xs
xsm
sm
md
lg

ร้อง ป.สอบ บ.แชร์ลูกโซ่หลอกลงทุน มูลค่าเสียหาย 4 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สมาชิกเครือข่ายบ.ดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง ร้องป.ถูกหลอกเข้ากระบวนการแชร์ลูกโซ่
สมาชิกเครือข่ายบริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง ร้องกองปราบสอบการดำเนินกิจการอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ เชื่อเป็นกระบวนการหลอกลวงให้ผู้ใช้แรงงานเหนือ-อีสาน ซึ่งมีสมาชิกกว่า 2 หมื่นราย นำทรัพย์พ์สินไปจำนอง เพื่อมาลงทุนในวงจรจรธุรกิจมูลค่าความเสียหาย 4 พันล้าน ล่าสุดดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว

วันนี้ (4 ก.ค.) ที่กองปราบปราม กลุ่มสมาชิกธุรกิจเครือข่ายของบริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง ย่านพระรามเก้า กว่า 30 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อร้องทุกข์ขอให้ช่วยตรวจสอบการดำเนินกิจการของบริษัทนี้ว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้มีผู้ใช้แรงงานจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือบางส่วนตกเป็นเหยื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน นำที่ดินของครอบครัวไปจำนองเพื่อนำเงินมาลงทุนในวงจรธุรกิจลักษณะนี้รวมค่าเสียหายประมาณ 4,000 ล้านบาท

น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ชาว จ.หนองบัวลำภู หนึ่งในสมาชิกธุรกิจเครือข่ายของบริษัทแห่งนี้ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่โรงงานบริษัทรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ต่อมาได้มีเพื่อนซึ่งทำธุรกิจเครือข่ายกับบริษัทนี้มาชักชวนให้ร่วมทำธุรกิจโดยบอกว่าลงทุนเล็กน้อยแต่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนไปตลอดชีวิต จึงเกิดความสนใจเพราะต้องการช่วยเหลือครอบครัวหาเงินมาไถ่ถอนที่ดินกว่า 20 ไร่ที่ติดจำนองอยู่ จากนั้นเพื่อนคนดังกล่าวได้พามาเข้าอบรมที่อาคารสำนักงานย่านพระรามเก้า เสียค่าเข้ารับอบรม 300 บาท เมื่อเข้าอบรมบริษัทก็จะจัดคนที่ประสบความสำเร็จได้รายได้มากๆมาพูดจูงใจ ซึ่งในการอบรมแต่ละครั้งจะใช้เวลาไม่เท่ากัน แต่เมื่อฟังบ่อยๆเข้าจะเหมือนถูกล้างสมอง และเชื่อว่ามีความเป็นไปได้เพราะแต่ละคนที่มาเป็นสมาชิกนั้นก็เป็นคนใช้แรงงาน หาเช้ากินค่ำที่อยากจะมีฐานะดีขึ้นทั้งนั้น

น.ส.เอกล่าวต่อว่า เมื่อหลงเชื่อเพื่อนที่เป็นอัพไลน์หรือพี่เลี้ยงคอยดูแลอย่างใกล้ชิดก็จะให้หาเงินมาลงทุน โดยวิธีการระดมทุนนั้นเขาจะแนะนำให้พูดคุยกับคนที่เรารักหรือคนในครอบครัว ซึ่งช่วงนั้นตนหลงเชื่อจึงนำที่ดินติดจำนองธนาคารไปจำนองกับนายทุนเงินกู้ได้เงินมา 4.4 แสน บาทแต่เสียดอกเบี้ยร้อยละ 5 เงินที่ได้มาส่วนหนึ่งก็นำไปใช้หนี้ธนาคารที่ก่อนหน้านี้จำนองที่ไว้ ส่วนที่เหลือก็นำมาลงทุนในธุรกิจนี้ใช้เงินไป 212,300 บาทได้สินค้าเป็นน้ำมันหอมระเหยสมุนไพร บำบัดโรค พร้อมตะเกียงมาหลายชุดแต่สินค้าเหล่านี้ไม่ได้นำไปขาย แต่ก็จะถูกแนะนำให้เก็บสินค้าไว้เพื่อนำไปขายให้คนที่เราชักชวนมาเป็นดาวน์ไลน์ในเครือข่ายเรา ตนทำงานนี้มาเกือบ 7 เดือน ต้องไปที่อาคารสำนักงานบริษัทที่พระรามเก้าและพระรามสองทุกวัน หยุดวันอาทิตย์วันเดียว และหาเครือข่ายได้เพียงรายเดียวเท่านั้น ได้เงินกลับคืนมา 4 หมื่นกว่าบาท

“ตลอดเวลาที่ทำงานเครือข่ายนั้นก็จะถูกพูดกรอกหูให้หาทุนหาเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา และได้ทราบจากคนอื่นที่หลงเชื่อมาเป็นเครือข่ายว่าต้องกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนคนละ 200,000 บาท เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนในระบบธุรกิจนี้ ซึ่งส่วนใหญ่สมาชิกกว่าสองหมื่นคนเป็นผู้ใช้แรงงานจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยเฉพาะ จ.อุบลราชธานี และนครราชสีมา ที่ขณะนี้กำลังเดือนร้อนเพราะหนี้สินที่ไปกู้ยืมมาลงทุนโดยเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลตอบแทนจริงตามที่บริษัทมีการกล่าวอ้างจึงไม่อยากให้คนอื่นตกเป็นเหยื่ออีกจึงมาร้องทุกข์ดังกล่าว” น.ส.เอกล่าว

หลังรับเรื่อง พ.ต.อ.ประสพโชคได้ประสานงานไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ซึ่งได้รับแจ้งว่าขณะนี้ทางดีเอสไอ ได้รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้วและอยู่ในระหว่างการสอบสวน ตำรวจ บก.ป.จึงให้กลุ่มผู้เสียหายที่มาร้องทุกข์ครั้งนี้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปประกอบการสอบสวนเพิ่มเติมกับทางดีเอสไอต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น