“สุกำพล” เลี่ยงชน “จตุพร” ปัดตอบข่าวชายชุดดำออกมาจากราบฯ 11 ไม่วิจารณ์โยกเรื่องล้มรัฐบาล ไม่หวั่นครบรอบ 8 ปีตากใบ รออีก 2-3 ปีสถานการณ์ใต้ดีขึ้น
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่า มีแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่ามีการบรรทุกบุคคลที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำอยู่ในรถตู้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าออกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่ตั้งอยู่ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ว่า จะไปรู้กับเขาได้อย่างไร เรื่องนี้ขอให้ไปถามนายจตุพร อย่าให้ตนไปชนกับเขาเลย ไปถามนายจตุพรจะดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่ดูแลกองทัพจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว จะให้ตนไปยืนยันว่ามีชายชุดดำมีหรือไม่นั้น ก็มีทั้งนั้น คนนู้นว่าแบบนี้ คนนี้ว่าแบบนั้น ดังนั้นทุกอย่างต้องปล่อยให้ศาลและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการจะดีกว่า ให้ตนไปพูดแบบนั้นแบบนี้ตนจะทราบได้อย่างไร
ส่วนที่มีการโยงเรื่องชายชุดดำเพื่อต้องการล้มล้างรัฐบาลนั้น พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ก็ปล่อยเขาไป คนที่พูดนั้นสื่อเชื่อหรือไม่ ถ้าเชื่อก็ไปเขียนตาม เมื่อถามอีกว่า ทางพรรคเพื่อไทยและ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีก็ระบุว่ามีการโยงเรื่องชายชุดดำเพื่อล้มรัฐบาล พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ขอให้ไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม ตนไม่ขอวิจารณ์ เมื่อไม่รู้ ก็อย่าให้ไปวิจารณ์ อย่าไปพูดเก่ง
พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวถึงวันครบรอบ 8 ปี เหตุการณ์ตากใบ จ.นราธิวาสในวันนี้ ว่า ทุกหน่วยที่ทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างทราบดีว่าวันนี้เป็นวันครบรอบ 8 ปี เหตุการณ์ตากใบ ดังนั้น ทุกหน่วยก็ต้องระวัง ตนทำได้เพียงแต่ให้กำลังใจในการทำงานเท่านั้น
ส่วนที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) เดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบียนั้น ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าไปหารือเรื่องอะไร แต่ท่านมีความหวังดีว่าการหารือดังกล่าวนั้นจะทำให้สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้น ส่วนเรื่องการส่งเงินสนับสนุนนั้นก็จะต้องป้องกันไม่ให้มีการไหลเข้ามาในประเทศของเราทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งเรามีองค์กรที่คอยตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว
“ทหารพยายามดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น ผมคิดว่าคงอีกประมาณ 2-3 ปีสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะดีขึ้น โดยจะพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ขยายออกไป พร้อมทั้งดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงมากขึ้น”