xs
xsm
sm
md
lg

ระทึก!ครบ8ปีตากใบ-โจรใต้ยิงเอ็ม79-ถล่มจุดตรวจ2นัดซ้อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โจรใต้ยิงเอ็ม 79 ถล่มจุดตรวจตากใบ 2 นัดซ้อนฉลองครบรอบ 8 ปีเหตุจลาจลตากใบ แต่พลาดเป้า ด้าน จนท.3 ฝ่ายสนธิกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายด้านความมั่นในพื้นที่หาดใหญ่ รวม 10 จุดป้องกันเหตุร้ายครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์ตากใบยึดปืนยาเสพติด “ยุทธศักดิ์”เรียกถกการข่าวของทุกหน่วยวันนี้ ย้ำต้องป้องกันเกิดเหตุบึ้มพร้อมกันหลายสิบจุดซ้ำเหมือน 5 ปีที่แล้ว ด้าน"สุกำพล"เชื่อ 2-3 ปีภาคใต้ดีขึ้น ไม่หวั่นวันครบรอบ 8 ปีตากใบ

เมื่อเวลา 08.00 น.วานนี้ (25 ต.ค.) พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ไปตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุคนร้ายใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 2 ลูกยิงถล่มใส่ป้อมจุดตรวจไพรวัน ตั้งอยู่ริมถนนสายตากใบ-นราธิวาส ช่วงบริเวณบ้านศาลาเชือก หมู่ 6 ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ แต่พลาดเป้าไปตกที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าของอาคารระบบประปาหมู่บ้าน และบริเวณใต้ต้นมะม่วงห่างจากจุดแรกประมาณ 30 เมตร โดยเหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา

โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่พบว่าที่บริเวณถนนประตูทางเข้าอาคารระบบประปาหมู่บ้านมีหลุมลึก 4 นิ้ว กว้าง 8 นิ้วและมีเศษซากชิ้นส่วนของลูกกระสุนปืนเอ็ม.79 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง ต้นไม้ที่อยู่บริเวณรายรอบทางเข้าของตัวอาคารระบบประปาหมู่บ้านมีร่องรอยถูกสะเก็ดของกระสุนปืนเอ็ม.79 ฉีกขาดจำนวนหลายจุดและต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ จุดที่ 2 ซึ่งมีหลุมขนาดเดียวกันและมีเศษซากชิ้นส่วนของลูกกระสุนปืน เอ็ม.79 ตกอยู่จำนวนหนึ่งเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ วิ่งสวนทางบนถนนฝั่งตรงข้ามเยื้องจุดตรวจไพรวัน แล้วคนร้ายได้จอดรถจักรยานยนต์ใต้พุ่มไม้ใหญ่ที่มีเงามืด ซึ่งห่างจากจุดตรวจประมาณ 300 เมตร จากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงในวิถีโค้ง 45 องศา จำนวน 2 ลูก เพื่อถล่มจุดตรวจไพรวัน แต่กระสุนพลาดเป้าไปตกที่บริเวณถนนหน้าประตูทางเข้าของอาคารระบบประปาหมู่บ้าน และตกที่ข้างบ้านพักของชาวบ้านที่ปลูกในละแวกดังกล่าว แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่คนร้ายจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบ แสดงศักยภาพครบรอบ 8 ปี จลาจลตากใบ ซึ่งเหตุครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 รายเมื่อปี 2547 เพื่อสร้างสถานการณ์ร้าย ในวันครบรอบ 8 ปี เหตุจลาจลหน้า สภ.ตากใบ

**ค้นพื้นที่เป้าหมายหาดใหญ่กันดดนป่วน

ด้าน พ.ต.อ.ศุภวัฒน์ ทับเคลียว รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา นำกำลังเจ้าหน้าที่จาก 4 หน่วยงาน ทั้งตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภูธรภาค 9 ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกว่า 100 นาย ออกตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายด้านความมั่นคงในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ รวม 10 จุด โดยแบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด ออกตรวจค้นในพื้นที่เขตตัวเมืองหาดใหญ่ชั้นใน 5 จุด และรอบนอกตัวเมืองหาดใหญ่ 5 จุด ทั้งย่านถนนรัถการ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ และย่านถนนเทศาพัฒนา และซอยสามสกุล เขตเทศบาลเมืองควนลัง

โดยพื้นที่เป้าหมายที่เข้าตรวจค้นทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นย่านที่ผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ามาอาศัยอยู่ และยังนำหมายจับคนร้ายทั้งคดีด้านความมั่นคง และอาชญากรรมร้ายแรงรวม 4 หมายเข้าไปหาตัวด้วย ซึ่งผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 5 คน ยึดอาวุธปืน .38 ได้ 1 กระบอก ยาเสพติดทั้งกัญชา ใบกระท่อม และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับด้านความมั่นคงไม่พบตัวแต่อย่างใด

สำหรับการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายด้านความมั่นคงใน อ.หาดใหญ ทั้ง 10 จุดในครั้งนี้ เป็นมาตรการเชิงรุกในการกดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุ และแนวร่วมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ให้เข้ามาแฝงตัวก่อเหตุในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ รวมทั้งยังเป็นการป้องกันการก่อเหตุร้ายในช่วงครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์ตากใบในวันนี้ด้วย ซึ่ง อ.หาดใหญ่ เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายหลักที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ นอกเหนือจากการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตามเส้นทางขาเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ทั้ง 4 มุมเมือง รวมทั้งดูแลพื้นที่ไข่แดงย่านเศรษฐกิจการค้ากลางเมืองหาดใหญ่อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง

**ไทยมุสลิมกลับบ้านเกิด-จนท.คุมเข้ม

ด้านบรรยากาศที่ด่านพรมแดนไทยมาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้มีชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เข้าไปทำงานอยู่ในรัฐต่างๆ ของประเทศมาเลเซีย พาครอบครัวทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะใน จ.สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เพื่อร่วมฉลองเทศกาลฮารีรายออัฎฮา หรือ รายอฮัจยี ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ ซึ่งจำเป็นต้องเดินทางกลับตั้งแต่วานนี้ เพื่อให้ทันกับการละหมาดรายอ ซึ่งเป็นพิธีสำคัญที่จะเริ่มต้นในช่วงเช้า

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ด่านตรวจค้นเข้าเมืองสะเดาได้เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันเหตุด้านความมั่นคง เนื่องจากอยู่ในช่วงที่ต้องเฝ้าระวังและตรงกับวันครบรอบ 8 ปีตากใบเพื่อป้องกันการแฝงตัวของผู้ต้องหาคดีด้านความมั่นคงและผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีดำเกี่ยวกับคดีก่อความไม่สงบและคดีอาชญากรรม แฝงตัวลักลอบเข้าประเทศ พร้อมมีการตรวจวัตถุต้องสงสัยในกระเป๋าเดินทางด้วยเครื่องเอ็กซเรย์อย่างละเอียดเพื่อหาสิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด

**"สุกำพล"ฟุ้งเชื่ออีก 2-3 ปีภาคใต้ดีขึ้น

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์ อ.ตากใบ จ.นราธิวาสว่า ทุกหน่วยที่ทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างทราบดีว่าวันที่ 25 ต.ค.เป็นวันครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์ตากใบ ดังนั้น ทุกหน่วยก็ต้องระวัง ตนทำได้เพียงแต่ให้กำลังใจในการทำงานเท่านั้น

ส่วนกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เดินทางไปประเทศซาอุดิอาระเบียนั้นตนไม่ทราบรายละเอียดว่าไปหารือเรื่องอะไร แต่ พ.ต.อ.ทวี มีความหวังดีว่าการหารือดังกล่าวนั้นจะทำให้สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้น ส่วนเรื่องการส่งเงินสนับสนุนนั้นก็จะต้องป้องกันไม่ให้มีการไหลเข้ามาในประเทศของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเรามีองค์ที่คอยตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว

“ทหารพยายามดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น ผมคิดว่าคงอีกประมาณ 2-3 ปีสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะดีขึ้น โดยจะพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ขยายออกไป พร้อมทั้งดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงมากขึ้น”

**'อ๊อด'สั่งคุมเข้มช่วง“วันรายอฮัจยี"

ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิปประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงได้พบกับนักศึกษาปัญญาชนมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย ซึ่งยืนยันว่าการแก้ปัญหาเราได้ใช้การเมืองนำการทหารและใช้การพัฒนานำการทหารอยู่ตลอด

นอกจากนี้ ได้พูดถึงการเตรียมการสับเปลี่ยนกำลังทหาร การจัดทำกรอบเวลาที่จะให้มีกำลังตำรวจพร้อมที่จะปฏิบัติงานได้ ซึ่งขณะนี้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจขาดประมาณ 5,000 คน จึงจะต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ทำงานได้ทันที จึงยังไม่สามารถมองเห็นภาพได้ชัดภายในเดือนนี้จนกว่าจะได้กำลังตำรวจเพิ่มเข้ามา 2,500 คนภายใน 3 เดือนจากนั้นจะมีอีกรุ่นที่จะได้รับการฝึกเสร็จสิ้นใน 6 เดือน

ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น กดดันผู้ก่อเหตุความไม่สงบนั้นก็ยังคงทำเต็มที่โดยเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ปิดล้อมและตรวจค้นจนได้ตัวแกนนำกลุ่มผู้ก่อเหตุ ขณะเดียวกันทำให้การปฏิบัติการของผู้ก่อความไม่สงบเป็นไปได้ยาก เพราะวันที่ 25 ต.ค.เมื่อ 5 ปีที่แล้วเกิดเหตุระเบิดพร้อมกัน 30 กว่าจุดซึ่งเราต้องระมัดระวังว่าอย่าให้เกิดขึ้นเช่นนี้อีกอีกทั้งในวันที่ 26 ต.ค.นี้เป็น“วันรายอฮัจยี” ซึ่งเป็นวันที่ชาวไทยมุสลิมประกอบศาสนกิจตรงกับการประกอบพิธีที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ฉะนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปรเจตนาว่าการทำสิ่งใดแล้วจะได้บุญมาก ซึ่งเราต้องระมัดระวังตรงนี้ด้วยเช่นกัน

เมื่อถามถึงการปรับงานด้านการข่าว พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งตนให้เป็นประธานประสานงานสมาคมข่าวแห่งชาติ ตนจะเรียกประชุมฝ่ายการข่าวของทุกหน่วยงาน ทั้งทุกเหล่าทัพ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย และกระทรวงการต่างประเทศในวันที่ 26 ต.ค.นี้ ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เพื่อวางระบบการข่าวที่เป็นการร่วมงาน ร่วมมือ และแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน โดยมี สขช.เป็นศูนย์กลางรวบรวมข่าวจากทุกหน่วย ไม่ใช่ต่างคนต่างทำงานแล้วการข่าวไม่ตรงกัน ทั้งนี้จะมีการมอบหมายงานที่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น