รองนายกฯ ลั่นคดี 98 ศพ ไม่กลั่นแกล้ง เย้ยใครทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ อวดรู้การเมืองจะเข้มข้น เตรียมล้างสมอง “คดีที่ดินรัชดา” แฝงปาหี่สานเสวนาแก้ รธน.อ้างหลังรัฐประหารแก้กฎหมายกองทุนฟื้นฟูฯ ให้เป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อกลั่นแกล้งทักษิณ
วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่โรงแรมเดอะ แฟร์ เฮาส์ บีช รีสอร์ท อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธร ภาค 8 โดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวตอนหนึ่งถึงคดีเหตุสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ว่า คดี 98 ศพนั้น ก่อนที่ตนจะเข้ามารับหน้าที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีการนำสำนวนไปซ่อนไว้
อย่างไรก็ตาม เมื่อตนเข้ามารับหน้าที่ในการกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ก็ได้สั่งการเพิ่มพนักงานสอบสวนอีก 50 นาย และมีการดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวเรื่อยมา อย่างเช่นกรณีของ นายพัน คำกอง คนขับรถแท็กซี่ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมนั้น ศาลได้มีการพิพากษาแล้วว่า ตายจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งได้รับคำสั่งจากศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวไม่มีการกลั่นแกล้งกันแน่นอน ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ
ส่วนสถานการณ์การเมืองในวันนี้ จะมีความเข้มข้นมากขึ้น เพราะกระบวนการสืบสวนสอบสวนในคดีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 กำลังดำเนินมาถึงจุดสุดท้าย ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า ไม่มีใครสามารถสั่งการดีเอสไอและอัยการได้ เพราะเรื่องทั้งหมดขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลที่นำโดย พ.ต.ท.ทักษัณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกรัฐบาลที่มาจากคณะปฏิวัติ อ้างว่า มีการทุจริต ไม่จงรักภักดี และสร้างความแตกแยกให้กับสังคม นอกจากนี้ ยังอ้างว่า พรรคเพื่อไทยไม่จงรักภักดีอีกด้วย ทั้งที่พรรคเพื่อไทย มีตำรวจ ทหาร อยู่ภายในพรรคเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่จงรักภักดี
“อย่างเช่น กรณีการซื้อขายที่ดินรัชดา โดยที่เมื่อตอนการซื้อขายนั้น มีการบอกว่า กองทุนฟื้นฟูฯไม่ใช่รัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ แต่เมื่อมีการปฏิวัติก็มีการแก้ไขกฎหมาย แล้วบอกว่าเป็นของรัฐวิสาหกิจ ต่อมาก็มีการดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษัณ เรื่องดังกล่าวคนเข้าใจทั่วประเทศยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ในพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครพูด แต่ทั้งนี้ เมื่อผมได้รับมอบหมายในการจัดสานเสวนาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะนำเรื่องเหล่านี้ไปพูดเอง และคิดว่าจะเป็นพลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศด้วย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว