กุสุมภ์ ผมไม่เคยไปยุ่งอะไรกับแกเลย แกมีสิทธิของแกเต็มที่ ในช่วงที่เราไปประท้วงที่มาบตาพุด คุณอัญชลีพร กุสุมภ์ สามีแกทำงานอยู่ที่โรงงานมาบตาพุด แกพูดออกรายการแกบอกว่า ประท้วงทำไมวุ่นวายเปล่าๆ ทำไมต้องไปประท้วง เศรษฐกิจจะตกต่ำ แกว่าไป ในขณะซึ่งเรากำลังต่อสู้ ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมพรรคประชาธิปัตย์ คุณอัญชลีพรไปยืนข้างประชาธิปัตย์ แต่ผมไม่เคยไปแทรกแซง ผมไม่เคยเลยแม้แต่นิดเดียว ที่จะบอกว่า อัญทิศทางผมอย่างนี้นะ ถ้าคุณอยู่กับผมไม่ได้ ทำแบบนี้ไม่ได้คุณอย่าอยู่กับผม ไม่มี แต่ในที่สุดทุกคนแพ้ภัยตัวเองหมด ใช่ไหม เพราะฉะนั้นแล้วไม่ใช่เราไม่เคยมีคนเห็นต่างกับเรานะ เรามี แต่เราไม่เคยไปปิดกั้นความรู้เขา มีคนหนึ่งคุณสุทินจำได้ไหม
จินดารัตน์- พี่สุทิน
สนธิ- สุทิน ออกรายการแอน ดำกับขาวเลย ฝั่งหนึ่งโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ สุทินออกมาปกป้อง หน้าแดงก่ำเลย จนในที่สุดรับไม่ไหว ลาออกไปเลย ซึ่งเราไม่ได้ไปบีบให้แกออก เพราะฉะนั้นแล้ว ผมมองดูว่า วัฒนธรรมของเอเอสทีวี มันได้สร้างขึ้นมาจนถึงจุดที่ผมเรียกว่า คนส่วนใหญ่ในเอเอสทีวีเริ่มเข้าใจแล้วว่า ธรรมของการทำข่าวคืออะไร ธรรมของการรายงานข่าวคืออะไร คือรายงานตรงไปตรงมา รายงานโดยที่ไม่ต้องเกรงใจใคร รายงาน แอนถ้าสมมุติว่าเป็นสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นแล้วจะบอกว่า คุณไปเล่นงาน ปตท.ทำไม เขาพร้อมจะให้โฆษณาเรา ถูกไม่ถูก แต่เราไม่เกี่ยว เราไม่ยุ่ง เพราะว่า ปตท.เป็นบริษัทที่เกิดขึ้นมา เพื่อสูบเลือดสูบเนื้อประชาชน เกิดขึ้นมาเพื่อรับใช้นักการเมือง เกิดขึ้นมาเพราะนักการเมืองต้องการปล้นชาติ โดยแปรรูป ปตท.เพราะฉะนั้นเราต้องสู้ตรงนี้ และการที่เราไม่ได้รับโฆษณา ก็เป็นเรื่องธรรมดา เราต้องยอมรับไป ตรงนี้พวกเราเข้าใจแต่คนข้างนอกจะไม่เข้าใจ
จินดารัตน์- เราจะเกิดความละอายใจมากกว่าซะด้วยซ้ำที่เราปกปิดเราจะไม่พูด
สนธิ ถูกต้อง และนอนไม่หลับ มองตาคนได้ไม่เต็มที่
จินดารัตน์- พอแอนรู้ว่าพี่น้องที่ดูเรา เขาเชื่อมั่นในตัวเรา เขาเชื่อในสิ่งที่เราพูดว่ามันคือข้อเท็จจริง ไม่มีอะไรปกปิด และแต่ละคนก็เป็นปัจเจก คือคุณสนธิไม่เคยเดินมาว่าพูดเรื่องนี้ไม่ได้นะ อันนั้นไม่ได้ผมขอ
สนธิ- ผมไม่เคยยุ่งเลย
จินดารัตน์- แอนยืนยันเพราะว่าแอนเคยอยู่ฟรีทีวีมาก่อน แอนจะเจอสภาพนั้น อย่าว่าแต่เป็นน้องใหม่เลย ในขณที่เข้ามาได้รับอิสระความคิด แอนต้องขออนุญาตเล่าให้ฟังว่า คือ 10 ปีที่แอนอยู่ฟรีทีวีมา วันนึงแอนเดินเข้ามาอยู่ ASTV ทำรายการคนในข่าว โปรดิวเซอร์เขาบอกว่าเขาเชิญคนนี้มาพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้เรื่องทักษิณอะไรอย่างนี้ แอนถามเขาว่าไงรู้ไหมคะคุณสนธิ พูดเรื่องนี้ได้ด้วยเหรอ โปรดิวเซอร์เขาก็งง ที่นี่ ASTV นะ ไม่ใช่ช่อง 3 พูดได้ทุกเรื่อง เขาบอก จริงเหรอ แล้วถามแบบนี้ได้ด้วยเหรอ คือมันเหมือนก้าวข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งที่เราไม่เคย สื่ออย่างเราจะทำแบบนี้ได้
สนธิ- แล้วผมจะบอกให้รู้ มันเป็นเรื่องที่เสียนิสัยไปแล้ว พวกเรา วันข้างหน้าไปอยู่ที่อื่นจะอยู่ไม่ได้แล้ว
กรองทอง- หนูก็เคยพูดกับเพื่อน กับแม่ คือถ้าวันนึงไม่ได้อยู่ที่นี่ก็จะไม่ทำอาชีพสื่อมวลชนอีกแล้ว ก็จะไปขายดอกไม้ทำอะไรก็ว่าไป จะไม่ทำอาชีพนี้แล้ว
สนธิ- อิสระเสรีภาพในการแสดงออกนั้นมันมีคุณค่ามากกว่าเงินทองไม่รู้เท่าไหร่ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตาม ใครก็ตามยินดีที่จะเอาอิสระเสรีภาพไปแลกกับเงินทอง ถ้าอย่างนั้นเขาไม่ใช่สื่อมวลชนในสายตาของผม ไม่ใช่ เขาก็ไม่มีคุณค่าพอที่จะให้ผมไม่คบเขาด้วย หรือไปคุยกับเขาด้วย วันนี้อย่างน้อยที่สุดผมคิดว่า สิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องภูมิใจ ประการแรกเราอยู่ได้ด้วยประชาชน ประชาชนจริงๆ เหมือนกับใครนะที่มาด่าเราไม่นานมานี้ ด่าเราที่บอกว่าเรา หน้าด้านขอบริจาค ขอรับเงินบริจาค สำหรับผมแล้วไม่ใช่เรื่องหน้าด้าน สำหรับผมแล้วเป็นเรื่องของบุญคุณเลยที่ประชาชนให้เรา เพราะเราเป็นหนี้เขา ทำไมเขาให้เรา เขาต้องการให้เราเป็นเราไง เขาต้องการให้เรากล้าพูดในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะเขามองซ้ายมองขวามองรอบตัวสิบทิศบนล่าง มองหมดแล้วเขาหาอะไรที่มีคุณค่าให้เขาฟังไม่ได้ นอกจากเอเอสทีวี เขาถึงช่วงเราไง เขาถึงบริจาคให้เรา แล้วเราโดนด่าว่าเรานี่หน้าด้านไปขอเงินบริจาค
จริงๆ แล้วเอเอสทีวีเป็นปรากฏการณ์ทางสื่อมวลชนที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกนี้นะ ผมจะบอกให้คุณรู้
จินดารัตน์- ไม่มีในตำรา
สนธิ- ไม่มีในตำรา นุก ไม่มีในตำรา
จินดารัตน์- เพราะเราโดนตราหน้าว่าเป็นสื่อเลือกข้าง เพราะฉะนั้นคนที่ดูเราก็คือเลือกข้างด้วย ถูกไหมคะคุณสนธิ เลือกข้างยืนอยู่ในความถูกต้อง
สนธิ- มันเป็นเรื่องของ ... นุกนี่จบสื่อสารมวลชนใช่มั้ย
กรองทอง- ใช่ค่ะ วารสารฯ
สนธิ- วารสารศาสตร์ใช่มั้ย มันเป็นเรื่องของกระบวนทัศน์และความเข้าใจ วันนี้เราพูดแต่เรื่องสบายๆ นะ เรื่องวิชาชีพ ผมคิดว่าท่านผู้ชมฟังแล้ว ท่านผู้ชมอาจจะได้รับความรู้บ้าง สมัยก่อนผมเคยสอนเด็กปริญญาโท และปริญญาเอก ที่คณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ผมค่อนข้างที่จะมีทฤษฎีที่นักวารสารศาสตร์ และนักนิเทศศาสตร์ สาขาสายจุฬาลงกรณ์ สายธรรมศาสตร์ ไม่ค่อยจะกินเส้นกับผม
จินดารัตน์- ทฤษฎีอะไรคะ
สนธิ- เพราะเขามองว่าสื่อมวลชนต้องเป็นกลาง แต่ผมเป็นวารสารศาสตร์สายภาคประชาชน สื่อมวลชนต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง เป็นกลางได้ยังไง เขาบอกว่าสื่อมวลชนต้องทำตัวเหมือนกระจก สะท้อนภาพความเป็นจริงออกมา ผมก็ถามว่า คุณพูดในกรณีที่ห้องนั้นสว่าง ถ้าห้องนั้นมืด คุณทำตัวเป็นกระจก มีคนมองเห็นมั้ย
จินดารัตน์- ไม่มีประโยชน์
สนธิ- คุณต้องทำตัวเป็นเทียนไข เพื่อจุดห้องนั้นให้สว่างขึ้นมาก่อน เมื่อสว่างขึ้นมาแล้ว ทุกคน หมายถึงว่าปัญญาทุกคนมีเท่ากันหมดแล้วนะ สังคมทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อฟ้า ทุกคนรู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว รู้ว่าอะไรถูก อะไรไม่ถูกแล้ว ตรงนั้นล่ะคุณถึงจะเริ่มทำตัวเป็นกระจกได้ แต่วันนี้สังคมไทยคือบ้านที่มืดมิดอยู่ นั่นข้อที่ 1 ข้อที่ 2 เขาบอกว่า ทำไมคุณสนธิไม่พยายามยืนตรงกลาง ผมก็ถามว่า กลับไปในยุคคำพูดเดิมของคำว่ากินข้าว กับกินขี้ จะกินอะไร ผมต้องเลือกกินข้าว เหมือนกัน อะไรถูก ผมต้องยืนข้างถูก อะไรผิด ผมไม่เอา เพราะฉะนั้นแล้วสื่อมวลชนไม่เลือกข้างไม่ได้ แอน การไม่เลือกข้างก็คือว่า คุณสามารถกินข้าวผสมขี้หรือไง การไม่เลือกข้าง แล้วเขาบอกว่า คุณสนธิ เวลาคุณทำสื่อมวลชน ผมเป็นคนเขียนหนังสือ สมัยก่อนผมทำข่าว เขาบอกทำไมคุณสนธิ พิสูจน์หรือยัง มีหลักฐานมั้ย ผมบอกว่าการมีหลักฐานหรือไม่มีหลักฐานนั้น คนละประเด็น ประเด็นคือสิ่งแวดล้อม ประจักษ์พยานแวดล้อม และความเป็นไปได้ มันพอที่จะทำให้เราสรุปได้ ว่าเรื่องราวมันมีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าจะไปให้มีหลักฐาน ข้อที่ 1 ผมไม่ใช่กองพิสูจน์หลักฐาน ข้อที่ 2 ผมไม่ใช่ตำรวจที่จะต้องไปขุดศพมาดู แต่ผมสามารถจะประมวลจากเหตุการณ์แวดล้อม แล้วผมก็ถามเขาคำหนึ่งว่า นุกนอนคืนนี้ที่บ้าน หลับไม่รู้เรื่องเลย นุกตื่นมาตอนเช้า น้ำท่วมถนน เปียกหมดเลย สนามเปียก นุกสรุปได้มั้ยว่าเมื่อคืนนี้ฝนตก นุกสรุปได้ยังไงถ้าใช้ทฤษฎีสื่อมวลชนเก่า นุกเห็นหรือเปล่าฝนตก นุกหลับอยู่ เข้าใจหรือยัง ตรงนี้ที่เขาไม่เข้าใจผม แล้วเขามองว่าผมไม่ใช่สื่อมวลชน
จินดารัตน์- เป็นพวกแหกคอก
สนธิ- เป็นพวกแหกคอก เพราะฉะนั้นแล้วเวลาผมดูเหตุการณ์อะไรแต่ละเหตุการณ์ สื่อมวลชนในยุคหลังชอบใช้คำว่าเรียลไทม์ ลุกขึ้นมา จู่ๆ คนเห็นแอนตบหน้าผมฉาด ในทีวี คนก็บอกแอนตบหน้าผม ทำข่งทำข่าวใหญ่ แต่ว่าถ้าเขาไม่ได้ดูองค์รวมทั้งองค์รวม เขาไม่รู้ว่าที่แอนตบหน้าผม เพราะว่าผมทำอะไรแอนอยู่ ทำให้แอนทนไม่ได้ แอนถึงตบหน้า ถ้าอย่างนี้แล้วมันถึงสมบูรณ์แบบ เข้าใจมั้ย นี่ไง เพราะว่าสื่อมวลชนใช้คำว่าเรียลไทม์ เห็นภาพ ณ วันนี้ เวลานี้ วัน ว. เวลา น. ก็เลยตัดสินไปเลย แต่สื่อมวลชนพวกเราเอเอสทีวีไม่ใช่เห็นอย่างนั้น
จินดารัตน์- เพราะทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป
สนธิ- ทุกอย่างมีที่มาที่ไป นี่คือหลักธรรม ผมที่เกิดขึ้นเพราะมันมีเหตุ ปัจจัยที่เกิดขึ้น ปฏิจจสมุปบาท รู้ใช่มั้ย
กรองทอง- มันจะมีทฤษฎีของนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ who what when where แล้วทุกวันนี้สื่อมวลชนก็จะเป็นอย่างนี้ ก็จะรายงาน who what when where
สนธิ- แต่ที่สำคัญที่สุดมันคือ how และ why ของเราไปที่ how และ why ตลอดเวลา ทีนี้ถ้าไปที่ how และ why ข้อที่ 1 มันขี้เกียจทำ เพราะมันขี้เกียจ สื่อมวลชนเมืองไทยค่อนข้างที่จะด้อยปัญญา
จินดารัตน์- ยังลอกข่าวกันอยู่เลยค่ะ
สนธิ- สังคมไทยที่ด้อยปัญญา 50-60 เปอร์เซ็นต์ มาจากสื่อมวลชน เพราะโดยพื้นฐานแล้วสื่อมวลชนไทยเป็นคนด้อยปัญญาอยู่แล้ว ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
จินดารัตน์- คือตั้งคำถาม ขออภัยนะคะที่จะต้องต่อว่าอาชีพเดียวกัน คือเวลาตั้งคำถามแต่ละคำถาม เราฟังเราก็หงุดหงิดนะคะ คุณสนธิ ถามแบบ ตั้งคำถามสากกระเบือไปแบบนี้ ประชาชนได้ประโยชน์อะไร อย่างนี้ส่งไปคนเดียวแล้วก็มาลอกข่าวกัน น่าจะดีกว่า
กรองทอง- ก็เหมือนที่นักข่าวถาม อย่างตัวอย่างนักข่าวถามนายกฯ ปูล่าสุด เรื่องปรับ ครม. ปรับเองหรือเปล่าคะ คิดเองที่นี่หรือเปล่าคะ คือต่อให้ปูโง่ยังไง ปูก็ต้องตอบว่าคิดเองไง
จินดารัตน์- คนถามโง่กว่า
กรองทอง- คิดเองหรือเปล่าคะ ปรับที่นี่ใช่มั้ยคะ แล้วยัยปูก็ตอบ นายกฯ ปูก็บอกว่า ก็สื่อก็เห็นนี่คะ คือในความรู้สึกนุกนะ ถ้าเราอยู่ตรงนั้น เราจะบอกว่า เห็นค่ะ ก็เห็นไปฮ่องกงกันไงคะ แต่มันไม่มีใครถามไง
จินดารัตน์- เขาเห็นหน้าเรา เขาก็เชิญออกแล้ว เขากลัว
กรองทอง- ก็สื่อก็เห็นแล้วนี่คะ
สนธิ- คือถ้าถามเป็นและกล้าถาม มันต้องถามว่า เท่าที่ทราบอยู่ คนที่เป็นรัฐมนตรี เท่าที่ทราบไปฮ่องกงทุกคนเลย การไปฮ่องกงมีส่วนไหมเกี่ยวกับการที่ได้เป็นรัฐมนตรี
จินดารัตน์- เพราะคุณเฉลิมก็ยอมรับเองว่า ถ้าไม่ไปจะได้เป็นมหาดไทยเหรอ จะได้เป็นรองนายกฯ เหรอ ซื่อบื้ออ่ะ
กรองทอง- เนื่องจากว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ต้องเคารพผู้อาวุโส
จินดารัตน์- คนมีตำแหน่งแห่งหน
กรองทอง- ใช่ แล้วบางทีนักข่าวเด็กๆ ไป บางทีก็จบใหม่ ที่จะเป็นคนออกไปวิ่งข่าว พอไปเจอนักการเมือง โอ๊ย อำมาตย์ใส่สูท เขาก็จะไม่กล้าต่อปากต่อคำ ส่วนมากคนที่กล้าต่อปากต่อคำก็จะเป็นนักข่าวอาวุโสแล้ว
จินดารัตน์- นักข่าวอาวุโส ซึ่งสังกัดพรรคการเมืองกลายๆ ใช่มั้ย ก็จะมีฟากฝั่งเสื้อแดง เสื้อฟ้า
สนธิ- มันเป็นประเพณี หรือเป็นพฤติกรรมของสื่อมวลชนไปแล้วนะ ว่าสื่อมวลชนเดี๋ยวนี้เลือกข้าง เลือกข้างยังไม่สำคัญเท่ากับเลือกค่าย มติชนนี่ยืนข้างเสื้อแดงเต็มตัว ยืนข้างเพื่อไทย ถูกผิดไม่ว่าขอให้ยิ่งลักษณ์เป็นนางฟ้า ยิ่งลักษณ์จะเป็นนางฟ้า สวย ฉลาดเฉลียวเต็มที่ ในขณะเดียวกันนักข่าวบางพวกยึดติดกับผลประโยชน์ นักการเมืองบางคนร่ำรวยจากการคดโกงมา ให้บัตรเครดิตนักข่าวบางคน คอลัมนิสต์ ถ้าเป็นหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ มีอิทธิพล ให้วงเงินไม่จำกัดเลยนะ นี่เรื่องจริง สมัยก่อนเคยมีเรื่องมีราว นักข่าวคนหนึ่ง นักการเมืองคนนึงซื้อรถให้ บางคนมีเงินเดือนให้เป็นประจำ
ทีนี้ถามว่าทำไมนักข่าวเป็นอย่างนั้น มันเหมือนเราเลี้ยงลูกนะแอน พ่อแเม่เป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น เจ้าของหนังสือพิมพ์เจ้าของสถานีโทรทัศน์ หน้าเงินเห็นแก่เงิน เฮ้ย อย่าไปเขียนว่าเขา มีโฆษณามา โดนเข้าบ่อยๆไอ้นี่ก็มีความรู้สึกว่า กูเอาบ้างซิ พี่ๆ เดี๋ยวผมเอาอะไรมาตั้งข้างหน้าเวลาผมพูดนะ พี่จ่ายผมเดือนละเท่านี้นะ เยอะแยะไปหมด หรือจู่ๆระหว่างเรื่องเน่าเช้านี้ พูดๆมาก็อธิบายเรื่องนี้ เคลียร์กันไปเลย ไปว่าเขาไม่ได้ จะไปว่าคนอย่างสรยุทธ เขาไม่ได้ เพราะว่าเจ้าของช่อง 3 เขาเป็นอย่างนี้ หรือเจ้าของหนังสือพิมพ์บางฉบับเขาเป็นอย่างนี้ หลายคนมีหนังสือพิมพ์ไม่ใช่เพื่ออะไรหรอก มีเพื่อต่อรองทางการเมือง ต่อรองเพื่อทำการค้า เพราะฉะนั้นสื่อมวลชนเมืองไทย พอกับทหารชั้นผู้ใหญ่ของเมืองไทยเลยนะ ไม่ต่างกันเลย คนระดับอย่าง พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา หรือแม้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา จู่ๆพูดออกมาบอกว่า ประเทศชาติวุ่นวายเพราะว่า แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสี เสื้อเหลืองเสือแดง การพูดเช่นนี้ที่ผมโกรธไม่ได้โกรธเพราะเหมารวมว่าผมเป็นเสื้อแดง แต่ผมโกรธว่าเขามียศถึงพลเอก เป็นถึงผู้บัญชาการทหารบก แต่เขาไม่มีองค์ความรู้เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีความฉลาดเฉลียว ไม่ได้ศึกษาสิ่งแวดล้อม ไมได้รู้ถึงข่าวสารว่า ระหว่างเสื้อแดงกับเสื้อเหลืองนี้ ใครทำชั่วให้แผ่นดินไทย หลักฐานเห็นชัดเจน 7 ตุลาคม 2551 เราโดนยิงตาย 7-11 คน บาดเจ็บเป็นร้อยๆ พิการหลายสิบคน โดยทีเราไม่มีอาวุธเลย นี่คือหลักฐาน ชัดเจนว่าเสื้อแดงไปเผาราชประสงค์ และก็มีชายชุดดำยิงทหารตาย ลำพังเพียงแค่นี้คนอย่าง พล.อ.อนุพงศ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่สามารถแยกออกได้หรือ ตรงนี้ต่างหากที่ผมโกรธเขา ถ้าเขาเป็นสิบตรีอนุพงศ์ หรือสิบตรี หรือพลทหารประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมจะไม่ว่าสักคำเลยนะ นี่เขาจบ จปร.ผ่านมาเป็นแม่ทัพภาค 1 เป็นทหารเสือราชินี เป็นหมดทุกอย่างจนกระทั่งทุกคนมองว่า เขาเป็นคนซึ่งมีความรู้ความสามารถมาก คนถ้าไม่เก่งจริงจะมาเป็นผู้บัญชาการทหารบกได้อย่างไร นอกจากเก่งแล้วต้องมีบุญวาสนาด้วย ที่สำคัญมีบุญวาสนาแล้ว มาปกครองคนสองแสนกว่าคนเขาต้องมีสติปัญญา แต่ถ้า พล.อ.อนุพงศ์ มาจนถึงปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมผิดหวังกับกองทัพบกที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ยกตัวอย่าง คุณประยุทธ์ พูดอย่างนี้ สำหรับที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณมากในการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น คุณประยุทธ์ พูดว่า ขอให้ไปถามสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อย่าไปพูดว่าทหารใช้งบประมาณเป็นแสนกว่าล้าน ถ้าไม่รู้อย่ามาพูด เดี๋ยวผมจะเชิญคอลัมนิสต์ สื่อมวลชน และนักวิชาการ ที่แสดงความเห็นในหนังสือพิมพ์มาหารือ เก่งนัก ก็ต้องมาแล้วกัน พวกนี้เก่งกันทุกเรื่อง ภาคใต้ก็เก่ง กัมพูชาก็เก่ง ถ้าเก่งก็มาเป็น ผบ.ทบ.แล้วกัน หรือจะเป็นนายกรัฐมนตรี อย่าดีแต่เขียนหนังสือ เคยทำอะไรบ้างหรือไม่ เขียนแล้วไม่เคยทำอย่ามาวิเคระห์ มีบางคนเท่านั้นที่ต่อต้านการทำงานกองทัพ รักแต่ตัวเอง ไม่ได้รักชาติ ผมถึงว่าคุณประยุทธ์ พูดคำพูดนี้ออกมา คุณประยุทธ์ ใช้ไม่ได้เลย คุณประยุทธ์ไม่ได้พูด แบบผู้บัญชาการทหารบกควรจะพูด นี่คุณประยุทธพูดแบบทหารเขมรพูดนะ พูดแบบลูกน้องฮุนเซนพูด คือไม่เคารพในตัวบุคคล อาชีพเขา จะเป็นคอลัมนิสต์ที่ไหนก็ตาม จะเป็นนักข่าวที่ไหนก็ตาม เขามีอาชีพเป็นนักข่าว เขามีอาชีพเป็นคอลัมนิสต์ ถ้าผมเป็นทหาร นุ้กขอให้เชื่อเลย ผมเป็นทหารดีกว่าประยุทธ์ ล้านเท่า ข้อที่ 1 ผมจะซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมือง ข้อที่ 2 ผมจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และผมจะปกป้องประชาชน รัฐบาลชุดไหน ถ้ามีสัญญาณแนวโน้มของการคอรัปชั่น ผมจะออกมาเตือนสติรัฐบาล ว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวงแบบนี้ หรือแนวโน้มที่จะมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงจะทำให้ชาติบ้านเมืองสั่นคลอน และกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งผมรับผิดชอบอยู่
และถ้าผมเป็นผู้บัญชาการทหารบก ถ้าผมเป็นทหาร ผมจะพูดมานานแล้วด้วย ว่าบรรดาบุคคลที่จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เอ่ยชื่อหมด ผมจะถามว่าคุณวรเจตน์ คณะนิติราษฎร์ คุณไม่มีอะไรทำหรือไง คุณจะมาแก้มาตรา 112 คุณไปยุ่งอะไร แต่อย่ามายุ่งกับความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมจะต้องพูด และถ้าผมเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผมจะบอกคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผมจะบอกว่า ผมมีหลักฐาน มีชายชุดดำจริง นี่ไงวิดีโอเทป ทำไมคุณถึงบอกไม่มี และชายชุดดำนั้นยิงคนของผม ยิงคนของผม ยิง พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ผมต้องพูดอย่างนี้ ผมไม่ยอมเพราะว่าหลักฐานมี คุณไปหาชายชุดดำมา และผมจะมาบอกว่า นายพัน คำแสงที่ตาย ขับรถตู้ เพราะว่าเข้าไปในบริเวณห้ามเข้าแล้ว เขาสั่งให้หยุดแล้วไม่หยุด เป็นหน้าที่ของลูกน้องผมต้องยิง ผมถือว่าลูกน้องผมไม่ผิด แอน ถ้าผมเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผมจะทำอย่างนี้ ไม่ใช่ว่า ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย คนอย่างผมจะไม่ไปแอบจับมือกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แล้วไปเชื่อคำพูดบอกว่า ไม่ถึงตัว เอาลูกน้อง ไม่ได้เอาลูกน้องเอาลูกน้องเพื่อเป็นบันได ต่อไปเพื่อไปเอาอภิสิทธิ์ และสุเทพ เทือกสุบรรณ คนอย่างผมไม่ทำ คนอย่างผมจะแอ่นอก บอกลูกน้องอยู่เฉยๆ เรื่องนี้พี่จัดการเอง เราไม่ผิด เราออกมาปราบปรามผู้ซึ่งก่อความไม่สงบ เพราะฉะนั้นเราทำถูกต้องตามกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพวกนั้นกำลังเผาบ้านเผาเมืองอยู่ และพวกนั้นมีการใช้อาวุธสงครามยิงพวกเรา ถ้าเขาเรียกตัวไปสอบ ผมจะบอกว่าไม่ให้ไป หลักฐานมีอยู่แล้ว ผมทำถูกต้อง คุณแน่จริงคุณปลดผมสิ แต่คุณประยุทธ์แกไม่กล้าทำ เพราะคุณประยุทธ์กล้วถูกปลด
จินดารัตน์- คุณประยุทธ์ ทำอย่างเดียวคือ เดินไปขุดลอกคูคลองกับนายกฯ
สนธิ- นั้นละ ผมเป็นผู้บัญชาการทหารบก ผมไม่ได้มีหน้าที่เดินตามนายกฯ เพื่อไปขุดลอกขุดคลอง ผมส่ง เสธ.ทบ.ไป ผมส่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกไปได้ หรือผมส่งแม่ทัพภาค 1 ไป ทำไมผมต้องเดินตามก้นนายกฯ ขุดลอกขุดคลอง
จินดารัตน์- มีเรื่องอื่นให้ทำอีกเยอะแยะ
กรองทอง- นี่แต่ว่า ล่าสุดนี่คือ พอดีว่าตอนนี้คือ ผู้บัญชาการทหารบกยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์ไงคะ และมีรายงานข่าวว่า เซ็นแต่งตั้ง พ.ท.สราวุธ ชินวัตร เตรียมทหารรุ่น 13 12 เป็นผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 7
จินดารัตน์- ดอนเมือง
กรองทอง- ใช่คะ ซึ่งเขาบอกว่าเป็นกองกำลังที่ควบคุมด้านดอนเมือง กับศาล
สนธิ- เรื่องนี้ผมไม่ติดใจ ผมมองในแง่ดี ว่าเขานามสกุลชินวัตร เขาเป็นทหาร เขาเป็นข้าราชการ เขาต้องเลื่อนขึ้นตำแหน่ง คุณอยากตั้ง ตั้งไป ผมไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น แต่ผมกำลังตำหนิคุณประยุทธ์ แอนนี่คือตัวเลขงบประมาณของกระทรวงกลาโหม และงบที่เกี่ยวกับความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547 48 49 50 51 52 53 54 55 56 สิบปีที่ผ่านมา งบทหารบกเฉพาะทหารบกอย่างเดียว ที่ได้ลงไปจัดการเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 662,000 ล้านบาท
จินดารัตน์- คิดตัวเลขไม่ถูกเลย
สนธิ- 662,000 ล้านบาท ผมจะถามท่านผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า ในฐานะที่สื่อมวลชน หรือนักวิชาการ เขาไม่มีสิทธิ์ถามเชียวหรือ
จินดารัตน์- ทำไมจะต้องโกรธ
สนธิ- เขาไม่มีสิทธิ์จะถามเชียวหรือว่า คุณใช้เงินไป 662,000 ล้าน แล้วยังตายเพิ่มขึ้นเอาทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน และไม่จบไม่สิ้นสักที แอน 662,000 ล้านบาท 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดหนึ่งได้ไป 220,000 ล้านบาทต่อ 1 จังหวัด 220,000 ล้านบาท ต่อยะลา ปัตตานี นราธิวาส ลำพังเอาเงินแค่นี้ไปช่วย คน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็สงบและ โรงเรียนมีหมด โรงเรียนจะเป็นปอเนาะ หรืออะไรก็ตาม มีหลังคามี หลังคาไม่ใช่สังกะสี แล้วก็ฝาโรงเรียนกลายเป็นไม้ไผ่ ไม่ใช่ ถูกไม่ถูก เด็กมุสลิมมีการกินดีอยู่ดี เจริญก้าวหน้าทุกอย่าง คุณภาพชีวิตดีขึ้น 662,000 ล้าน ผมถามคุณประยุทธ์ว่า อย่าว่าแต่นหนังสือพิมพ์ หรือคอลัมนิสต์ หรือนักวิชาการ ประชาชนเขามีสิทธิ์ถามคุณไหม
จินดารัตน์- ใช่
สนธิ- นี่เฉพาะกองทัพบกนะ แอนสำหรับกระทรวงกลาโหม 10 ปีที่ผ่านมา งบประมาณที่ลงไปทางใต้เบ็ดเสร็จ 1,320,000 ล้านบาท หรือว่าทางใต้มันสงบไม่ได้ เพราะว่างบไม่มา คุณประยุทธ์ครับ ประชาชนมีสิทธิ์คิดนะครับ เพราะคุณอย่ามาอารมณ์เสีย ไอ้งบที่คุณใช้อยู่ทุกวันนี้ภาษีของผมนะ พวกเสื้อแดงเยอะเลยไม่ยอมเสียภาษี แต่พวกผมเสียภาษี หักภาษี ณ ที่จ่าย และผมไม่มีสิทธิ์ถามเหรอ ยิ่งผมเป็นสื่อมวลชนผมยิ่งต้องถาม คุณประยุทธ์คุณตอบผมมาซิ 2547 งบกองทัพบก 37,500 กว่าล้าน ปี 48 ได้มา 39,000 ปี 49 41,000 ปี 50 56,000 ปี 51 71,000 ปี 52 84,000 ปี 53 82,000 แล้วมาปี 56 88,000 กราฟขึ้นตลอด 662,000 ล้าน แอน
จินดารัตน์- เพิ่มขึ้นพร้อมจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น
สนธิ- ตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของสังคมไทย ผู้บัญชาการทหารบก สะท้อนให้เห็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชัดเจน แล้วคุณประยุทธ์ มาออกอารมณ์ได้ยอ่างไร ว่าอย่าไปพูด ว่าทหารใช้งบประมาณไปแสนกว่าล้าน ถ้าไม่รู้อย่ามาพูด ก็เพราะว่าไม่รู้ไงถึงพูด คุณแจงให้ผมรู้สักหน่อยได้มั้ย ว่าสิบปีที่ผ่านมาพวกคุณใช้ 662,000 ล้าน ประเทศไทยภาคใต้แทนที่จะสงบกลับมีคนตายเพิ่มมากขึ้น และวันนี้ครบรอบ 8 ปีของการตายที่ตากใบ
จินดารัตน์- ก็ยังอารมณ์เสียใส่นักข่าว นักข่าวไปถามก็หันมา
กรองทอง- ขอร้องเชิงปรามว่า ถ้าไปเสนอข่าวความรุนแรงมากมันก็จะยิ่งไม่จบ
สนธิ- คุณประยุทธ์ ไม่ต้องขุดคุ้ยเรื่องความรู้สึกหรอก ความรู้สึกของคนมุสลิมที่ตากใบ ถึงคุณไม่พูดเขาก็รู้สึกรังเกียจชิงชังพวกคุณอยู่แล้ว
จินดารัตน์- ผบ.ทบ.บอกว่า ก็เยียวยาให้แล้วไง จ่ายเงินไปให้แล้วไง
สนธิ- ก็เอาเงินตบหัวคนไง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การชดเชยเงิน ประเด็นเกี่ยวกับความเป็นธรรมที่ควรจะได้ ตากใบมันเริ่มจากชาวมุสลิมเป็นพันไปประท้วง เนื่องจากมีการจับคนมุสลิมที่เป็นชุดป้องกันหมู่บ้าน แล้วชุดป้องกันหมู่บ้านไปเล่าให้ฟังว่าโดนแย่งปืนไป ก็หาว่าพวกนี้อมปืน พวกนี้ก็ไปล้อม และน่าสนใจอย่าง คนที่ไปกุมสถานการณ์บัญชาที่ตากใบคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีคำสั่งมาไม่รู้จากใครให้จัดการอย่างเด็ดขาด นั่นคือที่มาของการยิง ตายไป 7 คน แล้วพวกนั้นถูกจับ วิธีจับคือถอดเสื้อ มัดมือไขว้หลัง ให้นอนบนรถ และทับเป็นชั้นๆ คนรอดก็อยู่ข้างบน ผมถามคุณประยุทธ์ ซิว่า ผมไม่ต้องพูดถึงหรอก แต่เหตุการณ์อย่างนี้คนมุสลิมเขาลืมเหรอ อย่าเอาเงินเป็นตัวแก้ปัญหา ว่าเงินค่าชดเชยให้ไปแล้วไง ถ้าอย่างนั้นอีกหน่อยคุณยิงใครก็ได้ใช่มั้ย แล้วคุณก็เอาเงินให้เขา แล้วก็จบใช่มั้ย
จินดารัตน์- ญาติผู้เสียชีวิตคนหนึ่งเขาบอกว่า มันไม่ได้สำคัญที่ตัวเงินที่ให้มา แต่บาดแผลทางจิตใจเขา คือเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม
กรองทอง- แล้วก็เรื่องการฟ้องร้อง คือญาติผู้เสียชีวิต เฉพาะ 7 คนที่เสียชีวิตจากการสลายชุมนุม ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ถ้าย้อนกลับไปดู ก็คือว่าเขาก็มีการฟ้องร้อง แต่กลายเป็นว่าไม่รับฟ้อง
จินดารัตน์- อัยการสั่งไม่ฟ้องบ้าง
กรองทอง- คือในช่วงที่เป็นการสลายการชุมนุมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ตามคำสั่ง แล้วมันก็หาทางคนที่ทำให้เสียชีวิตไม่ได้ สำนวนนั้นก็คือยกฟ้องไป
จินดารัตน์- ก็คือ สาเหตุการตายคือขาดอากาศหายใจ ไม่มีใครทำให้เสียชีวิต 78 ราย
สนธิ- ตรงนี้ไงล่ะแอน ที่ชาวมุสลิมเขาต้องการความเป็นธรรม คนที่จะต้องโดนดำเนินคดี คือคนที่จะต้อง จับพวกนี้โยนใส่รถ
จินดารัตน์- ทำแบบเดียวกัน
สนธิ- และคนที่จับพวกนี้โยนใส่รถก็ต้องบอกว่าใครสั่ง ไล่ไปเรื่อยๆ ก็จะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แอนเห็นมั้ย นี่คือความเป็นธรรมที่เขาต้องการ
จินดารัตน์- เพราะทักษิณพูดเองว่า เนื่องจากจำนวนรถมันไม่พอ ก็เลยต้องให้จับซ้อนๆ กันไป
สนธิ- แอน คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่ สำหรับผมแล้วเขาไม่ใช่ทหาร เขาเป็นนักการเมือง นักการเมืองสวมเครื่องแบบ ผู้บัญชาการทหารบก เพราะถ้าเขาเป็นทหารจริง วันนี้ศาลจะไม่มีวันที่จะไต่สวนทหารข้อหายิงนายพัน คำกอง เพราะว่าตามหลักฐานชัดเจนว่านายพัน ขับรถตู้บุกเข้าไปในพื้นที่ที่เขาห้ามเขา และเขาเตือนแล้วว่าอย่ามา ยังมาอีก เขาเลยต้องยิง
จินดารัตน์- เขาเขียนป้ายติดเลยว่าพื้นที่ใช้กระสุนจริง
สนธิ- พื้นที่ใช้กระสุนจริง เขาไม่ให้เข้า ห้ามเข้า แล้วคุณเข้าไปทำไม คำสั่งทหารเด็ดขาด อย่าขยับ ถ้าขยับเขาต้องยิง ถามว่าไอ้เด็กที่มันทำเนี่ย มันทำเพราะว่าคำสั่งมีอยู่แล้ว และชัดเจน มันเป็นระเบียบวิธีการสั่ง ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว คนที่เป็น อย่าว่าแต่เป็นทหารเลย แอน เอาแค่ลูกน้องในออฟฟิศผม ใครก็ตามโดนรังแกในการทำหน้าที่ ผมจะแอ่นอกรับทันทีเลย ผมถึงบอกไง ที่แกบอกว่ากัมพูชาก็เก่ง ภาคใต้ก็เก่ง ถ้าเก่งมาเป็น ผบ.ทบ.ก็แล้วกัน ถ้าผมเป็น ผบ.ทบ.ผมเก่งกว่าคุณหลายล้านเท่า
จินดารัตน์- กล้ากว่าด้วย
สนธิ- กล้ากว่า อย่างน้อยทีสุดผมซื้ออาวุธก็ซื้อด้วยความโปร่งใส ผมจะไม่มีวันซื้อไอ้เรือเหาะตรรกะหัวแม่ตีนนั่นหรอก
กรองทอง- ปะแล้วปะอีกนะ เอาไม่ขึ้นซะที แล้วอย่าไปถามนะ ถามแล้วเดี๋ยวคำรามอีก
สนธิ- ถามก็โกรธอีก
จินดารัตน์- สังเกตได้เลยนะคะว่า ถามเรื่องไหนที่มันมีส่อพิรุธ หรือเป็นปม...
สนธิ- จะโกรธทันที
จินดารัตน์- คุณสนธิลองฟังเสียงหน่อยมั้ยคะ ดูอารมณ์แต่ละครั้ง นี่เป็นตัวอย่างนะคะคุณผู้ชม
(VTR : ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
สนธิ- พูดให้น้อย แต่ว่าแสดงความกล้าหาญ รักลูกน้องให้มาก นั่นคือผู้บัญชาการทหารบกที่แท้จริง รักประชาชนให้มาก รักพระเจ้าอยู่หัว รักสมเด็จฯ ให้มาก อย่ารักด้วยปาก
จินดารัตน์- แอนเชื่อมั่นเลยนะคะว่าข้อมูลที่แอนได้รับมาตอนช่วง 158 วัน มีทหาร นายทหารคนหนึ่งโทรมาเล่าให้ฟังว่า คนนี้เหรอ เขารักตัวเองมากกว่าใครๆ ในโลกนี้ เขาจะไม่มีวันแบ่งปันอะไรให้ใคร หรือปกป้องใครเป็นอันขาด แอนก็ว่า ใช่จริงๆ ด้วย ลูกน้องก็คงรู้ซึ้ง แต่ทำอะไรไม่ได้ คงอยากจะเปลี่ยนคนอยู่เหมือนกันล่ะ
กรองทอง- มีที่ให้สัมภาษณ์ครั้งหลังสุด เขาบอกว่า คืออย่ามาว่า ถ้าเกิดใครก็ตามที่วิจารณ์ผู้บัญชาการทหารบก คุณอย่าลืมว่าหมายถึงการวิจารณ์และการว่ากองพันทั้ง 2 แสนนาย ทั้งกองทัพด้วย คือกลายเป็นตรรกะอย่างนั้นไป สิ่งที่ ผบ.ทบ. ...
สนธิ- ตรรกะหัวแม่ตีน ก็คือว่า ใครมาว่าผมเท่ากับว่าทหาร 2 แสนกว่าคน
กรองทอง- ใช่ๆ กลายเป็นอย่างนั้น
สนธิ- ถ้าอย่างนั้นคุณใช้งบประมาณ 662,000 ล้าน เงินภาษีอากรผมเนี่ย แล้วคุณไม่ยอมแจงรายละเอียดว่าใช้อะไรบ้าง แล้วคุณมาด่าคนที่สนใจอยากจะรู้ ก็เท่ากับคุณด่าประชาชน สมมุติคนไทยมี 65 ล้านคน คนด่าประชาชน 64 ล้าน 8 แสนคน ยกเว้น 2 แสนของคุณออกไป นี่คือตรรกะคุณไง แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่ากำลังคนของคุณ 2 แสนคน เขารักคุณหมดทุกคน คุณรู้ได้ยังไง
จินดารัตน์- ถึงครึ่งหรือเปล่ายังไม่รู้เลยค่ะ
สนธิ- ถึงครึ่งหรือเปล่ายังไม่รู้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณไม่กล้าออกมาปกป้องลูกน้องคุณ ผมยังเสียดายไม่หายที่ภรรยาคุณร่มเกล้าไปเชื่อคุณ พล.อ.ร่มเกล้า คุณไปถามทหารรุ่นเดียวกับเขาสิ ถึงผมไม่ใช่ทหาร ผมก็รู้ความรู้สึกเขา เขาแค้นฝังหุ่นเลย เขาฝังใจลึกแต่เขาไม่พูด แล้วผมจะบอกให้รู้ด้วย คุณประยุทธ์ คนหนึ่งซึ่งเขาแค้นที่สุดคือคุณ
จินดารัตน์- แค้นไม่น้อยไปกว่าชายชุดดำ
สนธิ- ถูกต้อง เขาแค้นมาก ผู้บัญชาการทหารบก คุณเป็นไม่ได้หรอก สู้ผมไม่ได้หรอก ไม่มีทาง คุณไม่เชื่อคุณถามไปเลย บอกระหว่างสนธิ กับประยุทธ์ ถ้าเป็นผู้บัญชาการทหารบก ใครจะกล้าหาญกว่ากัน ผมกล้ากว่าคุณแน่
จินดารัตน์- เดี๋ยวให้ อ.ปานเทพ ทำบนเฟซบุ๊กเลย คลิกไปเลย
สนธิ- คลิกไปเลย
จินดารัตน์- คลิกไปเลย ดูสำรวจความคิดเห็นเลย
สนธิ- ให้ อ.ปานเทพ ทำบนเฟซบุ๊กเลย ทำความคิดเห็น
จินดารัตน์- โห เราคุยกันไปชั่วโมงกว่าแล้วนะคะ
สนธิ- เผลอแป๊บเดียว
จินดารัตน์- งั้นพักก่อนนะคะ
กรองทอง- นี่ถ้าให้คุยอีกก็พูดต่อได้อีกนะ
สนธิ- เครื่องชักร้อน
จินดารัตน์- พักก่อน เดี๋ยวช่วงหน้าใครจะเป็นรายต่อไป ตั้งใจดูกันให้ดีนะคะ พักกันสักครู่ค่ะ
อ่านต่อ ช่วงที่ 2 และ 3