รองนายกฯ เผยใต้ค้าขายวันศุกร์เริ่มดีขึ้นแล้ว คาดไม่เกินกลาง พ.ย.เข้าสู่ภาวะปกติ ชมข้าราชการท้องถิ่นช่วย พอรู้ใครสั่งปล่อยใบปลิวขู่ เตือนเจ้าหน้าที่ระวังครบรอบตากใบ แฉคนไทยแอบจดทะเบียนเว็บมาเลย์โจมตีทหาร ส่ง ผอ.ข่าวกรองถกเพื่อนบ้าน ให้ กต.ดูตอบโต้ แต่อ้างยังจับตัวไม่ได้เพราะคนทำไม่แสดงตัวแถมไม่ได้อยู่ในไทย แฉต่างชาติหนุนเงินด้วย ลั่นถ้ากลับมาเจอลากตัวแน่ เผย เลขาฯ ศอ.บต.จ่อถกซาอุฯ ด้วยอีกทาง
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.15 น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกลุ่มก่อความไม่สงบแจกใบปลิวห้ามค้าขายของในวันศุกร์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จากที่ได้รับรายงานเมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ในภาพรวมถือว่าดีขึ้นกว่าวันศุกร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังมีบางจังหวัดที่ยังช้าอยู่อย่าง จ.ปัตตานี ที่มีฝนตกมากก็ทำให้การค้าขายไม่มากเหมือนกับจ.ยะลา และ 4 อำเภอในสงขลา ที่ดีขึ้นมากแล้ว ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 4 แจ้งว่า หากสถานการณ์ในภาพรวมยังเป็นลักษณะนี้คาดว่า ไม่เกินกลางเดือน พ.ย.ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ จนทำให้ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มเข้าใจแล้วว่าข่าวลือปากต่อปากนั้นไม่ใช่ความจริงเพราะหาตัวต้นตอคนที่ปล่อยข่าวลือออกมาไม่ได้ ฉะนั้นการที่เราจะไปปฏิบัติเพราะข่าวลือเราคงไม่ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ทราบต้นตอของข่าวลือได้แล้วหรือยัง พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เราทราบว่าข่าวและใบปลิวดังกล่าวว่ามีการสั่งการมาจากไหน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มเข้าใจขึ้นเพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปดูแลใกล้ชิดกว่าเดิม ซึ่งต่อจากนี้อาจจะให้ประชาชนดูแลกันเองโดยเราจะเป็นพี่เลี้ยงให้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์โดยรวมในทุกจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้น กำลังเข้าสู่ 70 เปอร์เซ็นต์ และคิดว่าสัปดาห์ต่อไปก็คงจะเข้าใจสู่ภาวะปกติ ขณะที่โครงการธงฟ้าราคาประหยัดก็ยังมีอยู่ในทุกจังหวัด
พล.อ.ยุทธศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ครบรอบที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาสนั้น ตนได้เตือนตลอดเวลาว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะเคลื่อนไหวมากในตอนนี้เพื่อจะรักษาให้สถานการณ์ของ อ.ตากใบ ในวันที่ 25 ต.ค. เพราะทุกปีที่ผ่านมาเขาลงมือปฏิบัติการตลอด
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาเรียกร้องให้ปิดเว็บไซต์ที่โจมตีการปฏิบัติงานของทหาร รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีอยู่ 3-4 เว็บไซต์ และมีอีก 1 เว็บไซต์ที่ออกมาโจมตีและบิดเบือนทุกวัน ซึ่งเป็นกลุ่มคนไทยที่ไปจดทะเบียนทำเว็บไซต์ไว้ที่ประเทศมาเลเซีย และใช้เว็บไซต์ดังกล่าวโจมตีทหารอยู่ตลอดเวลา โดยใช้ชื่อเว็บไซต์ว่า www.ambranews.com ทั้งนี้ ได้สอบถามกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แล้วว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ขณะที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติก็ได้เข้าไปดูในเรื่องเว็บไซต์นี้แล้ว
เมื่อถามว่าจะขอความร่วมมือจากประเทศมาเลเซียอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า หากปิดเว็บไซต์ดังกล่าวก็จะมีการเปิดใหม่อีก ฉะนั้นจะแก้ไขปัญหาอย่างไรจึงจะดีที่สุด ซึ่งในเดือน พ.ย.ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติจะไปประชุมที่ประเทศมาเลเซีย โดยคงจะต้องนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม เราจะต้องหามาตรการแก้ไขและตอบโต้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่าเดิม
เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าเป็นกลุ่มหรือขบวนการใดเป็นผู้กระทำ รองนายกฯ กล่าวว่า ทางสำนักข่าวกรองแห่งชาติพอจะทราบว่ามาจากไหนและใครเป็นคนทำ โดยมีบางส่วนอยู่ในประเทศไทย ส่วนเรื่องการจับกุมนั้นเรายังจับกุมไม่ได้เพราะผู้กระทำไม่ได้แสดงตัว และเว็บไซต์ดังกล่าวจัดทำอยู่ในต่างประเทศ และได้รับงบประมาณสนับสนุนจากบางต่างประเทศ โดยหากคนเหล่านี้กลับมาอยู่ในเมืองไทยเมื่อไหร่ ตนจะนำมาตัวมาทันที ซึ่งจะไม่สร้างความเป็นศัตรูแต่จะเจรจาหารือให้เลิกทำและอธิบายให้ฟังถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ขณะนี้เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กำลังจะเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย อาจจะมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ด้วย