xs
xsm
sm
md
lg

เตือนคนไทยอย่าตระหนกโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2012

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วงประชุมผู้เชี่ยวชาญไวรัส ตั้งชื่อ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2012” ย้ำ เป็นไวรัสตระกูลใหญ่ก่อให้เกิดหวัดตั้งแต่รุนแรงน้อย ยันโรคซาร์ส เตือนคนไทยให้ตระหนักแต่อย่าตระหนก ส่วน รพ.ต้องเตรียมแล็บรับมือสถานการณ์ พร้อมจับตากลุ่มคนจากตะวันออกกลางที่เดินทางเข้าประเทศ ยันผู้แสวงบุญฮัจญ์ไม่น่าห่วง เหตุมีทีมแพทย์พยาบาลดูแล

วันนี้ (26 ก.ย.) ที่สำนักโรคอุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค (คร.) นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังการประชุม เรื่อง “การพบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในต่างประเทศ” ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้แทนกรมการแพทย์ ตัวแทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมประชุม ว่า ที่ประชุมได้ทบทวนสถานการณ์เพื่อวางมาตรการเตรียมความพร้อมของในการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา ทางห้องปฏิบัติการ การดูแลรักษา การเดินทางเข้าออกประเทศ การสื่อสารความเสี่ยง โดยใช้นิยามตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่า หากมีผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ มีอาการรุนแรง ปอดบวม ต้องสอบสวนโรคอย่างละเอียด โดยจากสถานการณ์ดังกล่าว จะนำไปสู่มาตรการของไทย คือ การแจ้งไปยังโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมักมีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเข้าไปรักษา
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
นพ.คำนวณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และศิริราชพยาบาล มีความสามารถในการตรวจเคสดังกล่าวได้ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญจาก WHO ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา(CDC) ให้คำแนะนำในการตรวจ นอกจากนี้ กรมการแพทย์ จะจัดทำแนวทางการรักษาให้กับโรงพยาบาลทุกแห่งต่อไป เนื่องจากโรคดังกล่าวยังไม่มียา หรือ วัคซีน แต่สามารถใช้วิธีรักษาแบบประคับประคอง และมาตรการแยกผู้ป่วย เพื่อเฝ้าระวังโรคได้ ส่วนการเดินทางเข้าประเทศพบว่า จะมีนักเดินทางจากตะวันออกกลางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยเดือนละ 1 หมื่นคน จำนวนนี้มาจากซาอุฯ และกาตาร์ 6 พันคน โดยจะเน้นมาตรการเฝ้าระวัง ด้วยการแจกคู่มือที่จะจัดทำไว้ 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอาราบิก และภาษาอังกฤษ แต่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องตรวจจับความร้อน เพราะไม่เกิดประโยชน์ สำหรับผู้เดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกกะ ประมาณ 15,000 คนนั้น มีทีมแพทย์ พยาบาลติดตามไปอยู่แล้ว แต่จะประสานกับซาอุฯ เพื่อจัดมาตรการเฝ้าระวัง ทั้งระหว่างอาศัยในประเทศซาอุฯ และเมื่อกลับประเทศ

ที่ประชุมมีข้อสรุปใช้ชื่อโรคดังกล่าว ว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2012 เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิดว่า เป็นโรคไวรัสชนิดเดียวกับโรคซาร์ส ที่เคยเกิดการระบาดเมื่อปี 2546 ทั้งนี้ เชื้อไวรัสตระกูลโคโรนาเป็นกลุ่มเชื้อไวรัสตระกูลใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคหวัด พบว่า ร้อยละ 15 ของการป่วยด้วยหวัด คือ ตระกูลไวรัสโคโรนา แต่ถือเป็นสายพันธุ์เก่า” นพ.คำนวณ กล่าว

ด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวว่า ไวรัสโคโรนา เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งความรุนแรงหลายระดับตั้งแต่ต่ำมาก ไปจนถึงทำให้เกิดโรคซาร์ส ซึ่งการพบเชื้อไวรัสครั้งนี้ มีการพบผู้ป่วย 2 ราย โดยทำให้เกิดอาการอักเสบทางเดินหายใจเฉียบพลัน และไตวาย โดยรายแรกเป็นชายชาวซาอุฯ อายุ 60 ปี ซึ่งเสียชีวิตโดยยังไม่มีประวัติการเจ็บป่วย ส่วนรายที่สองนั้นเป็นชายชาวกาตาร์ อายุ 48 ปี พบมีการเดินทางเข้าประเทศซาอุฯ และกลับบ้านที่ประเทศกาตาร์ โดยเริ่มป่วยวันที่ 3 ก.ย.เข้ารับการรักษาวันที่ 7 ก.ย.และถูกส่งต่อไปรักษาที่ประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ปัจจุบันยังอยู่ในห้องไอ.ซี.ยู.ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีการแยกเชื้อทางห้องปฏิบัติการ จนพบว่า ผู้ป่วยทั้งสองราย ติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกัน และเป็นตระกูลไวรัสโคโรนา ที่มีหน้าตาต่างจากเดิม เมื่อนำไปเทียบกับไวรัสซาร์ส พบว่า ยังมีความต่างกัน จึงถือเป็นการพบเชื้อไวรัสตระกูลโคโรนา สายพันธุ์ใหม่

จากข้อมูลทางระบาดวิทยาในปัจจุบัน ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเชื้อมีความรุนแรง มากหรือน้อยเพียงใด เพราะเพิ่งมีผู้ป่วยเพียง 2 ราย และยังไม่พบการติดเชื้อไปถึงบุคคลรอบข้าง แพทย์ หรือพยาบาล และยังเร็วเกินไปที่จะสรุปได้ ว่า ลักษณะการติดเชื้อ หรือแหล่งโรคมาจากใด แต่หากพิจารณาลักษณะความรุนแรงโรคที่เกิดกับผู้ป่วย 2 ราย บอกได้ว่า โรคมีความรุนแรง แต่ยังมีความเสี่ยงต่ำเพราะยังไม่พบการติดต่อคนใกล้ชิด” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว

ด้านนพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แม้ว่าการระบาดยังไม่พบในวงกว้าง แต่การเตรียมความพร้อมถือว่ามีความจำเป็นมาก ต้องตระหนัก แต่ไม่ตระหนก โดยทำความเข้าใจว่าโรคยังไม่มีข้อมูลการติดต่อง่ายเหมือนโรคซาร์ส ทำให้ต้องเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายโรคในประเทศไทย ทำให้ขณะนี้ต้องเตรียมความพร้อมทั้งสถานพยาบาล ห้องปฏิบัติการ การให้ความรู้ประชาชนไว้ก่อน

ทั้งนี้ โรคซาร์ส พบการระบาดในปี 2546 มีผู้ป่วยใน 25 ประเทศทั่วโลกประมาณ 8,000 คน เสียชีวิต 780 คน ส่วนประเทศไทย ไม่พบการระบาดของโรค แต่มีผู้ป่วยที่เดินทางมารักษาตัวจากประเทศเวียดนาม เสียชีวิตในประเทศไทย 1 ราย โดยปัจจุบัน โรคซาร์ส ยังไม่มียารักษา หรือ วัคซีน ป้องกันสามารถติดต่อได้จากระบบทางเดินหายใจ การสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย
กำลังโหลดความคิดเห็น