“บิ๊กตู่” เรียกร้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับคำขู่ผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้ห้ามขายของวันศุกร์ พร้อมวอนสื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือโฆษณาการใช้ความรุนแรง กำชับเจ้าหน้าที่เร่งปลอบขวัญชาวบ้านเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปประเทศบรูไนเพื่อร่วมประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียน (เอแคม) ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 14-17 ต.ค.นี้ กรณีที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จะมีการนัดหารือเพื่อปรับยุทธวิธีเชิงรุกในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในกรณีมีใบปลิวข่มขู่ห้ามประชาชนค้าขายในวันศุกร์ ว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการหารือกันกับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงมาตลอด ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหานั้นขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจกับคำขู่นอกกฎหมายของผู้ก่อความไม่สงบและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็จะต้องทำงานให้หนักขึ้น ในการเข้าไปปลอบขวัญประชาชน เพื่อประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันก็ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนทุกฝ่ายอย่าตกเป็นเครื่องมือในการโฆษณาการใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงการแก้ปัญหาให้บรรดาพ่อค้า แม่ค้ากลับมาเปิดร้านค้าขายตามปกติหลังจากที่ขณะนี้ยังมีร้านค้าเปิดขายของอยู่เพียง 30% ว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนจะไม่กำหนดกรอบเวลาในการทำงาน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจะแก้ได้สำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความร่วมมือกันทำงานของประชาชนและทุกภาคส่วนในพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการไปประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียน (เอแคม) ที่บรูไนว่า จะมีการหารือในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ในหัวข้อ “ความท้าทายต่อภัยคุกคาม” ที่กองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียนเผชิญอยู่ในปัจจุบัน อันจะก่อให้เกิดการร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ภายใต้การมีส่วนร่วมตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม เช่น ในเรื่องของการพัฒนาความสัมพันธ์ของนายทหารระดับร้อยตรีถึงร้อยเอก การประชุมนายทหารระดับกลางและระดับสูง การจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างกองทัพบกกลุ่มอาเซียน เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกจะได้เข้าร่วมพิธีปิดการทดสอบยิงปืนทางยุทธวิธีกลุ่มประเทศอาเซียนหรือเออาร์ม ครั้งที่ 22 ซึ่งมีทีมนักยิงปืนที่คัดเลือกมาจากกำลังพล หน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกไทยเข้าร่วมแข่งขัน และยังได้เข้าร่วมแข่งขันยิงปืนโนเวลต์ชู้ดกับผู้บัญชาการทหารบกมิตรประเทศทั้ง 10 ประเทศ เพื่อกรัชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียนต่อไป