“ประยุทธ์” รับคุมไฟใต้ยังไม่น่าพอใจ งงชาวบ้านไม่แจ้งเหตุโจรเจาะถนนวางบึ้ม วอนส่วนราชการลงพื้นที่ทำงาน ลั่นทหารไม่ได้เนรมิตได้ทุกเรื่อง ขู่สรุปผลงานทุกกระทรวงทุก 3 เดือน แนะเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่าพลีพลาม ชูกลยุทธกดดันด้วยกฎหมาย ไล่สื่อวิจารณ์รถหุ้มเกราะบินไปยูเครนดูโรงงานผลิต ชี้ไม่ใช้เพราะเหมาะสำหรับทำสงคราม ด่ากราดคอลัมนิสต์เก่งนักมาเป็น ผบ.ทบ.ก็แล้วกัน จ่อเชิญคุย โยนถาม “ทวี” บินซาอุฯ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แถลงการณ์ โดย "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"
วันนี้ (22 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ฝ่ายตรงข้ามต้องการสร้างความรุนแรง สร้างน้ำหนักให้เห็นว่าเขายังมีขีดความสามารถในการดำเนินการ ถ้าเปรียบเทียบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพื้นที่และชีวิตประชาชนที่มีอยู่ก็ถือว่าเราทำได้มากพอสมควร แต่ยังไม่น่าพอใจ เพราะเมื่อเกิดความสูญเสียคนแรกที่จะต้องเสียใจคือครอบครัว คนต่อมาคือตนในฐานะรอง ผอ.รมน. เพราะนายกรัฐมนตรีได้ให้ความไว้วางใจ มอบนโยบายและสั่งการลงมา เราวิเคราะห์สถานการณ์ทุกวันว่าจะเกิดเหตุที่ไหน พร้อมทั้งย้อนไปถึงอดีตว่า 7 อำเภอ ที่เกิดเหตุการณ์อยู่สม่ำเสมอ และมีความรุนแรงมาโดยตลอด เช่น อ.รือเสาะ อ.บาเจาะ ว่าอาจจะเกิดความไม่ยุติธรรม ความขัดแย้ง และเราก็พยายามแก้ไข ทั้งนี้การเจาะถนนและวางระเบิดนั้นไม่ได้ทำได้ภายใน 5-10 นาที ตนถามว่าชาวบ้านไม่รู้เลยหรืออย่างไร แล้วถ้ารู้ทำไมถึงไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งตรงนี้การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ยังค่อนข้างน้อย
“วันนี้ผมได้แต่ร้องขอให้ทุกส่วนราชการทั้ง 17 กระทรวง 66 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันลงไปในพื้นที่ ที่ผ่านมาทหารทำทุกอย่าง ทั้งการปราบปรามน้ำมันเถื่อน ปัญหายาเสพติด ดังนั้นอยากให้ทุกส่วนงานช่วยลงมาในพื้นที่ ทำให้เหมือนกับในพื้นที่ กทม. ไม่ใช่ว่ารถหายก็ทหารไปตามจับขโมยรถ กรมการขนส่งทางบกจะต้องลงไปตรวจสอบทะเบียนรถ ผมไม่สามารถเนรมิตได้ทุกเรื่อง นายกรัฐมนตรีสั่งการลงไปหมดแล้วเพียงแต่ผู้ที่รับปฏิบัติว่าจะจริงจังในการแก้ไขปัญหาอย่างไร จากนี้ไปผมจะสรุปผลงานความก้าวหน้าในการทำงานของทุกกระทรวงในทุก 3 เดือนจะต้องมีผลงานปรากฏออกมา เพราะมีงบประมาณด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าใช้เพียงแต่ทหารและตำรวจก็ทำได้เพียงแค่การบังคับใช้กฎหมายความเข้าใจก็จะไม่เกิด ผมเตือนเจ้าหน้าที่ว่าควรเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องการวางระเบิด อย่าเพิ่งผลีผลามต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามต้องการเพิ่มความรุนแรง ถ้าเราให้ความสำคัญว่าเหตุการณ์แรงขึ้น มันก็จะแรงขึ้นด้วยปาก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเจ้าหน้าที่และประเทศไทย สถานการณ์วันนี้ไม่ได้เป็นสถานการณ์ปกติ เป็นปฏิบัติการที่ไม่ใช่สงครามแต่มีอาวุธเพื่อเป็นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ซึ่งทุกคนคงจะรู้สิ่งที่เขาเรียกร้อง และถามว่าให้เขาได้หรือไม่ ต่อไปนี้เราจะกดดันผู้ก่อความไม่สงบด้วยมาตรการทางกฎหมายและยุทธิวิธีเพื่อจำกัดเสรีการปฏิบัติ” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่คนร้ายขุดถนนฝังระเบิดจนทำให้รถหุ้มเกราะวี 150 ของทหารชุดลาดตระเวน สังกัดชุดเฉพาะกิจ จ.นราธิวาสเสียหาย จนมีกำลังพลเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายนาย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ระเบิด 50 กิโลกรัมทำให้รถพังได้ อาวุธทุกชนิดมีการป้องกันของมัน แต่รถดังกล่าวเป็นรถลำเลียงพล มีเกราะด้านข้างเป็นหลักป้องกันอาวุธเอ็ม16 เอ็ม 60 หากโดนจรวดอาร์พีจีก็สามารรถระเบิดและทะลุได้ ทั้งนี้ ระเบิด 50 กิโลกรัมเมื่อเกิดระเบิดขึ้น รถอะไรก็หงายท้อง ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์การจัดซื้อรถยานเกราะล้อยาง แบบบีทีอาร์ 3 อี 1 ว่าไม่ดีและเป็นรถเก่านั้นตนอยากให้สำนักพิมพ์ของท่านออกเงินให้บินไปดูโรงงานผลิตที่ประเทศยูเครนว่ามีการผลิตกันอย่างไร หากไม่เห็นอย่าไปบอกว่ากองทัพไปซื้อของเก่า ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ตอนนี้มันจบไปแล้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ดำเนินการตรวจสอบไปหมดแล้ว หากรถดังกล่าวมีปัญหาจะผ่านขั้นตอนการจัดซื้อได้อย่างไร อีกทั้งการฝึกร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเขาก็ยอมรับว่ารถยานเกราะของเราเป็นรถที่ดี แต่เหตุที่ไม่นำไปใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพราะรถดังกล่าวเป็นรถยุทธวิถีในการจู่โจมติดอาวุธใช้ในการรบในสงคราม และป้องกันประเทศ ตนอยากถามว่าจะเอารถถังไปรบในพื้นที่ภาคใต้หรืออย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า สำหรับที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ขอให้ไปถามสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อย่าไปพูดว่าทหารใช้งบประมาณเป็นแสนกว่าล้าน ถ้าไม่รู้อย่ามาพูด เดี๋ยวตนจะเชิญคอลัมน์นิสต์ สื่อมวลชน และนักวิชาการที่แสดงความเห็นในหนังสือพิมพ์มาหารือ เก่งนักก็ต้องมาแล้วกัน พวกนี้เก่งกันทุกเรื่อง ภาคใต้ก็เก่ง กัมพูชาก็เก่ง ถ้าเก่งก็มาเป็นผบ.ทบ.ก็แล้วกัน หรือจะเป็นนายกรัฐมนตรี อย่าดีแต่เขียนหนังสือ เคยทำอะไรบ้างหรือไม่ เขียนแล้วไม่เคยทำอย่ามาวิเคราะห์ มีบางคนเท่านั้นต่อต้านการทำงานของกองทัพ รักแต่ตัวเองไม่ได้รักชาติ
เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เดินทางไปประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อขอปิดเว็บไซต์โจมตีทหารในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้และขอความร่วมมือในการตรวจสอบการสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องถาม พ.ต.อ.ทวี
