แย่งกันโชว์-เข้าตานาย !!

เกาะกระแส

00 เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ “สะบัดก้น” กันเข้ากรุงสำหรับพวก “อำมาตย์เกิดใหม่” ทั้งหลาย หลังจากยกขบวนทำทีมาประชุมครม.สัญจรที่เกาะสมุย มาแย่งกันอึแย่งกันฉี่ไร้ประโยชน์ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้าน อย่าหาว่าดีแต่ขัดคอเพราะพูดตามที่ได้สัมผัสบรรยากาศและความรู้สึกของชาวบ้านจริงๆ ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากเนื้องานรวมทั้งเปรียบเทียบจากผลที่เกิดขึ้นจากการประชุม ครม.สัญจร 5-6 ครั้งก่อนหน้า เคยอนุมัติงบโครงการนั้น โครงการนี้รวมแล้วหลายแสนล้านบาท แต่เอาเข้าจริงผ่านมาเกินครึ่งปีแล้วยังไม่เหนความคืบหน้าเป็นชิ้นเป็นอัน นอกเหนือจากเป็นโครงการเก่าๆที่แต่ละหน่วยงานเสนองบประมาณพัฒนาตามขั้นตอนตามปกติอยู่แล้ว

00 หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวเท่าที่เห็นก็คือการประชุม ครม.สัญจร ที่เกาะสมุย “บังหน้า” เท่านั้น แต่หลังฉากที่เป็นเป้าหมายแท้จริงก็คือความพยายาม “รุกคืบ”เข้ามาในถิ่นของ ปชป.ในแถบภาคใต้ตอนบน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากโปแกรมและกิจกรรมทั้ง นครศรีฯและสุราษฎร์ธานีแล้วมันชัดยิ่งกว่าชัด นี่คือการใช้อำนาจรัฐในฐานะนายกฯของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นการเบิกทาง “บีบให้สวามิภักดิ์” เป็นการแสดงอำนาจ และ “กลไกราชการ” จาก “ส่วนหัว” ลงมาข้างล่าง ทั้งมหาดไทยและตำรวจ ซึ่งตอนนี้ระดับบนได้หมอบราบคาบแก้วไปเรียบร้อยแล้ว

00 น่าขบขันกับความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นเรื่อง “ขบวนการจ้องล้มรัฐบาล” ของพวกที่ตั้งตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล “ปูนิ่ม” ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง บอกว่าพวกที่กำลังยกเอาเรื่องความล้มเหลวของโครงการจำนำข้าว การไซฟ่อนเงินที่ฮ่องกง และสารพัดการทุจริต ล้วนมาจากพวกฝีมือของคนอื่น ซึ่งล่าสุด “อำมาตย์-เศรษฐีใหม่” อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็เข้าร่วมวงผนึกกำลังกับเฉลิม อีกราย พูดราวกับว่าชาวบ้านเขา “กินแกลบกินรำ” มองเห็นความสมบูรณ์แบบของการจำนำข้าว ที่ไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น ไม่มีปัญหาอื้อฉาวใดๆทั้งสิ้น คิดว่าเมื่อตัวเองพูดอะไรออกมาแล้วคนอื่นต้องคล้อยตาม เหมือนกับการปลุกม็อบเผาเมืองอย่างงั้น

00 แต่มองอีกมุมหนึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้กำลังเป็นช่วงโค้งสุดท้าย “เข้าด้ายเข้าเข็ม” กำลังจะปรับครม.มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถสร้างความโดดเด่นให้ “เข้าตานาย” ได้มากกว่ากัน บางคนก็มีเป้าหมายซ่อนเร้น อยาก “อัพเกรด” หรือไม่ก็ประคองตัวให้ตัวเองได้เป็นอำมาตย์ต่อไปเท่านั้น เพราะนั่นย่อมหมายถึงผลประโยชน์ที่มีทั้งตามน้ำและ “ทวนน้ำ”มหาศาล รู้ๆกันอยู่ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ต่อไปจะได้เห็นบทบาททำนองเดียวกันนี้ตามมาอีกหลายคน เพราะนี่คือ “การแสดง” ยิ่งดุดัน เถื่อนถ่อย ทำทุกทางเพื่อให้โดดเด่นเหนือกว่าคนอื่นเป็นใช้ได้

00 แต่สำหรับ “ของจริง” ที่นราธิวาส เป็นสิ่งที่ยากปฏิเสธถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง กรณี “ตากใบ” นี่แหละคือใบเสร็จและ “บาปกรรม” อีกอย่างที่ ทักษิณ ชินวัตร ทิ้งไว้ให้บ้านเมืองและสร้างปัญหาลุกเป็นไฟ กลายเป็นว่า “ยุคพี่ชาย” สร้างปัญหามาตั้งแต่เมื่อ 8 ปีก่อน แล้ว “ความฉิบหาย” กำลังเกิดขึ้นในยุค “น้องสาว” เพราะเวลานี้พยายามกัดฟันพูดว่าปัญหา “ชายแดนใต้”มาถูกทาง แต่ความหมายก็คือ “มานรกถูกทาง” มีแนวโน้มจะสูญเสียดินแดนค่อนข้างสูงเสียด้วย น่าเจ็บใจจริงๆ