“ชวนนท์” ซัด กต.ซื้อเวลา ยันต้องถอนพาสปอร์ต “นช.แม้ว” เตือน ขรก.ซวยแทน

โฆษกประชาธิปัตย์ซัดกระทรวงการต่างประเทศซื้อเวลา จ่อถาม สตช.ศาลฎีกาต้องการตัว “นช.แม้ว” มากมั้ย ยันระเบียบชัดเข้าข่ายถูกถอนพาสปอร์ต จี้ปลัดทำหนังสือถาม “สุรพงษ์” จะดีกว่า เตือนระวังต้องรับกรรมแทนนักการเมือง

วันนี้ (13 ต.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเตรียมหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง เพื่อสอบถามถึงความต้องการตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาดำเนินคดี ก่อนนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจในการทบทวนการออกพาสปอร์ตให้แก่อดีตนายกฯ ว่า ประเด็นดังกล่าวตนเชื่อว่าเป็นแค่กระบวนการซื้อเวลาเท่านั้น หากพิจารณาสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ถูกออกหมายจับในคดีต่างๆ เทียบกับระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2554 หมวดที่ว่าด้วยการปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอหนังสือเดินทาง ข้อ 24 (2),(3) และ (4) ถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณเข้าข่ายที่จะถูกถอนพาสปอร์ต ประเด็นนี้ตนขอเรียกร้องให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือถามความเห็นถึง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ใช้ดุลพินิจว่าจะเพิกถอนพาสปอร์ตหรือไม่

“ตามระเบียบมันชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณทักษิณเข้าข่ายที่ถูกเพิกถอนพาสปอร์ต ดังนั้นไม่จำเป็นที่ต้องสอบถามหน่วยงานอื่น ซึ่งการส่งหนังสือถามการตัดสินใจเรื่องนี้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดกับเรื่องนี้ เพราะหากทำเรื่องเพื่อยื้อเวลา สุดท้ายข้าราชการจะเป็นผู้รับกรรมแทนนักการเมือง” นายชวนนท์กล่าว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า ส่วนที่กระทรวงการต่างประเทศส่งหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินเพี่อขยายเวลาการชี้แจงประเด็นนี้ ผมถือว่าผู้ตรวจการแผ่นดินอาจต่อเวลาให้ได้ แต่ท้ายสุดก็ต้องดำเนินการเรื่องนี้อยู่ดี

ทั้งนี้ สำหรับระเบียบกระทรวงกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง หมวดที่ว่าด้วยการปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอหนังสือเดินทาง ข้อ 24 ว่าด้วยอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สามารถปฏิเสธหรือยับยั้งการออก หรือต่ออายุหนังสือเดินทางให้แก่ผู้ขอ (2) ระบุว่า เมื่อได้รับแจ้งว่าผู้ขอเป็นผู้ซึ่งกำลังรับโทษทางอาญา หรืออยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว หรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเห็นว่าไม่ควรจะออกหนังสือเดินทางให้, (3) เมื่อผู้ขอเป็นผู้ที่ศาล หรือเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายอื่นสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร และ (4) เมื่อผู้ขอกระทำผิดกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติทางราชการ ซึ่งขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือปิดบังความจริงอันเป็นสาระสำคัญ หรือแสดงเอกสารหลักฐานอันเป็นเท็จในการขอหรือต่ออายุหนังสือเดินทาง หรือไม่อยู่ในฐานะที่จะเดินทางไปต่างประเทศได้ หรือหากเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จะเป็นภัยต่อสวัสดิภาพของผู้เดินทางเอง หรือจะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงปลอดภัย หรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย