xs
xsm
sm
md
lg

กปต.รับลูก “อุกฤษ” ตั้งอนุฯ บังคับใช้ กม.- ส่ง กต.โต้เว็บมาเลย์โจมตีดับไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เลขาฯ สมช.เผยที่ประชุม กก.ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ แบ่ง ศอ.บต.ประเมินเรื่องพัฒนา-กอ.รมน.ดูความมั่นคง ครึ่งปีครั้ง ระบุนายกฯ สั่ง สมช.ลงใต้แจงตั้ง ศปก.กปต. 24 ต.ค.นี้่ อ้าง “อุกฤษ” เป็นกลาง รับลูก คอ.นธ.ตั้งอนุฯ บังคับใช้กฎหมาย ให้รองปลัด ยธ.ประธาน พร้อมจัด กต.-ข่าวกรอง ใช้ข้อมูลโต้เว็บนอกจากปัญหาชายแดนใต้

วันนี้ (17 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.50 น. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสำนักสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) ว่า เนื้อหาการประชุมส่วนใหญ่เป็นการประเมินผลการดำเนินงานปี 2555 เพื่อกำหนดแนวทางในประเมินผลการทำงานปี 2556 โดยหลักการประเมินผลจะให้ ศอ.บต.ดูเรื่องการพัฒนา ส่วน กอ.รมน.ดูเรื่องความมั่นคง และจะมีการประเมินทุก 6 และ 12 เดือน ที่จะให้สถาบันการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินผล โดยจะชี้วัดในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยและการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างภาครัฐและประชาชน ทั้งนี้ ยังมีการหารือถึงพัฒนาการการตั้งศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ที่เป็นไปอย่างเรียบร้อยเพียงแต่ต้องการความคิดเห็นจากทุกฝ่าย โดยสภาที่ปรึกษา ศอ.บต.ได้มีหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงเรื่องนี้ ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการให้ สมช.ลงพื้นที่วันที่ 24 ต.ค.นี้ เพื่อไปชี้แจงควบคู่กันเพื่อให้หลังจากการจัดตั้งจะได้ไม่เกิดความขัดแย้ง

พล.ท.ภราดรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการหารือถึงการตั้งอนุกรรมการบังคับใช้กฎหมายและการบริหารกระบวนการยุติธรรม โดยรัฐบาลให้ความสำคัญต่อคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่มีนายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน ที่เคยได้เสนอยุทธศาสตร์เร่งด่วนขึ้นมาว่าควรมีคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องกระบวนการยุติธรรม ซึ่งรัฐบาลรับข้อเสนอของนายอุกฤษ เพราะถือว่าเป็นกรรมการกลางที่ยอมรับได้ทุกฝ่ายและเป็นสิ่งที่ต้องขับเคลื่อน จึงมีการจัดตั้งอนุกรรมการชุดนี้ขึ้น โดยให้นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจรองปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน และให้นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุดเป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งในวันพรุ่งนี้

นอกจากนี้ พล.ท.ภราดรกล่าวต่ออีกว่า ในช่วงนี้มักจะมีเว็บไซต์ที่โจมตีรัฐบาลเรื่องการแก้ไขปัญหา ทางฝ่ายเราจึงต้องมาตกผลึกกันว่าจะไม่ปิดกั้นเพราะไม่ทำให้เกิดประโยชน์ ปิดไปก็สามารถเปิดใหม่ได้ แต่จะให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักข่าวกรองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตอบโต้เชิงข้อมูลและใช้การทูตในการแก้ปัญหา ซึ่งทางมาเลเซียได้ออกมาชี้แจงว่าไม่ต้องการกลั่นแกล้งรัฐบาลไทย และแสดงให้เห็นว่ามีความพยายามที่จะบอกว่าการแก้ปัญหาของไทยไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการต่อสู้ในเชิงความคิด โดยมีการประสานทางมาเลเซียแล้วว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นก็ตอบโต้เชิงข้อมูล โดยกระทรวงต่างประเทศจะเน้นการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การทูต อีกทั้งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที สำนักข่าวกรอง สมช. และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการชี้แจงต่อประชาชนในพื้นที่แต่จะไม่มีการต่อสู่เชิงเทคนิคแต่ใช้การต่อสู้เชิงข้อมูล

“เว็บไซต์เหล่านี้โจมตีเราว่าเราแก้ปัญหาไม่ถูกต้อง เราไม่เข้าใจปัญหาทำให้ประชาชนเดือดร้อน รัฐไทยใช้กำลังทหารลงมาดูแลความปลอดภัย นั่นคือข้อเท็จจริง แต่เขาบอกว่าไม่ใช่ทหารมาทำให้ประชาชนเดือดร้อน แก้ไม่ถูกทาง ล่าสุดคณะสารสนเทศของกระทรวงการต่างประเทศได้อยู่ที่มาเลเซียเพื่อทำความเข้าใจกับประเทศมาเลเซียแล้ว โดยบรรยากาศระหว่างรัฐต่อรัฐเป็นไปอย่างราบรื่น” พล.ท.ภราดรกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น