ส.ส.พัทลุง ปชป.ซัด “สุรพงษ์” อย่าอ้าง “กษิต” เพื่อความชอบธรรม จี้เอาระเบียบและกฎหมายไหนคืนพาสปอร์ตนายใหญ่ ขู่มีสิทธิ์ถึง รบ.ล้ม ยัน “สุรพงษ์” ผิดชัดเจน เชื่อโดนฟ้องคดีอาญาฐานละเว้นประพฤติมิชอบ มีโทษสูงถึงประหารชีวิต
วันนี้ (16 ก.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันการออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แม้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินระบุว่าขัดต่อหลักกฎหมายว่า ตนติดตามเรื่องนี้ตลอด ขอให้นายสุรพงษ์ระบุให้ชัดเจนว่าที่อ้างระเบียบและกฎหมายเดียวกันกับที่นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศเคยปฏิบัตินั้นเป็นระเบียบหรือกฎหมายข้อใด ระบุไว้อย่างไร เพราะวันนี้การกระทำและคำพูดของนายสุรพงษ์กำลังทำให้คนในสังคมและข้าราชการที่ดีสับสน เพราะการอ้างว่าทำเช่นเดียวกับนายกษิต เป็นการทำไปเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง โดยเอานายกษิตเป็นเกราะกำบังตัว
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า เท่าที่จำได้สมัยนายกษิตเป็น รมว.ต่างประเทศ ไม่เคยออกวีซ่าหรือพาสปอร์ตให้คนทำผิดกฎหมาย เพราะสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมาตลอดว่าจะไม่คืนพาสปอร์ตให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีสถานะเป็นผู้หลบหนีคดี แต่มาถึงยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีนายสุรพงษ์เป็นรัฐมนตรี กลับมีการคืนพาสปอร์ตให้ในทันที ดังนั้นจึงต้องถามว่าทำไมถึงคืนพาสปอร์ตให้ หากอ้างว่าใช้ระเบียบและข้อกฎหมายเดียวกันกับนายกษิตเคยใช้ นั่นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะกรณีนี้ต้องเป็นนโยบายหรือการสั่งด้วยวาจา ให้ข้าราชการประจำได้ปฏิบัติ ทั้งนี้การคืนพาสปอร์ตหลังที่ถูกยึดแล้วต้องมีเหตุและผลที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม แต่วันนี้เหตุผลยังเป็นเหตุผลเดิม สถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณก็เหมือนเดิม
“ผมเคยพูดตั้งแต่ต้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่ารัฐบาลชุดนี้มีเสียงข้างมาก ขอให้ระมัดระวังเรื่องการละเมิดกฎหมาย เพราะการที่มีเสียงข้างมากเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยพรรคเดียวจะไม่มีความยับยั้งชั่งใจในการใช้อำนาจ อีกทั้งเจตนาของรัฐบาลชุดนี้ก็ชัดเจนแต่ต้นว่าส่วนใหญ่ทำไปเพื่อคุณทักษิณ จึงมีแต่เรื่องการทำผิดกฎหมาย การละเมิดกฎหมาย ผมอยากเตือนซ้ำอีกครั้งว่าที่สุดแล้วรัฐบาลนี้จะล้มด้วยตัวเองจากการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งจะซ้ำรอยเช่นเดียวกับรัฐบาลของคุณทักษิณ ที่ล้มด้วยตัวเองเพราะการทำผิดกฎหมาย ละเมิดกฎหมายเสียเอง รัฐบาลนี้กำลังเดินย้ำรอยรัฐบาลทักษิณไปทุกขณะ คุณยิ่งลักษณ์ไม่รู้ว่าสิ่งไหนอันตราย เปรียบไปแล้วเหมือนเด็ก 6 ขวบที่เจอปืน แต่ไม่รู้ว่าใช้อย่างไร มีอันตรายอย่างไร วันก่อน แกว่งปืนไปมาใส่คนอื่น แต่วันนี้กำลังจ่อปืนใส่หัวตัวเอง” นายนิพิฏฐ์กล่าว
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า สำหรับกรณีของนายสุรพงษ์ ชัดเจนแล้วว่าเมื่อถูกผู้ตรวจการชี้มูล แต่ยังดึงดันไม่เพิกถอนพาสปอร์ต ทางพรรคประชาธิปัตย์จะหารือเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าภาคประชาชนหรือนักกฎหมายที่มองเห็นความผิด และจะดำเนินการฟ้องคดีอาญา ตามมาตรา 157 และ 149 เพราะมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานประพฤติหน้าที่โดยมิชอบ แสวงหาประโยชน์แก่พวกพ้อง ซึ่งมีโทษสูงถึงติดคุก 20 ปี หรือถึงขั้นประหารชีวิต