xs
xsm
sm
md
lg

ปลัด กห.ต้อนรับ ผบ.กองกำลังมะกัน-แปซิฟิกเยือนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ)
ปลัดกลาโหมต้อนรับ ผบ.กองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก ในโอกาสแนะนำตัวก่อนเข้ารับตำแหน่ง ชูสัมพันธ์สองชาติดันความร่วมมือในเวทีภูมิภาค เน้นความมั่นคงรูปแบบใหม่ ยังไม่คุยตั้งศูนย์ช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัย พร้อมขอบคุณการช่วยเหลืออุทกภัยปีที่แล้ว ด้านมะกันยันพร้อมช่วยไทยทุกด้าน

วันนี้ (15 ต.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้แทน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ พล.ร.อ.ซามูเอล เจ. ล็อกเคลียร์ (Samuel J. Locklear, III) ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิกซึ่งเข้าเยี่ยมคำนับในโอกาสการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกองบัญชาการกองทัพไทย ทั้งนี้ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่กระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศได้ดำเนินมาอย่างใกล้ชิดเป็นเวลานาน รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นสำคัญซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ทางทหารระดับทวิภาคีระหว่างไทย-สหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศในเวทีระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือในประเด็นที่เกี่ยวกับความท้าทายความมั่นคงในรูปแบบใหม่ (Non Tradition Threats) อาทิ ความมั่นคงทางทะเล, การบรรเทาภัยพิบัติ, การปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ส่วนการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านการบรรเทาสาธารณภัย หรือ HADR Center นั้น ไม่ได้มีการพูดถึง แต่เป็นการพูดถึงภาพรวมความร่วมมือเรื่องการช่วยเหลือที่สองชาติเคยได้ร่วมในโปรแกรมการฝึกร่วมผสมคอบร้าโกลด์ ส่งผลให้เกิดความช่วยเหลือในห้วงที่ไทยประสบกับมหาอุทกภัยเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งปลัดกระทรวงกลาโหม ก็ได้ขอบคุณต่อการช่วยเหลือของสหรัฐฯ ด้วย

ในการนี้ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก ได้กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยินดีอย่างยิ่งในการให้ความสนับสนุนกระทรวงกลาโหมไทยในทุกๆ ด้าน เช่นที่ผ่านมาได้ให้การสนับสนุนที่นั่งศึกษาแก่กำลังพลของกระทรวงกลาโหมไทย ภายใต้โครงการ International Military Education and Training (IMET) อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และการฝึกร่วมระดับกองทัพ อาทิ การฝึก CARAT (Cooperation Afloat Readiness and Training) ซึ่งเป็นการฝึกผสมในลักษณะทวิภาคีระหว่างกองทัพเรือไทยและนาวิกโยธินสหรัฐฯ เช่น การฝึกปฏิบัติการรบผิวน้ำ การฝึกปราบเรือดำน้ำ การฝึกสงครามทุ่นระเบิด และการฝึกหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาขีดความสามารถ เสริมสร้างความเชื่อมั่นในการใช้เส้นทางคมนาคมทางทะเล อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นคงในภูมิภาค

พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ยังมีประเด็นการสนทนาที่สำคัญนอกเหนือจากความร่วมมือด้านการปฏิบัติการทางทหาร เช่น การที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนในการสกัดกั้นและการปราบปรามยาเสพติดแก่กองทัพบกในพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ข่าวยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 ทั้งด้านเครื่องมือ, การฝึกอบรม, การก่อสร้างอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อการป้องกันประเทศ และการบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งการได้พบปะแลกเปลี่ยนในระดับผู้นำกองทัพของทั้งสองประเทศที่ผ่านมา ถือเป็นการเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ในการป้องกันประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายไปสู่ความร่วมมือในมิติอื่นๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงในทุกๆ ด้าน

“ในการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ถือว่าเป็นการมาแนะนำตัวก่อนเข้ารับตำแหน่งและได้นำกรอบนโยบายของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามาปฏิบัติ ทั้งนี้ไทยถือเป็นพันธมิตรที่ติดต่อกันมาอย่างยาวนานกว่า 179 ปีและมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด ถือว่าไทยเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็ง มีความสำคัญในภูมิภาคนี้ เชื่อมั่นว่าในอนาคตจะมีการสานความสัมพันธ์กันต่อไปอย่างแนบแน่น นอกจากนี้ยังมีการชี้แจงถึงการปฏิบัติงานในภูมิภาค โดยต้องการที่จะรักษาสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางทะเล พร้อมทั้งย้ำจุดยืนในการแก้ไขปัญหาทะเลจีนใต้ที่กองทัพสหรัฐฯต้องการปฏิบัติโดยการเจรจา เน้นการปฏิบัติด้วยวิธีสันติ จุดยืนคือจะไม่มีการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คิดว่าการแก้ไขปัญหาในทะเลจีนใต้จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เป็นไปตาม Coast of conduct หรือแนวทางการปฏิบัติทางทะเลความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพสหรัฐฯกับจีนคือทิศทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้าในการสานสัมพันธ์ ไม่มีผลกระทบต่อกัน ก็ดูแล้วว่าจะทำให้เกิดผลประโยชน์กับประเทศไทย เพราะทั้งสหรัฐฯ และจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย”

โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ยังได้มีการพูดถึงการเตรียมความพร้อมรับคณะของปลัดกระทรวงกลาโหมที่จะนำผู้แทนของเหล่าทัพไปประชุม defence strategy talks ในวันที่ 16-22 ต.ค. ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สำหรับประเด็นการประชุมดังกล่าวเป็นการกำหนดแผนงานหลักในเรื่องความมั่นคงในกรอบงานปี 56 ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไรภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือในประเด็นที่เกี่ยวกับความท้าทายความมั่นคงในรูปแบบใหม่ เช่น ความมั่นคงทางทะเล, การบรรเทาภัยพิบัติ, การปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นต้น ในการพบกันวันนี้ ยังได้มีการพูดถึงการประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย.นี้ที่ประเทศออสเตรเลีย มี ผบ.สส.36 ประเทศเข้าร่วม
กำลังโหลดความคิดเห็น