แกนนำ นปช.เปิดใจหลังชวดเก้าอี้รัฐมนตรี อ้างแค่เรื่องเล็ก พ้อเสื้อแดงเข้ามาตอนเขาเล่นละคร แต่ดันเอาจริง โวสู้เพื่อประชาธิปไตยมีตำหนิแต่ถูกเมิน กล่อมสาวกให้โทษชะตากรรม ฝากความหวังให้ตัวเอง ขู่ถ้ารัฐบาลทรยศเสื้อแดงจะไม่มีใครพิงหลังให้อีก ปัดพบ “ทักษิณ” สละตำแหน่งแลกเงิน อ้างไม่เอาวิญญาณเสื้อแดงไปขายแน่
วันนี้ (26 ต.ค.) ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว เมื่อเวลา 13.00 น. นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมด้วย นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. และนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช.ร่วมกันแถลงข่าว
โดยนางธิดากล่าวว่า คนเสื้อแดงต่อสู้มานานเกือบ 6 ปี บางครั้งอาจมีความรู้สึกบางอย่างบ้างแต่เรามีวุฒิภาวะในการฝ่าฟันไปได้ด้วยดี เพราะเราไม่เคยลืมเป้าหมายของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความเท่าเทียม ความยุติธรรม และประชาธิปไตยที่แท้จริง ด้านหลักของคนเสื้อแดงคือการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงให้ประเทศดีขึ้น ที่เป็นหลักที่เรายึดไว้อย่างมั่นคง เพราะเมื่อไหร่ที่เราแตกแยกกันฝ่ายที่เป็นศัตรูก็มีแต่จะดีใจ เราจึงต้องไม่ทำอะไรเพื่อให้เข้าทางเขาเป็นอันขาด
แต่ล่าสุดเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี คนเสื้อแดงหลายคนอาจตั้งคำถามว่าทำไมนายจตุพร จึงไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี รัฐบาลต้องไม่ลืมองค์ประกอบความ 3 อย่างที่สัมพันธ์กัน คือ รัฐบาล พรรคเพื่อไทย และ นปช. ที่แม้ว่าการดำเนินกานอาจแยกกัน แต่ฐานสำคัญที่หล่อเลี้ยงทุกองค์ประกอบก็คือประชาชนคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้นทุกคนต้องไม่ลืมจุดนี้ ที่ผ่านมาไม่มีแกนนำเกิดขึ้นมาลอยๆ รัฐบาลเกิดขึ้นลอยๆ หรือพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้อย่างลอยๆ ทั้งหมดมาจากฐานคนเสื้อแดง แม้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ในความสัมพันธ์ 3 อย่างเราจะลืมไม่ได้ สิ่งที่เสื้อแดงคิดอาจไม่เหมือนพรรคเพื่อไทย
“ฝากไปยังรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เราเข้าใจพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลต้องดำรงอยู่ในรัฐนาวาที่มีคลื่นลมสูง แต่รัฐนาวาที่เคลื่อนไปได้เพราะมีประชาชนหนุนอยู่ เพราะฉะนั้นภาวะการดำรงอยู่ของรัฐบาล ไม่ควรมีเพียงมุมมองเดียวจากสายตาระบอบอำมาตย์ แต่ควรมาจากสายตาประชาชนด้วย เรือจะลอยได้เพราะมีน้ำซึ่งคือประชาชน น้ำทำให้เรือลอยและเรือจมได้เหมือนกันมันเป็นสัจธรรม และเป็นวาทะของคนในอดีต” นางธิดากล่าว
นางธิดากล่าวอีกว่า เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของ นปช.ชัดเจน ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 ยังรอว่ายุทธศาสตร์เหล่านี้เป็นไปแนวทางเดียวกับประชาชนหรือไม่ หลายคนคิดว่รัฐบาลอยู่ได้เพราะทหาร อำมาตย์ให้อยู่ได้นานแค่ไหน แต่อีกทางต้องคิดด้วยว่าประชาชนให้อยู่ได้นานแค่ไหน มันไม่มีอะไรด้านเดียว จึงฝากเอาไว้
ด้านนายจตุพรกล่าวว่า การแถลงข่าวครั้งนี้เชื่อว่าทั้งมิตรและศัตรูก็ต่างรอฟังกันถ้วนหน้าว่าตนจะเลือกชะตากรรมชีวิตอย่างไร ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมาตนได้พูดผ่านรายการชูธงทีวีคนเสื้อแดงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้มีอำนาจพิเศษใดๆ ภาระหน้าที่ของเรา คือ ภารกิจทวงความยุติธรรมให้ประชาชนที่เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และถูกคุมขัง เราโชคร้ายที่ไม่ได้แบ่งหัวใจในทางเลือกที่สองเลย และที่บอกว่าไม่ใช่อำนาจพิเศษ เพราะเป็นความอ่อนแอของอำนาจธรรมดาที่ต้องการรักษาอำนาจโดยหวังว่ากลไกลอำมาตย์จะไว้ชีวิต จนลืมไปว่าคนที่ให้ชีวิตคือประชาชน
นายจตุพรกล่าวต่อว่า สำหรับตนตำแหน่งเป็นเรื่องเล็กมาก เพื่อนพ้อง พี่น้องได้โทรศัพท์มาหาต่างก็มีความรู้สึก นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.โทรศัพท์มาพร้อมบอกให้มาเป็นประธาน นปช. เป็นแม่ทัพเลยดีกว่า คือหัวใจคนเสื้อแดงที่ผ่านการสู้รบกันมาโดยที่เราไม่รู้เลยว่าเขาเล่นละครกันซึ่งเราดันไปเล่นกันจริง เราไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น เวลานี้ฝ่ายศัตรูและฝ่ายมิตรบางจำพวกก็ใช้วิธีปล่อยข่าว ที่บอกว่าตนเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ชินวัตร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ฮ่องกง ว่าไม่เอาตำแหน่งเพื่อแลกกับเงิน ตนยืนยันได้เลยว่าไม่มีทางที่จะเอาจิตวิญญาณไปขาย ปล่อยให้เป็นสิ่งที่เขาเสี้ยมกันต่อไป บางคนก็มาเผยแพร่กับคนในว่าตนไปคุยกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ตนขอบอกตรงๆ ว่าถ้าตนไม่พอใจจะคุยกับพี่น้องคนเสื้อแดงเท่านั้น เพราะฉะนั้นตนเห็นว่าสถานการณ์ค่อนข้างมีความอ่อนไหวทางความรู้สึก เรื่องนี้ทำใจได้เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะเคยคุยกับคนที่มีอำนาจจะตั้งแล้วว่าส่วนตัวก็หายอยากแล้วจริงๆ
“อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าเราเข้ามาอยู่ในท่ามกลางดงละคร เราต่อสู้แต่ละอย่างดันมีคดีไปหมด ทั้งที่เขาบอกให้เราไปแสดง แต่ละคนต่างเล่นบทแตกต่างกันไป ถ้าการต่อสู้ของพวกเราได้รับคดีเป็นจำนวนมากถือว่าเป็นรอยตำหนิ ในวันข้างหน้าจะหาคนมาปกป้องประชาธิปไตยได้อย่างไร เพราะทุกคนต่างต้องต่อสู้ เพราะฉะนั้นคดีที่โดนจำนวนมากนั้นไม่มีเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด แต่นี่เป็นเรื่องของการต่อสู้ประชาธิปไตยทุกคดี ผมภาคภูมิใจกับการมีรอยตำหนิของผม นักรบต่อให้เก่งกาจเพียงใด เมื่ออยู่ในสนามรบคุณต้องได้รับบาดแผล เพราะคุณเป็นนักรบ แต่เมื่อผ่านพ้นศึกไปแล้วคุณกลับบอกว่าเป็นตำหนิของคนผิวพรรณดี คนที่พิการก็ไปอยู่แถวหลังสุด นี่เป็นโลกแห่งความเป็นจริง” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวอีกว่า เส้นทางของพวกเราเป็นไปด้วยความยากลำบาก นักการเมืองก่อนได้รับชัยชนะ ประชาชนเป็นใหญ่ แต่เมื่อได้รับชัยชนะก็จะมาเป็นใหญ่ เราต้องตั้งหลักตั้งสติให้มาก ทุกอย่างถ้าเกิดเป็นเรื่องส่วนตัว ตนคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก การเหยียบย่ำคนอย่างตนมากๆ ท้ายที่สุดจะกดดันให้ตนทนไม่ได้ความกดดันต่างๆ จะเป็นเรื่องเล็กถ้าเทียบกับเรื่องการตาย สิ่งที่เขาอยากเห็นคือตนนำทัพไล่รัฐบาลชุดนี้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นเขาก็สร้างความกดดันอ่อนแอให้กับฝ่ายเรา นี่เป็นสัจธรรมความคิด หนทางข้างหน้าเราต้องเจอปัญหาอีกมากมาย เราไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญจะมีการแก้ไขหรือไม่ การขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ เหมือนไม่มีน้ำยา ถ้าบุคคลที่เห็นว่าจวนตัวเขาก็จะใช้อันนี้ตัดช่องทางรัฐบาล ทุกอย่างเป็นกระบวนการที่ให้เจ็บช้ำกับคนเสื้อแดง เราจะดำเนินการอย่างไร เราต้องเดินสร้างความแข่งแกร่งในกระบวนการประชาชน ถ้ามีเหตุการณ์จริงๆ ในรัฐประหาร ไม่รู้ในทำเนียบจะเหลือกี่คน วันนี้บ้านเมืองยังไม่เป็นประธิปไตย รัฐธรรมนูญยังไม่แก้ไข เราไม่มีทางคิดเป็นอื่นได้
“เหตุการณ์ทั้งหมดพี่น้องอย่าไปโทษใคร เพราะมันเป็นเรื่องของชะตากรรม คนเสื้อแดงนั้นไม่ตายก็ติดคุก วันนี้ก็ดีเกินดวงแล้ว ความอดทนเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เราไม่มีทางเลือกที่ความตายมันค้ำคอความเป็นมนุษย์ของเราอยู่ ไม่ต้องฝากความหวังไว้กับใคร ฝากไว้กับตัวเองนี่แหละที่จะกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง สัจธรรมสอนให้เราได้รู้ว่าต้องยึดอุดมการณ์แนวทางประชาธิปไตย เรายังต้องเดินทางร่วมกับรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยต่อไป แต่เราก็บอกกับพรรคว่าประชาชนพร้อมเป็นหลังพิงให้รัฐบาลที่ซื่อสัตย์ ไม่ลุอำนาจ ไม่ทรยศประชาชน ถ้ายึดไม่ได้ทั้ง 3 ข้อ หลังที่จะพิงก็ไม่พิงให้ มนุษย์ไม่มีใครไม่เคยรู้ร้อน รู้หนาว ทุกคนมีความรู้สึก แต่ที่ผมสูญเสียไป ได้รับการชดเชยจากพี่น้องเสื้อแดงครบถ้วนแล้ว” นายจตุพรกล่าว
ด้าน นพ.เหวงกล่าวว่า เราไม่ต้องการให้มีการเล่นละคร ความตายที่เกิดขึ้น 99 ศพ ไม่อนุญาตให้ใครมาเล่นละครได้ ความตายของประชาชนเมื่อปี 53 ต้องเดินหน้าไป ที่มีการไต่สวนถือว่าดี แต่ที่เสียใจคือในปี 52 พี่น้องก็โดนทหารยิงกระหน่ำแต่ไม่มีใครเรียกความเป็นธรรมให้พี่น้องเลย
ภายหลังแถลงข่าว นายจตุพรกล่าวกับผู้สื่อข่าว ยืนยันว่าตนไม่เคยพูดเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด และหลังจากการปรับ ครม.ที่ไม่มีชื่อตนปรากฏอยู่ด้วย พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังไม่ได้โทร.มาพูดคุยกับตน สำหรับตนการไม่ได้รับตำแหน่งถือว่ายุติแล้วอย่างชัดเจน ให้กาลเวลาเป็นสิ่งอธิบายเราต้องอยู่ในโลกความเป็นจริง ส่วนที่มองว่าหากตนมีชื่อใน ครม.จะกระทบกับรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยนั้น ขอทำความเข้าใจว่าอย่าอ้างว่าตนมีคดีแล้วรับตำแหน่งไม่ได้ เพราะจะทำให้พรรคถูกยุบนั้น คดีที่เกิดขึ้นของตนไม่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนที่จะโยงไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ยกตัวอย่างตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพความเป็น ส.ส.ของตนในครั้งนั้นได้มีการปรึกษากับทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยแล้วว่าจะนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ แต่ทางพรรคยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แสดงให้เห็นว่าตนพร้อมจะออกจากตำแหน่งแน่นอนหากเกิดเรื่องที่จะกระทบกับพรรค
เมื่อถามว่าน้อยใจหรือไม่ นายจตุพรกล่าวย้ำว่าไม่รู้สึกน้อยใจ แต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์ในวันข้างหน้ามากกว่าว่า ขณะนี้ไม่มีใครให้หลักประกันได้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เหมือน 19 ก.ย. 49 และเหตุการณ์ พ.ค. 53 เกิดขึ้นอีก ดังนั้นอยากถามว่าอนาคตใครจะกล้าไปต่อสู้กับพวกคนเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ตนจะยังทำงานในนามของคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยไปเรื่อยๆ เพราะตนเป็นทั้งคนของพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง
ด้านประธาน นปช.กล่าวถึงกรณีที่วันที่ 28 ต.ค.นี้ องค์กรพิทักษ์สยามและเครือข่ายจะจัดการชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้งว่า กลุ่มดังกล่าวเป็นกองกำลังนอกระบบของระบอบอำมาตย์ โดยมีนายทหารนอกราชการมาร่วมชุมนุม ตนขอให้คนเสื้อแดงใช้ความคิด ใช้วุฒิภาวะในการต่อสู้ เราก็เป็นองค์กรใหญ่พอสมควร เราจะไม่ประมาท ไม่ดูถูก เราเป็นผู้ใหญ่ต้องรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ครั้งนี้เป็นงานของคนแก่มากๆ ที่อาจทำอะไรเลอะเทอะได้ ก็ขอว่าคนเสื้อแดงอย่าไปยุ่งกับเขาเลย
ขณะที่ นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช.กล่าวว่า ขอให้วันที่ 28 ต.ค.นี้ คนเสื้อแดงอย่าไปเข้าให้การชุมนุมของเขา และอย่าตั้งกลุ่มคัดค้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย กระทบกระทั่งกันเหมือนเหตุการณ์หน้ากองปราบปราม คนเสื้อแดงต้องสู้อย่างมีสติ อะไรที่เป็นกับกัดเราต้องไม่เข้าไป เพราะต้องช่วยกันให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทำงานได้ต่อไป