"ผบ.ทบ." ขอประชาชน 3 จชต.อย่าตื่นตระหนกตกใจกับคำขู่ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่แจกใบปลิวข่มขู่ห้ามขายของวันศุกร์ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่คุมเข้ม และเร่งเข้าไปปลอบขวัญประชาชน ด้านคนร้ายลอบวางระเบิดในสวนยางพาราชาวไทยพุทธในระแงะ โชคดี จนท.กู้ไว้ได้
เมื่อเช้าวานนี้ (14ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปประเทศบรูไนถึงกรณี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง จะมีการนัดหารือเพื่อปรับยุทธวิธีเชิงรุกในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในกรณีมีใบปลิวข่มขู่ ห้ามประชาชนค้าขายในวันศุกร์ว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการหารือกับกับรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงมาตลอด ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหานั้น ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจกับคำขู่นอกกฎหมายของผู้ก่อความไม่สงบ และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็จะต้องทำงานให้หนักขึ้น ในการเข้าไปปลอบขวัญประชาชนเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันก็ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนทุกฝ่ายอย่าตกเป็นเครื่องมือในการโฆษณาการใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วย
เมื่อถามถึงการแก้ปัญหาให้บรรดาพ่อค้า แม่ค้ากลับมาเปิดร้านค้าขายตามปกติหลังจากที่ขณะนี้ยังมีร้านค้าเปิดขายของอยู่เพียง 30 % นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะไม่กำหนดกรอบเวลาในการทำงาน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจะแก้ได้สำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความร่วมมือกันทำงานของประชาชนและทุกภาคส่วนในพื้นที่
ทั้งนี้เช้าวานนี้ (14 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังประเทศบรูไนระหว่างวันที่ 14-17 ต.ค.เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียนหรือเอแคม ครั้งที่ 13 แล้ว โดยการเดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้จะมีการหารือในระดับทวิภาคีและพหุภาคี กับผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ในหัวข้อ ความท้าทายต่อภัยคุกคาม ที่กองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียนเผชิญอยู่ในปัจจุบัน อันจะก่อให้เกิดความร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ภายใต้การมีส่วนร่วมตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม อาทิ ในเรื่องของการพัฒนาความสัมพันธ์ของนายทหารระดับร้อยตรีถึงร้อยเอก การประชุมนายทหารระดับกลางและระดับสูง การจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างกองทัพบกกลุ่มอาเซียน เป็นต้น
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ ร.ต.อ.นเรศ พุ่มแก้ว ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งจากนางนภาพร มหาวงศ์ อายุ 40 ปี เจ้าของสวนยางพารา อยู่บ้านเลขที่ 42 บ้านลาลู ม.8 ต.ตันหยงลิมอ ว่า พบวัตถุระเบิดฝังไว้ที่บริเวณทางเดินภายในร่องสวนยางพารา จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตรวจสอบวัตถุโลหะในการเคลียร์พื้นที่ และพบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกระป๋องเครื่องดื่มน้ำผลไม้ หนัก 1 ก.ก. จุดชนวนด้วยระบบเท้าเหยียบ ซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ฝังอยู่ที่แนวทางเดินภายในร่องสวนยางพารา เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่า 5 นาที จึงสามารถเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อข่มขู่ไทยพุทธให้ออกไปจากพื้นที่
เมื่อเช้าวานนี้ (14ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปประเทศบรูไนถึงกรณี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง จะมีการนัดหารือเพื่อปรับยุทธวิธีเชิงรุกในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในกรณีมีใบปลิวข่มขู่ ห้ามประชาชนค้าขายในวันศุกร์ว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการหารือกับกับรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงมาตลอด ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหานั้น ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจกับคำขู่นอกกฎหมายของผู้ก่อความไม่สงบ และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็จะต้องทำงานให้หนักขึ้น ในการเข้าไปปลอบขวัญประชาชนเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันก็ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนทุกฝ่ายอย่าตกเป็นเครื่องมือในการโฆษณาการใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วย
เมื่อถามถึงการแก้ปัญหาให้บรรดาพ่อค้า แม่ค้ากลับมาเปิดร้านค้าขายตามปกติหลังจากที่ขณะนี้ยังมีร้านค้าเปิดขายของอยู่เพียง 30 % นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะไม่กำหนดกรอบเวลาในการทำงาน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจะแก้ได้สำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความร่วมมือกันทำงานของประชาชนและทุกภาคส่วนในพื้นที่
ทั้งนี้เช้าวานนี้ (14 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังประเทศบรูไนระหว่างวันที่ 14-17 ต.ค.เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียนหรือเอแคม ครั้งที่ 13 แล้ว โดยการเดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้จะมีการหารือในระดับทวิภาคีและพหุภาคี กับผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ในหัวข้อ ความท้าทายต่อภัยคุกคาม ที่กองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียนเผชิญอยู่ในปัจจุบัน อันจะก่อให้เกิดความร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ภายใต้การมีส่วนร่วมตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม อาทิ ในเรื่องของการพัฒนาความสัมพันธ์ของนายทหารระดับร้อยตรีถึงร้อยเอก การประชุมนายทหารระดับกลางและระดับสูง การจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างกองทัพบกกลุ่มอาเซียน เป็นต้น
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ ร.ต.อ.นเรศ พุ่มแก้ว ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งจากนางนภาพร มหาวงศ์ อายุ 40 ปี เจ้าของสวนยางพารา อยู่บ้านเลขที่ 42 บ้านลาลู ม.8 ต.ตันหยงลิมอ ว่า พบวัตถุระเบิดฝังไว้ที่บริเวณทางเดินภายในร่องสวนยางพารา จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตรวจสอบวัตถุโลหะในการเคลียร์พื้นที่ และพบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกระป๋องเครื่องดื่มน้ำผลไม้ หนัก 1 ก.ก. จุดชนวนด้วยระบบเท้าเหยียบ ซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ฝังอยู่ที่แนวทางเดินภายในร่องสวนยางพารา เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่า 5 นาที จึงสามารถเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อข่มขู่ไทยพุทธให้ออกไปจากพื้นที่
