รายงานการเมือง
เดือนตุลาคมปีนี้ สำหรับ “พลพรรคเพื่อแม้ว” แล้ว แทบไม่ต่างอะไรกับการเตรียมทีมจัดทัพบูรณะขุมข่ายกันใหม่ เพราะโดยสภาพการณ์ทั้งตัว “พรรคเพื่อไทย” และ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ง่อนแง่นพอกันทั้งคู่
ตามคิวที่ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมกลั้นใจไขก๊อกออกจากตำแหน่ง หลังถูก “ผีอัลไพน์” ไล่หลอนจนเกินจะด้านทนเลยต้องขยับก้นลุกจากเก้าอี้กันตามสภาพ ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคทั้งหลายแหล่ต้องสูญสิ้นสถานภาพกลายเป็นรักษาการไปพลางๆ จนกว่าจะถึงสิ้นเดือนอันเป็นวันที่จะรู้ว่าผู้ใดจะได้ถือธงแดงนำทัพกันต่อไป
โดยระหว่างช่วงนับเวลาถอยหลัง ก็คงได้ยินได้ฟังรายชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตชนิดวนไปเวียนมากันกลายต่อหลายคนกันเป็นสัปดาห์แล้ว ทั้งในราย “ภูมิธรรม เวชชยชัย - จาตุรนต์ ฉายแสง” อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่เพิ่งพ้นออกจากหลุมมาเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา หรือ “พล.ต.อ.วิโรจน์ เปาอินทร์” ที่รักษาการหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน
ตลอดจน “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการเลขาธิการพรรค ที่เสียงลือเล่าอ้างว่าได้รับการหนุนไม่เบา เพราะเป็นสาย “นายหญิงซาลาเปา” คนมีบารมีในพรรค ขณะเดียวกัน เรื่องคุณสมบัติก็ต้องบอกว่าถูกตาต้องใจตามสเปกที่เพื่อไทยล็อกไว้หลายอย่าง อาทิ ไม่เคยมีคดีติดตัวที่จะทำให้มีการเช็กบิลย้อนหลังเหมือนในราย “ยงยุทธ” จนกระทบกระทั่งเสถียรภาพของพรรค
หรือในรายที่ฮอตฮิตติดลมบนล่าสุด อย่าง “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพี่เมีย “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สลัดชีวิตราชการได้ไม่ถึงเดือน ก็ก้าวเท้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยกันทันที
ทว่า แม้จะมีชื่อเป็นแคนดิเดต และมีเสียงบางส่วนเชียร์ แต่ท่าที “บิ๊กอ๊อบ” หาได้แฮปปี้กับตำแหน่งหัวเรือใหญ่แห่งค่ายสีแดงไม่ มิหนำซ้ำ ยังย้ำแล้วย้ำอีกว่า ไม่พร้อมรับเพราะเพิ่งจะเข้ามายังไม่ได้ปรับตัว
แต่ก็อ่อยเหยื่อทิ้งทวนติดปลายนวมไว้หลังปฏิเสธทุกครั้ง อยากดูงานด้านปราบปรามยาเสพติด และดูแลเรื่องการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นงานถนัด!
เสียงดังฟังชัด ทำเอารองนายกรัฐมนตรีสองรายในตึกบัญชาการ 1 อย่าง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” และ “พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา” สะดุ้งเฮือก เพราะที่ “พี่เมียนายใหญ่” อยากได้ ดันเป็นตำแหน่งของทั้งคู่ โดยเฉพาะในราย “หัวหมู่ฝั่งธน” ที่เดือดร้อนเต็มเปา มีสิทธิงานเข้าได้ย้ายหลักแหล่งกันใหม่ก็งานนี้
อย่างไรก็ตาม จับจังหวะอดีตบิ๊กสีกากีแสดงจุดยืนแบบนี้ หวยมีสิทธิได้ออกในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเป็นแน่ เพราะตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างไรมันก็เสี่ยงเป็นเป้าให้ชาวบ้านร้านตลาดและคู่อาฆาตฝั่งตรงข้ามพะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รุมประณามโทษฐานสถาปนา “ชินวัตรแฟมิลี่”
อ่านเกมนี้วัดใจคนไกล ยังไม่กล้าให้เครือญาติลงไปเป็นนอมินีถือธงในตำแหน่งทางการเมืองอีกคน ลำพัง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวสุดที่รักที่นั่งแช่อยู่บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก็ทนหินทนอิฐที่ถูกเขวี้ยงจะไม่ไหวอยู่แล้ว
ขืนเริงร่าปล่อย “เพรียวพันธ์” ลงไปกุมตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกคน ผลลบมันก็น่าจะมากกว่าผลบวก
อย่างไรก็ตาม ในอารมณ์ที่เครือข่ายนายห้างกับครึกครื้นอยู่กับการเปิดตัว “พี่เมียนายใหญ่” อีกปรากฎการณ์ที่ต้องจับตาให้ดีก็คือ ขบวนอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 หรือ “กลุ่มเพื่อนแม้ว” ที่ตบเท้าเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพร้อมกันๆ
อย่างบิ๊กเนมดังๆ ที่พอคุ้นหูอยู่บ้างก็ในราย “พล.อ.อ.ธงชัย ธารนพ” อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพอากาศ “พล.ร.อ.รุ่งรัตน์ บุณยรัตพันธุ์” อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม“พล.ต.ท.ธนากร ศิริอัฐ” อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล
ส่วนอีกรายน่าสนใจก็หนีไม่พ้น “บิ๊กโอ๋ (เล็ก) - พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต” อดีตหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บุคคลที่มีชื่อผลุบๆโผล่ๆมาในโผ ครม.หลายครั้งว่า มีสิทธิได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในกรณีที่ “นารีปู” จะขยายเก้าอี้ไปควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่ง
ตามยุทธศาสตร์เกณฑ์อดีตนายพลทหารที่เคยทำงานในกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ รวมถึงวงการสีกากี พรรคเพื่อไทยเองก็หวังจะใช้คนเหล่านี้มาสร้างภาพเทิดทูนสถาบันที่ตัวเองถูกมองเป็นปมด้อยมาตลอด
ทว่าส่องเกมอ่านใจตามเสียงซุบซิบ อดีตข้าราชการทหารทั้งหลายตบเท้าเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็คงไม่ใช่แค่มายืนเท่เพื่อช่วยสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น เพราะในสุดท้ายแต่ละรายก็หวังจะคั่วเก้าอี้ดีๆ ใหญ่ๆ ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจหรือตำแหน่งทางการเมืองให้อิ่มหนำสำราญบนเส้นทางการเมืองและชีวิตอดีตข้าราชการไทยที่หลงเหลือกิเลสติดตัวกันอยู่
บทพิสูจน์ให้เห็นเป็นหลักฐาน ตามแบบอย่างของเพื่อนๆ ตท.10 ที่ขนโขยงกันมาก่อนหน้านี้ มียศถาบรรดาศักดิ์กันพรึ่บพรั่บ ไม่ว่าจะในรายของ “บิ๊กโอ๋ (ใหญ่) - พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี” ที่ได้รับการตกรางวัลให้เป็นประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. “พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ตลอดจนคนอื่นๆที่แฝงอยู่ในตำแหน่งข้าราชการการเมืองตามกระทรวงและบอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ อีกนับไม่ถ้วน
ส่วนจะลงล็อกในตำแหน่งหนตำบลใด สุดท้ายคนตัดสินใจจัดสรรเก้าอี้ก็หนีไม่พ้น “เพื่อนแม้ว” ที่กลายสภาพมาเป็น “นายใหญ่” ของเพื่อนๆ ไปแล้วทุกวันนี้ เช่นเดียวกับขนาดของเก้าอี้จะเล็กหรือใหญ่ นอกจากดีกรีความเป็นเพื่อนแล้ว วิญญาณ “นักวิ่ง” ที่แต่ละคนจะสวมก็ต้องมีสมรรถนะที่เหนือกว่าเพื่อน ตท.10 กว่าคนอื่นๆ
เจ้าภาพลักษณ์ที่ปรากฎว่าดูเหมือนจะรักใคร่กลมเกลียวตามประสานเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ครั้นถึงวินาทีชิงจังหวะก็ตัวใครตัวมัน พักยกคำว่า “เพื่อน” ไว้ชั่วคราว
พิสูจน์ได้จากความขัดแย้งที่ส่งกลิ่นโชยออกมาเป็นระยะของบรรดาตท.10 ที่ทุกวันนี้ก็ยังด่ากันไล่หลังตลอดว่า “ได้ดีแล้วลืมเพื่อน”
หลักฐานชัดๆ ที่เห็นกันมาแล้วก็กรณี “บิ๊กโอ๋ (ใหญ่)” ที่โดนเพื่อนตท.10 ในพรรคด่าเช็ดมาแล้วไม่รู้กี่หน โทษฐานไม่สนใจใยดีตั้งแต่นั่งเสนาบดีตัวเบ้อเริ่ม!