หน.พรรครักประเทศไทย เอาจริง พร้อมขึ้นศาลเจอ ผบก.น.1 ย้อนไม่ฟ้องบ่อนกลับฟ้องคนแจ้งจับ แฉกลเม็ด ตร. เลี่ยงจับนักพนันไม่ถึง 20 คน เพื่อไม่เข้าข่ายอบายมุข ชี้บ่อนมีผลกระทบต่อตำแหน่ง ตร.
วันนี้ (6 ส.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก “ชูวิทย์ I'm No.5” ระบุว่า “ความจริงในเรื่องบ่อนเป็นสิ่งที่ตำรวจรับไม่ได้เพราะมีผลต่อหน้าที่การงาน ผมยินดีไปพิสูจน์ความจริงที่ศาลเพื่อขยายผลเรื่องนี้ การต่อสู้ของผมนั้นไม่ใช่ที่สภาฯ ไม่ใช่ที่สื่อ หรือที่สังคมเท่านั้น แต่กระบวนการต่อสู้ของผมไปถึงที่ศาลยุติธรรมเพื่อให้เป็นประโยชน์ เป็นการทวงความยุติธรรมให้กับสังคมไทย ไม่ใช่เป็นการเข้าข้างอย่างลืมหูลืมตาของพรรคการเมืองหรือมวลชน ผมดูแล้วว่ามันนี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคมส่วนรวมมากกว่า
อย่างที่ผมบอก ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยันค่ำ เพียงแต่ผมจะต้องรวบรวมเอกสารข้อมูลให้เป็นขั้นเป็นตอนเพื่อไปชี้แจงที่ศาล รู้สึกว่าจะช้าไปหน่อย กว่าจะฟ้องผมก็นานเป็นเดือน คงจะไปคิดขึ้นได้ว่า หากไม่ฟ้องก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปตอบเวลาจะเลื่อนยศเลื่อนต่ำแหน่งเพราะการฟ้องเป็นข้ออ้างอย่างดี และไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆ กระบวนการของศาลนั้นต้องใช้เวลา ดังนั้นก็จะเป็นประโยชน์ในการเอาเวลาเป็นเงื่อนไข การฟ้องไม่ได้หมายความว่าชนะ และผลของการพิสูจน์อาจจะกินเวลาเป็นปี จนกว่าจะถึงวันนั้นพวกเขาก็จะร้องว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายชูวิทย์ยังได้โพสต์ภาพเป็นเอกสาร 3 ฉบับ และได้ระบุในโพสต์ว่า ลองดูตัวอย่างเอกสารที่ 1 คำสั่งที่ 234/2548 ซึ่งระบุไว้ว่า อบายมุขเป้าหมายต้องมีผู้เล่นไม่น้อยกว่า20 คน เอกสารที่ 2 คำสั่งกำชับของ ผบ.ตร.คนปัจจุบันเกี่ยวกับคำสั่งที่ 234/2548 เอกสารที่ 3 ผลการจับกุมของ สน.พญาไท (ซึ่งขึ้นตรงกับ ผบก.น.1 คนนี้) วันที่ 22 ธันวาคม 2554 จับกุมบ้านเลขที่เดียวกัน วันเวลาเดียวกัน บ้านเดียวกัน ประเภทการพนันเดียวกัน แต่แยกจับเป็น 2 วง เพื่อจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถึง 20 คน ไม่ตรงตามอบายมุขเป้าหมายที่ระบุไว้ในคำสั่งที่ 234/2548 ที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่ต่ำกว่า 20 คน เป็นการเลี่ยงคำสั่ง หรือเป็นการขอจับเพื่อแสดงผลงาน มีอย่างที่ไหน บ้านเดียวกันวันเวลาเดียวกันแต่แยกจับ 2 วง ถ้าอย่างนี้ไปจับที่ไหนมี 10 วง บ้านเลขที่เดียวกัน วันเวลาเดียวกัน ประเภทการพนันเดียวกัน มันก็เป็น 10 คดี แต่อยู่ในบ้านเดียว
“ผมเชื่อแล้วว่าฝีมือแบบนี้ใครจะทำได้ ถ้าไม่ใช่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสืบสวนสอบสวน จับกุม เช่นตำรวจ ผมนึกไม่ถึงว่าจะเก่งกันได้ถึงขนาดนี้ ต้องยอมรับว่าเก่งจริงๆ ก็ขอให้ ผู้การ น.1 อายุมั่นขวัญยืน อยู่ในพื้นที่ทองคำ อย่าได้ไปแผ้วพานหรือไปเฉียดแถวๆ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากโดนย้ายไปภาคใต้ไกลสุดขอให้ไปแค่หาดใหญ่ แล้วถึงเวลาก็ไปเจอกันที่ศาล งานนี้ชูวิทย์ขอจัดเต็มรับศรัทธาผู้การ น.1 ที่อุตส่าห์ฟ้องผมให้เป็นเกียรติประวัติเพิ่มอีก 1 คดี แทนที่จะฟ้องบ่อนกลับไปฟ้องคนที่มาแจ้งจับบ่อน จงเป็นสุขเถิดตำรวจไทย ชาวประชาจะคุ้มภัยให้เอง” นายชูวิทย์ระบุ