ผ่าประเด็นร้อน
หากอยู่วงนอกรับรองว่าข่าวคราวเรื่องปรับคณะรัฐมนตรียังไปเรื่อยๆ เรียงๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เหมือนไม่มีความขัดแย้ง แข่งขัน บรรยากาศที่เห็นจึงดูเงียบสงบพิกล อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากร่องรอยที่เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็น การให้สัมภาษณ์ของบางคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยรับรองว่าไม่ธรรมดาแน่นอน
เพราะเป็นสภาพสะท้อนของความขัดแย้งกันภายในอย่างชัดเจน มีการแบ่งก๊วนแบ่งกลุ่มให้เห็น แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วคนพวกนี้จะมี นายใหญ่ คนเดียวกัน แต่เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีก็ต้องมีการขัดขาฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ก่อน
หากจับความเคลื่อนไหวดังกล่าวเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดร้ายแรงกรณีทุจริตที่ธรณีสงฆ์แปลงมาเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ ว่ากันว่าฝ่ายที่แอบ “แทงข้างหลัง” เคลื่อนไหวใต้ดินขับไล่ให้ออกจากตำแหน่งล้วนแล้วแต่เป็นคนใน คนกันเองด้วยกันทั้งสิ้น จนในที่สุด “ยงยุทธ” ต้องกัดฟันลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอย่างโดดเดี่ยว และต่อมาด้วยข้อกังวลเรื่องข้อกฎหมายที่อาจต้องตายพร้อมกันแบบ “ยกเข่ง” ทำให้ต้องลาออกจาก ส.ส.และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับกระแสกดดันให้ “ยงยุทธ” พ้นจากเก้าอี้ที่มาจากคนในด้วยกัน เพราะตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ล้วนใหญ่โตเบ้อเริ่ม มีความสำคัญยิ่งยวด ไม่ว่าจะเป็น รองนายกฯอันดับ 1 มท.1 ตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 2 จนมาถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แน่นอนว่าย่อมเป็นที่หมายปอง เพราะนั่นหมายถึงอำนาจและสามารถสร้างเครือข่ายไปได้ทั่วประเทศ
ความเคลื่อนไหวที่สะท้อนภาพออกมาให้เห็นถึงความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทยที่เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นก็คือการเดินทางไปฮ่องกงไปพบกับ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการเคลื่อนไหวที่เป็นลักษณะ “แห่กันไป” จนแทบจะเรียกว่าเที่ยวบินเต็มทุกเที่ยว ถึงขนาดบังเอิญว่าการบินไทยได้ประเดิมเครื่องบินแอร์บัส เอ 380-800 ที่เพิ่งได้รับมอบมาหมาดๆ เปิดเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ฮ่องกง ราวกับว่าต้องการรองรับนักการเมืองและข้าราชการที่บินไปหา ทักษิณ ชินวัตร ที่นั่น
แต่ที่ต้องโฟกัสให้เห็นภาพเป็นจุดเด่นยืนอยู่แถวหน้าก็คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ถูกมองว่ากำลังเคลื่อนไหวแบบไม่ให้เห็นว่าเคลื่อนไหว ว่าต้องการนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงการได้นั่งควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งเก้าอี้ถือว่าเป็นยอดปราถนาสูงสุด เพราะนั่นเท่ากับว่าเขามีสถานะและไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรีตัวจริง เป็นการทำหน้าที่แทน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาสา “รับล่อเป้า” แทนในทุกเรื่อง ซึ่งเชื่อว่าด้วยความเขี้ยวของเขา สามารถทำได้ดี
และที่ต้องจับตาก็คือการใช้ลูกเล่นเก่าๆ มาหากินอีกรอบก็คือการ “รับอาสา” ที่จะพา ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านโดยไม่ต้องรับความผิด ซึ่งหากติดตามความเคลื่อนไหวของเขามาอย่างต่อเนื่องระยะหลังไม่เคยพลาดคิวที่จะไปพบกับทักษิณในทุกเวที ไม่เว้นแม้แต่การไปชมการแข่งรถสูตร 1 ที่สิงคโปร์ ที่คราวนั้นถึงกับมีข่าวว่าหนีบเอา “ลูกน้องคนสนิท” อย่าง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ไปด้วย คราวนี้ก็เช่นเดียวกันกำหนดการไปฮ่องกงทั้งสองก็จับคู่ไปด้วยกันอีก เพียงแต่ว่าปฏิเสธคอเป็นเอ็นว่าไม่ได้ไปพบทักษิณ ให้กลายเป็นเป้าถูกวิจารณ์เหมือนคราวก่อน แม้ว่าจะมีภาพจากสื่อฮ่องกงจับได้ มีภาพปรากฏเป็นหลักฐานว่า “เมาปลิ้น” อยู่ที่นั้นก็ไม่มีทางยอมรับเป็นอันขาด
อย่างไรก็ดี นั่นไม่ใช่ประเด็น ปฏิเสธได้ปฏิเสธไป เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องออกรูปนี้ เพียงแต่ต้องการฉายภาพให้เห็นว่าในความเคลื่อนไหวที่แสดงออกให้เห็นว่าตัวเองไม่ได้เคลื่อนไหว “ขอเก้าอี้” จากทักษิณ แต่มันก็เก็บอาการไม่มิด โดยเฉพาะความอยากนั่งเก้าอี้ที่มหาดไทย ควบรองนายกฯเสียบแทน ยงยุทธ และการ “ตีกันคู่แข่ง” กล่าวหาปล่อยข่าวเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีว่าจะชวดตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเป็นไปได้ นาทีนี้สำหรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตัวเต็งที่อยู่ในอันดับต้นๆ รับรองว่าต้องมีชื่อของ ภูมิธรรม เวชชยชัย ที่นั่งเป็นผู้อำนวยการพรรคอยู่ในปัจจุบัน เพราะที่ผ่านมาถือว่า “รับใช้ใกล้ชิด” ทั้ง ทักษิณ และ พจมาน ณ ป้อมเพชร มานาน แน่นอนว่า นานกว่า เฉลิม อยู่บำรุง แน่นอน!!