รายงานการเมือง
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาฮ่องกงคึกคักเป็นพิเศษ คลาคล่ำไปด้วยรัฐมนตรีและ ส.ส.จากประเทศไทย ไม่ได้มีเทศกาลหรือลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลอะไรหรอก แต่เป็นที่รู้กันดีว่า “ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหนีคดีอาญาจากประเทศไทย เดินทางมากบดานอยู่ 3-4 วัน
ด้วยความเชื่อฝังใจว่า ผู้มีอำนาจสูงสุด บงการทุกสิ่งทุกอย่างในรัฐบาลชุดนี้ยังคือ “ไอ้หน้าเหลี่ยม” จึงต้องยกโขยงกันไปพินอบพิเทา แม้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี สมองห่วยจะพยายามย้ำแล้วย้ำอีกว่าอำนาจการตัดสินใจปรับครม.อยู่ที่เมืองไทย อยู่ในมือของนายกฯผู้นี้ แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ ไม่มีใครเชื่อมากนัก ภาพการจับเครื่องบินไปพบนักโทษหลบหนีคดีฟ้องชัดเจนว่าความจริงคืออะไร
จะปรับ ครม.ทีก็เช็กข่าวกันวุ่นวายว่า “ทักษิณ” อยู่ไหน จะได้ไปแลบลิ้นเลียกันถึงหน้าแข้ง!!
คิดไปก็น่าสงสาร “ยิ่งลักษณ์” พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างบารมี สร้างพาวเวอร์ให้ตัวเองดูมีความน่าเกรงขาม ผู้คนให้ความเคารพนับถือ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะชื่อชั้นทางการเมืองของ “ปูนิ่ม” ยังอ่อนหัด แบเบาะ ประสบการณ์ความเก๋า ความเก่ง ไม่มี จะมีก็เพียงแต่ความมุ่งม่นตั้งใจเท่านั้นที่พอเห็นชัด บวกกับหน้าสวยๆ ยิ้มใสๆ ทำให้ได้ใจใครต่อใครไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
นักการเมืองจำพวกเขี้ยวลากดิน ซือแป๋ 7 ป่าช้า ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะรู้ดีว่าอันไหนของจริงของปลอม หากนายกฯ สวยใสไร้สมองคนนี้ไม่ใช่น้องผู้มีบารมีที่กุมชะตาชีวิตทางการเมืองไว้ คงไม่เหลือความเกรงใจกันเลยละมั้ง
และใช่ว่าจะมีแต่ “ทักษิณ” นักโทษหลบหนีคดี พี่ชายที่ทำให้น้องปู ดูขาดความน่าเชื่อถือ ไม่มีอำนาจใดๆ เลย เป็นเพียงตุ๊กตาบาร์บี้ตัวหนึ่งที่ต้องรอการชักใย แต่ยังมีพี่สาวอย่าง “เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” อีกคนที่ดูจะแย่งซีนไปหมดทุกเรื่อง
ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ เข้าไปยุ่งเกี่ยวมันซะทุกเรื่องใคร ใครใกล้ชิดหรืออยู่ในสังกัด “เจ็แดง” เป็นต้องได้ดิบได้ดีกันทุกคน
จึงไม่แปลกที่เมื่อถึงคราวปรับทัพบริหารราชการแผ่นดิน บรรดาพวกกระสันอยากเป็นเสนาบดีต้องวิ่งเข้าหา 2 คนนี้แทนที่จะเป็น นายกฯ ตุ๊กตาบาร์บี้ ที่เอาแต่โอบอุ้มกลุ่มคนของตัวเองเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่สนใจ
น่าตลกที่วัฒนธรรมการปรับ ครม.ช่างเข้ากับสำนวนที่ว่า “ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร” ไม่ได้วัดกันที่ผลงานหรือความสามารถ แต่วัดกันที่คุณเป็นเด็กของใคร อำนาจต่อรองสูงแค่ไหนต่างไหนต่างหาก
คนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานให้ตายยังไงก็ไม่มีทางการันตีเก้าอี้ไว้ได้ ดังนั้นจึงพาลนึกในใจว่าจะทำดีหาพระแสงอะไร ทำแค่ไหนก็ “ไม่ได้ไปต่อ” สู้โกงกินให้อิ่มหนำสำราญจะดีกว่า วันหนึ่งถ้าต้องหลุดไปก็ไม่เสียหลายถอนทุนมาแล้วอื้อซ่า
ได้ที่โพนทะนาหน้าจอกันปากเปียกปากแฉะ จะพิจารณาคนมาเป็นครม.จากความรู้ความสามารถ ความเหมาะสม “ดัดจริต” ทั้งนั้น แม้แต่เด็กอมมือยังรู้ว่านิทานหลอกเด็ก โกหก ตอแหล ไปวันๆ
จะว่าไปวัฒนธรรมอันชั่วร้ายอันนี้ “ทักษิณ” นั่นแหละเป็นคนสร้างมันขึ้นมา แรกๆ ก็อาจมีบ้างที่จะพิจารณาเรื่องผลงาน แต่วันนี้ความอยากกลับบ้านเกิดมันบดบังหูตาหมดแล้ว ใครมีข้อเสนอพากลับบ้านได้ โดยไม่ต้องรับโทษทัณฑ์จากความเลวทรามที่ทำไว้ น่าจะเข้าวินก่อนเพื่อน
อย่าง เฉลิม อยู่บำรุง เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดก่อนหน้านี้นักโทษหลบหนีคดีอย่าง “ทักษิณ” ไม่ค่อยชอบพอหรือไว้วางใจสักเท่าไหร่ เพราะรู้ดีกรีความกลมจนไร้เหลี่ยม หลบลี้หนีภัยเก่งเมื่อภัยมาถึงตัว แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนไปเริ่มคลายปม เปิดทางให้ “เป็ดเหลิม” ทดลองนั่งในตำแหน่งรักษาการรองนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 แทน “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” รวมทั้งควบรวมกิจการ มท.1 เข้าไปด้วย ดีไม่ดีหากผลงานเข้าตาอาจได้นั่งถาวรเลยก็เป็นได้!!
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับสัญญาณการปรับ ครม. คาดว่าจะเป็นหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาศัยโอกาสนี้ล้างบัญชีใหม่หมด ใครมีแผลก็ยืมมือฝ่ายค้านชำแหละให้สิ้นไส้ และถือโอกาสเตะออก ก่อนกดซักโครกทิ้งทำความสะอาดเก้าอี้ รอคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน
การปรับ ครม.หลังศึกซักฟอก จะเป็นการดูดซับแรงกระแทกไม่ให้มาถึงตัวนายกฯคนเดียว ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะหากปรับไปก่อน รัฐมนตรีที่ถูกฝ่ายค้านจ้องซักฟอกไม่อยู่ทุกสิ่งอย่างก็จะถาโถมใส่ “ยิ่งลักษณ์” ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดและเป็นการฆ่ารัฐบาลทางอ้อม
ระหว่างนี้บรรดาบ้านเลขที่ 111 รัฐมนตรีทั้งเก่าใหม่ และ ส.ส.จึงอยู่ในช่วงสะสมไมล์ บินไปพบนายใหญ่ เพื่อต่อรองขอตำแหน่งไม่เว้นแต่ละวัน หวังความเมตตากรุณาจากนักโทษหนีคดี ดลบันดาลให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีสักตัว เห็นแล้วก็นึกสมเพชเวทนาคนเหล่านี้ ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนขาขวิด ใช้ขากับลิ้น-น้ำลายทำงานแทนหัวสมอง
งานต่างๆ ชั่วโมงนี้จึงไม่เดินหน้า กลายเป็นช่วงสุญญากาศอย่างแท้จริง รัฐมนตรี ข้าราชการ ใส่เกียร์ว่างกันเป็นแถว สร้างความปวดอกปวดใจให้กับ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” เหลือจะกล่าว แม้จะยื้อการปรับครม.เรื่อยมา แต่สภาพทุกลักทุเลยื้อต่อไปลำบาก
น่าจะใช้โอกาสนี้ปรับครั้งใหญ่โตมโหฬารไปเสียทีเดียว แก้เผ็ดพวกที่ยึดโยงกับพี่ชาย ใครไปพินอบพิเทา สะสมไมล์เยอะๆ งานการไม่ทำ โดนหมายหัวไว้แล้ว
ถึงเวลาเหมาะที่ “ยิ่งลักษณ์” จะแสดงอิทธิฤทธิ์อิทธิเดช ให้ได้รับรู้กันมั่งว่าอำนาจที่แท้จริงอยู่ในประเทศไทย เรียกแต้ม เรียกบารมีคืนจากพี่ชายแบบชนิดหักมุม ใครที่เทน้ำหนักไปให้ค่าแค่ “ทักษิณ” ฝ่ายเดียวไม่เหลียวแล “น้องปู” ต้องระวังให้ดีเก้าอี้จะหลุดหายโดยไม่คาดคิด ส่วนที่ที่เฝ้าหวังอาจ “วืด” ข้อหา “ปูไม่ปลื้ม” เจอมุขนี้พี่ชายหนีคดีอาจช่วยเหลืออะไรไม่ได้เหมือนกัน
ทั้งหมดทั้งปวงก็เป็นปรากฏการณ์แย่งชิง ยื้อยุดเก้าอี้ ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้อยู่เนืองๆ เมื่อวิเคราะห์ถึงความถูกต้องเหมาะสมแล้ว ต้องบอกว่า “รับไม่ได้” ตรรกะการได้มาซึ่งเก้าอี้ไม่มีความสง่างาม ไม่ได้อยู่ที่ความรู้ความสามรถ อยู่ที่เด็กใคร สร้างประโยชน์กอบโกยได้แค่ไหน และสร้างโอกาสให้ “ทักษิณ” กลับบ้านได้มากเท่าใด
คิดแล้วก็หดหู่กับการบริหารอำนาจของรัฐบาลชุดนี้!!