“ยุทธศักดิ์” แจงพ่อค้าแม่ค้า 3 จชต.ขายของในวันศุกร์มากว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ชี้เป็นตัววัดแข็งข้อไม่ยอมโจรใต้ขู่ เปิดสาย 1890 แจงเหตุด่วน เล็ง พ.ย.เข้าสู่ภาวะปกติ ยันชาวบ้านไม่หลงอุบายโจรใต้หลังโยนฝีมือ จนท.แจกใบปลิวขู่ ซัดใช้ความรุนแรงครอบงำ เผย 6 เดือนกำลังพลมีความพร้อมตามแผน พร้อมให้ ผอ.ข่าวกรองไทย-มาเลย์ร่วมถกแก้ปัญหา ลั่นปรับแผนไม่ตั้งรับเดินหน้าลุย-คาดหาก ปธน.สหรัฐฯ เยือนไทยหลังศึกเลือกตั้ง รับ กต.ยังไม่แจง
วันนี้ (12 ต.ค.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงมีร้านค้าหลายร้านกลัวไม่กล้าเปิดร้านขายของวันศุกร์ตามคำขู่ของกลุ่มก่อการร้ายในภาคใต้ว่า ได้มีการรายงานมาที่ตนแล้วว่าขณะนี้ร้านค้าในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เกตเปิดหมดแล้ว ส่วนในตลาดมีร้านค้าที่เป็นของชาวไทยพุทธเปิดหมดแล้ว มีเพียงร้านค้าของชาวไทยมุสลิมที่ยังมีหลายแห่งไม่กล้าเปิด ยังรีรอดูอยู่ว่าจะมีความปลอดภัยแค่ไหน เขายังมีความกลัวอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ดีขึ้นกว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
“ดังนั้น โดยสรุปใน 3 จังหวัดมีบางจังหวัดได้เปิดแล้วประมาณ 30% บางจังหวัดก็เปิดเกิน 30% ซึ่งก็ถือว่ายังน้อยอยู่สำหรับชาวไทยมุสลิม สำหรับจังหวัดที่ยังเปิดไม่มากคือยะลา และนราธิวาส ส่วนปัตตานีเปิดมากแล้ว โดยเฉพาะที่เบตงเปิด 100 เปอร์เซ็นต์” รองนายกฯ กล่าว และว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เปิดสายด่วนอุ่นใจ 1890 หากประชาชนมีปัญหา หรือประสบเหตุสามารถแจ้งได้ เมื่อถามว่า ความจริงตัวที่จะชี้วัดว่าจะสามารถต่อสู้กับกลุ่มโจรได้หรือไม่คือการเปิดร้านของชาวไทยมุสลิมไม่ใช่หรือ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่เป็นอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มนี้เขาพยายามปล่อยข่าวว่า การให้หยุดวันศุกร์นั้นไม่ใช่เป็นการกระทำของเขา แต่กลับโยนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ไทยที่ต้องการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องไปทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่และประชาชนว่าเรื่องนี้เป็นการสั่งการมาจากบางรัฐนอกประเทศ ใบปลิวข่มขู่ต่างๆ ก็ไม่ได้พิมพ์จาก 3 จังหวัดภาคใต้ แต่มาจากจังหวัดอื่น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชาวมุสลิมส่วนใหญ่มีความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะหลังจากมีการแจกเอกสารของจุฬาราชมนตรีเกี่ยวกับหลักศาสนาของเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้นกลุ่มนี้จะบิดเบือนอย่างไรก็ไม่เป็นผล ตอนนี้ชาวบ้านแค่กลัวเท่านั้น ไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่จะคุ้มครองเขาได้ตลอดหรือไม่ และเขาจะถูกคุกคามด้วยความรุนแรงหรือไม่ ทั้งนี้ ในแง่ของจิตวิทยาการเอาชนะด้วยความกลัวจะไม่ยั่งยืน ดังนั้นเราต้องพยายามจะทำให้ชาวบ้านมีความมั่นใจในความปลอดภัย และสุดท้ายเขาก็จะหันมาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น
รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับเหตุการณ์ลอบยิงที่เกิดขึ้นทุกวันในขณะนี้เป็นเพราะเขาต้องการพยายามสร้างความกลัวเพื่อควบคุมประชาชน ซึ่งเราประเมินสิ่งที่กลุ่มก่อการร้ายทำความรุนแรงในขณะนี้ คือ 1. เพื่อต้องการไล่ชาวพุทธออกจากพื้นที่ 2. เขาจะปกครองชาวมุสลิมด้วยความกลัวในพื้นที่ต่อไป เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะต้องเข้าไปแก้ปัญหานี้ให้ได้ ต้องดูแลทั้งชาวพุทธและมุสลิมให้ทำมาหากินในพื้นที่ได้และมั่นใจในความปลอดภัย โดยขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่นั้นยังอยู่ในแผนเตรียมการที่จะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ให้มากขึ้น โดยต้องการให้มีกำลังตำรวจเพิ่มอีก 5 พันนาย กำลังทหารอีก 4 หมื่นนาย และอาสาสมัครอีก 2,700 คนซึ่งมีอยู่ในแผนหมดแล้ว งบประมาณก็มีแล้ว จะเรียบร้อยภายใน 6 เดือน ซึ่งทั้งหมดจะเน้นในเรื่องของความปลอดภัย
เมื่อถามว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติเมื่อไหร่ที่ถูกข่มขู่หยุดขายวันศุกร์ รองนายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าเดิมซึ่งเราคงต้องใช้เวลาบ้าง “เราจะพยายามทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติให้ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้” อย่างไรก็ตาม กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ทาง รมว.ต่างประเทศกำลังมีการประสานอยู่โดยเฉพาะเรื่องของคน 2 สัญชาติ ส่วนเรื่องการข่าวก็มีการแลกเปลี่ยนกันตลอด และประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนจะให้ ผอ.ข่าวกรองแห่งชาติของเราไปร่วมประชุมกับสำนักงานข่าวกรองของเขา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีคำขู่หยุดขายของวันศุกร์ หน่วยข่าวมีการประเมินหรือไม่ว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะออกมาเล่นในรูปแบบไหนอีกบ้าง พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ตนกำลังคิดว่าเราจะเปลี่ยนวิธี คือเราจะไม่เป็นฝ่ายรับอย่างเดียวแล้ว และไม่มานั่งแก้ปัญหาไปซะทุกเรื่องเหมือนที่ผ่านมาแล้ว
“ผมได้โทร.คุยกับทาง ผบ.ทบ.และแม่ทัพภาคที่ 4 แล้วว่า เราต้องมานั่งคิดกันใหม่ว่าเราต้องเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุก ต่อไปต้องทำงานเป็นฝ่ายรุกตลอด ซึ่งจะรุกอย่างไรก็ต้องรอคุยกันก่อน” รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าทำไมเราไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปค้นบนเขาที่เวลากลุ่มก่อการร้ายก่อเหตุแล้วก็จะหนีไปอยู่บนเขา รองนายกฯ กล่าวว่าไม่มี พวกนี้ไม่หนีไปอยู่บนเขาหรือในป่า เขาทำงานเสร็จก็กลับไปบ้านเขา และที่ผ่านมาเราจับได้บนบ้านทุกคน
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวถึงกระแสข่าว นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมาอย่างเป็นทางการ เพราะในเดือนพฤศจิกายนจะมีการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการรณรงค์เลือกตั้งอย่างเข้มข้น จึงต้องดูก่อนว่าผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไร ขณะนี้เป็นเพียงแผนของการเดินทาง แต่การประสานงานยังต้องรอก่อน แต่ถ้าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินทางมาในอาเซียนก็จะมีแผนเดินทางมาประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ ตนคิดว่าคงจะยังไม่เดินทางมาไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่ถ้าเดินทางมาอาจจะเป็นช่วงหลังเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการต่างประเทศก็ยังไม่มีการพูดเรื่องนี้แต่อย่างใด