รายงานการเมือง
ช่วงเวลาที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี มีความสุขที่สุดในการทำหน้าที่ผู้นำประเทศก็คงเป็นช่วงเวลาที่ได้ออนทัวร์ออกเปิดหูเปิดตานอกประเทศ เพราะไม่ต้องปวดหัวกับงานราชการที่ยากเกินรับไหว หรือต้องทนฟังคำพูดคำจาเสียดสีทิ่มแทงใจจากฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ แถมไม่ต้องตอบคำถามแสลงหูจากนักข่าวฝีปากกล้าอีกต่างหาก
ส่วนเรื่องงานก็ไม่ยาก เวลาไปนอก “ยิ่งลักษณ์” แค่นั่งปั้นหน้าสวยให้สมกับเป็น “พรีเซนเตอร์ไทยแลนด์” บางแห่งจัดชุดประจำชาติให้ใส่รางกับเป็น “ตุ๊กตาบาร์บี้” เธอก็จัดให้ไม่เกี่ยงงอน
ว่ากันถึง “ทริปโกอินเตอร์” เที่ยวนี้ที่กินเวลา 1 สัปดาห์เต็มๆ กับภารกิจร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ สมัยที่ 67 (UNGA 67) ที่นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 23 - 29 ก.ย.นี้ ซึ่งถือเป็นงานรูทีนที่นายกฯไทยทุกคนต้องไปร่วมเป็นประจำ ครั้งที่จดจำกันได้ดีที่สุดคงเป็นสมัย “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เดินทางไปเมื่อปี 2548 และถูกยึดอำนาจ ต้องพเนจรอยู่นอกประเทศอยู่นานสองนาน
มาวันนี้กลิ่น “รัฐประหาร” ยังไม่คลุ้ง อุณหภูมิการเมืองยังอุ่นๆ องศาไม่ถึงจุดเดือด เรื่องที่จะมีชะตากรรมซ้ำรอย “พี่ชาย” ก็หมดห่วงไปด้วย
ความน่าสนใจของหมายกำหนดการเยือนสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่ออกเดินทางเมื่อวันที่ 23 ก.ย. “ยิ่งลักษณ์” และคณะ ออกเดินทางจาก กทม.ตั้งแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าไปยังกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาราม เพื่อเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรสของพระราชธิดาของ “สุลต่านบรูไนฯ” ก่อน
งานนี้นอกจากผู้นำประเทศต่างๆโดยเฉพาะในอาเซียนที่เป็น “แขกวีไอพี” แล้ว ก็ยังมีนักโทษหนีคดีที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ไปร่วมงานด้วย หลังแวะโฉบดูรถแข่งเอฟวันที่สิงคโปร์เสร็จก็บินต่อเข้าบรูไนทันที
เป็นที่รับรู้กันดีว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “สุลต่านฮาซินัล โบเกียะห์” กับ “ทักษิณ” นั้นแนบแน่นมาช้านาน ครั้งหนึ่งอดีตนายกฯไทยยังเคยยกให้ “สุลต่านบรูไนฯ” เป็นพี่ชายคนโต ส่วนตัวเองเป็นน้องคนรอง มีน้องคนเล็กชื่อ “ฮุนเซน” นายกฯแห่งกัมพูชาที่ก็มาร่วมงานมงคลครั้งนี้ด้วย
ดังนั้นงานสำคัญระดับนี้มีหรือที่ “แม้ว” จะพลาด
ที่สำคัญช่วงเวลาสั้นๆ 4 ชั่วโมงเต็มที่ “นายกฯยิ่งลักษณ์” ไปร่วมงานนั้น ก็ถือเป็นจังหวะเหมาะที่จะได้ปะหน้า “พี่ชาย - น้องสาว” แบบตัวเป็นๆ จิ้งจกแถวนั้นกระซิบบอกมาว่างานนี้ “เจ้าภาพ” จัดห้องพิเศษภายในพระราชวังหลวงให้ “พี่แม้ว - น้องปู” ได้ทักทายเซย์ฮัลโหลตามประสาพี่น้อง แถมวาระสำคัญในการกางโผจัดทัพ “ครม.ปู 3” กับแบบเอ็กซ์คลูซีฟอีกต่างหาก
เรื่องที่ “น้องสาว” จะพบ “พี่ชาย” คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็รู้กันอยู่ว่า “พี่ชาย” เป็นนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน “น้องสาว” ก็เป็นถึงนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แต่ก็คงทำได้แค่ส่ายหัวระอาใจกับการเมืองยุค “มีวันนี้เพราะพี่ให้”
อย่างไรก็แล้วแต่คาดว่าเมื่อ “ปูและคณะ” ปิ๊กบ้านรอบนี้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ได้เห็นหน้าค่าตา “ครม.” ชุดใหม่แน่นอน
ถัดจากหมายเฉพาะกิจที่บรูไนแล้ว คณะนายกฯไทยก็บินต่อไปยัง สนามบินนาริตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่าเป็นการแวะพักเติมน้ำมันตามปกติ แถมด้วยการ “ฆ่าเวลา” ด้วยการ “ช้อปปิ้ง” เบาๆ ก่อนโดดขึ้นเครื่องยิงตรงเข้าเมืองมะกัน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามหมายกำหนดการ
เมื่อถึง “นิวยอร์ค” ก็เข้าสู่โหมดการทำงานอย่างเป็นทางการ ไล่เรียงดูกำหนดการที่ยาวเป็นหางว่าว ก็จะเห็นว่า “ยิ่งลักษณ์” คิวแน่นเอี๊ยดตั้งแต่เช้ายันค่ำของทุกวัน ทั้งกล่าวสุนทรพจน์และร่วมประชุมหลายเวที เยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ หารือทวิภาคีกับหลายประเทศ ร่วมงานเลี้ยงรับรอง และให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ เห็นคิวงานแบบนี้ใครจะว่าเธอไปเที่ยวอย่างเดียวก็ดูจะใจร้ายเกินไป เพราะงานชุกจนล้นไปจนถึงดึกดื่นของวันที่ 27 ก.ย.ซึ่งเป็นวันเดินทางกลับอีกด้วย
ด้านหนึ่งก็นั่งนึกชื่นชมที่ผู้นำประเทศเอาการเอางานขนาดนี้ แต่กลับต้องมาสะดุดกับแผ่นสุดท้ายของกำหนดการที่ระบุว่าวันที่ 28 ก.ย. คณะนายกฯออกเดินทางจากนิวยอร์ค พักแวะเครื่องที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งไม่ใช่เส้นทางปกติของการบินจากสหรัฐฯมาเมืองไทย
มองในแง่ดีอาจเป็นการแวะเติมน้ำมันเช่นเดียวกับขาไปที่ประเทศญี่ปุ่น แต่กระทั่ง “ทีมงานกองโฆษกทำเนียบ” เองที่เป็นคนพิมพ์หมายกำหนดการฉบับนี้ก็ต้องประหลาดใจว่า เหตุใดนายกฯจึงเลือกอ้อมเครื่องบินไปทางยุโรป ซึ่งระยะทางไกลกว่าการบินกลับทางมหาสมุทรแปซิฟิคตามปกติ
นอกไปจากนั้นการเดินทางครั้งนี้ยังเป็น “เที่ยงบินพิเศษ” หรือเช่าเหมาลำกันไปในราคาแพงระยับ การจะบินตรงกลับบ้านรวดเดียวเลยก็คงไม่ใช่เรื่องยาก โดยการเดินทางครั้งนี้รัฐบาลได้เช่าเหมาลำ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ใช้เครื่องแอร์บัส A340 - 500s ที่ใช้ในการบินพิสัยไกล และเป็นเครื่องที่เคยบินแบบ “นอนสตอป” ระหว่าง กทม. - นิวยอร์ก มาแล้วก่อนที่การบินไทยฯจะยกเลิกเที่ยวบินดังกล่าวไป
ดูจากปูมหลังของเครื่องที่ใช้ ยิ่งไร้เหตุผลในการแวะจอดกลางทางไปกันใหญ่
การเจาะจงที่จะใช้เวลาพักเครื่อง 3 - 4 ชั่วโมงใน “กรุงโรม” หนึ่งในเมืองหลวงทางด้านแฟชั่นของโลก เป้าหมายก็คงหนีไม่พ้น “ช้อปปิ้ง” เดาว่า “ยิ่งลักษณ์” คงถอด “หมวกนายกฯ” เดินตะลุยช้อปสินค้าแบรนด์เนมแบบจัดหนัก หลังจากที่อุ่นเครื่องเบาๆไปแล้วที่ญี่ปุ่น
ที่สำคัญหลังจากถูกดันก้นขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกฯ ก็ยังหาจังหวะเหมาะๆออกโรงช้อปเหมือนเคยไม่ได้เลย หายห่างจากการอัพเดทคอลเลคชั่นใหม่ๆไปพอสมควร บางโอกาสยังเป็น “พี่แม้ว” ที่ออกช้อปแทน และส่งมาให้ถึงเมืองไทยด้วยซ้ำ
งานนี้คงได้จังหวะปลดปล่อยความเป็น “ช้อปอะฮอลิก” หรือโรคติดการช้อปปิ้งกันเต็มที่ แม้เวลาอาจจะน้อยไปนิด แต่คงหายอยากไปได้บ้าง
เรียกว่าจบทริปแบบแฮปปี้ๆ ฟินๆ ...ฟินาเล่กันไป
ช่วงเวลาที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี มีความสุขที่สุดในการทำหน้าที่ผู้นำประเทศก็คงเป็นช่วงเวลาที่ได้ออนทัวร์ออกเปิดหูเปิดตานอกประเทศ เพราะไม่ต้องปวดหัวกับงานราชการที่ยากเกินรับไหว หรือต้องทนฟังคำพูดคำจาเสียดสีทิ่มแทงใจจากฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ แถมไม่ต้องตอบคำถามแสลงหูจากนักข่าวฝีปากกล้าอีกต่างหาก
ส่วนเรื่องงานก็ไม่ยาก เวลาไปนอก “ยิ่งลักษณ์” แค่นั่งปั้นหน้าสวยให้สมกับเป็น “พรีเซนเตอร์ไทยแลนด์” บางแห่งจัดชุดประจำชาติให้ใส่รางกับเป็น “ตุ๊กตาบาร์บี้” เธอก็จัดให้ไม่เกี่ยงงอน
ว่ากันถึง “ทริปโกอินเตอร์” เที่ยวนี้ที่กินเวลา 1 สัปดาห์เต็มๆ กับภารกิจร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ สมัยที่ 67 (UNGA 67) ที่นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 23 - 29 ก.ย.นี้ ซึ่งถือเป็นงานรูทีนที่นายกฯไทยทุกคนต้องไปร่วมเป็นประจำ ครั้งที่จดจำกันได้ดีที่สุดคงเป็นสมัย “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เดินทางไปเมื่อปี 2548 และถูกยึดอำนาจ ต้องพเนจรอยู่นอกประเทศอยู่นานสองนาน
มาวันนี้กลิ่น “รัฐประหาร” ยังไม่คลุ้ง อุณหภูมิการเมืองยังอุ่นๆ องศาไม่ถึงจุดเดือด เรื่องที่จะมีชะตากรรมซ้ำรอย “พี่ชาย” ก็หมดห่วงไปด้วย
ความน่าสนใจของหมายกำหนดการเยือนสหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่ออกเดินทางเมื่อวันที่ 23 ก.ย. “ยิ่งลักษณ์” และคณะ ออกเดินทางจาก กทม.ตั้งแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าไปยังกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาราม เพื่อเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรสของพระราชธิดาของ “สุลต่านบรูไนฯ” ก่อน
งานนี้นอกจากผู้นำประเทศต่างๆโดยเฉพาะในอาเซียนที่เป็น “แขกวีไอพี” แล้ว ก็ยังมีนักโทษหนีคดีที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ไปร่วมงานด้วย หลังแวะโฉบดูรถแข่งเอฟวันที่สิงคโปร์เสร็จก็บินต่อเข้าบรูไนทันที
เป็นที่รับรู้กันดีว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “สุลต่านฮาซินัล โบเกียะห์” กับ “ทักษิณ” นั้นแนบแน่นมาช้านาน ครั้งหนึ่งอดีตนายกฯไทยยังเคยยกให้ “สุลต่านบรูไนฯ” เป็นพี่ชายคนโต ส่วนตัวเองเป็นน้องคนรอง มีน้องคนเล็กชื่อ “ฮุนเซน” นายกฯแห่งกัมพูชาที่ก็มาร่วมงานมงคลครั้งนี้ด้วย
ดังนั้นงานสำคัญระดับนี้มีหรือที่ “แม้ว” จะพลาด
ที่สำคัญช่วงเวลาสั้นๆ 4 ชั่วโมงเต็มที่ “นายกฯยิ่งลักษณ์” ไปร่วมงานนั้น ก็ถือเป็นจังหวะเหมาะที่จะได้ปะหน้า “พี่ชาย - น้องสาว” แบบตัวเป็นๆ จิ้งจกแถวนั้นกระซิบบอกมาว่างานนี้ “เจ้าภาพ” จัดห้องพิเศษภายในพระราชวังหลวงให้ “พี่แม้ว - น้องปู” ได้ทักทายเซย์ฮัลโหลตามประสาพี่น้อง แถมวาระสำคัญในการกางโผจัดทัพ “ครม.ปู 3” กับแบบเอ็กซ์คลูซีฟอีกต่างหาก
เรื่องที่ “น้องสาว” จะพบ “พี่ชาย” คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็รู้กันอยู่ว่า “พี่ชาย” เป็นนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน “น้องสาว” ก็เป็นถึงนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แต่ก็คงทำได้แค่ส่ายหัวระอาใจกับการเมืองยุค “มีวันนี้เพราะพี่ให้”
อย่างไรก็แล้วแต่คาดว่าเมื่อ “ปูและคณะ” ปิ๊กบ้านรอบนี้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ได้เห็นหน้าค่าตา “ครม.” ชุดใหม่แน่นอน
ถัดจากหมายเฉพาะกิจที่บรูไนแล้ว คณะนายกฯไทยก็บินต่อไปยัง สนามบินนาริตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุว่าเป็นการแวะพักเติมน้ำมันตามปกติ แถมด้วยการ “ฆ่าเวลา” ด้วยการ “ช้อปปิ้ง” เบาๆ ก่อนโดดขึ้นเครื่องยิงตรงเข้าเมืองมะกัน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามหมายกำหนดการ
เมื่อถึง “นิวยอร์ค” ก็เข้าสู่โหมดการทำงานอย่างเป็นทางการ ไล่เรียงดูกำหนดการที่ยาวเป็นหางว่าว ก็จะเห็นว่า “ยิ่งลักษณ์” คิวแน่นเอี๊ยดตั้งแต่เช้ายันค่ำของทุกวัน ทั้งกล่าวสุนทรพจน์และร่วมประชุมหลายเวที เยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ หารือทวิภาคีกับหลายประเทศ ร่วมงานเลี้ยงรับรอง และให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ เห็นคิวงานแบบนี้ใครจะว่าเธอไปเที่ยวอย่างเดียวก็ดูจะใจร้ายเกินไป เพราะงานชุกจนล้นไปจนถึงดึกดื่นของวันที่ 27 ก.ย.ซึ่งเป็นวันเดินทางกลับอีกด้วย
ด้านหนึ่งก็นั่งนึกชื่นชมที่ผู้นำประเทศเอาการเอางานขนาดนี้ แต่กลับต้องมาสะดุดกับแผ่นสุดท้ายของกำหนดการที่ระบุว่าวันที่ 28 ก.ย. คณะนายกฯออกเดินทางจากนิวยอร์ค พักแวะเครื่องที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งไม่ใช่เส้นทางปกติของการบินจากสหรัฐฯมาเมืองไทย
มองในแง่ดีอาจเป็นการแวะเติมน้ำมันเช่นเดียวกับขาไปที่ประเทศญี่ปุ่น แต่กระทั่ง “ทีมงานกองโฆษกทำเนียบ” เองที่เป็นคนพิมพ์หมายกำหนดการฉบับนี้ก็ต้องประหลาดใจว่า เหตุใดนายกฯจึงเลือกอ้อมเครื่องบินไปทางยุโรป ซึ่งระยะทางไกลกว่าการบินกลับทางมหาสมุทรแปซิฟิคตามปกติ
นอกไปจากนั้นการเดินทางครั้งนี้ยังเป็น “เที่ยงบินพิเศษ” หรือเช่าเหมาลำกันไปในราคาแพงระยับ การจะบินตรงกลับบ้านรวดเดียวเลยก็คงไม่ใช่เรื่องยาก โดยการเดินทางครั้งนี้รัฐบาลได้เช่าเหมาลำ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ใช้เครื่องแอร์บัส A340 - 500s ที่ใช้ในการบินพิสัยไกล และเป็นเครื่องที่เคยบินแบบ “นอนสตอป” ระหว่าง กทม. - นิวยอร์ก มาแล้วก่อนที่การบินไทยฯจะยกเลิกเที่ยวบินดังกล่าวไป
ดูจากปูมหลังของเครื่องที่ใช้ ยิ่งไร้เหตุผลในการแวะจอดกลางทางไปกันใหญ่
การเจาะจงที่จะใช้เวลาพักเครื่อง 3 - 4 ชั่วโมงใน “กรุงโรม” หนึ่งในเมืองหลวงทางด้านแฟชั่นของโลก เป้าหมายก็คงหนีไม่พ้น “ช้อปปิ้ง” เดาว่า “ยิ่งลักษณ์” คงถอด “หมวกนายกฯ” เดินตะลุยช้อปสินค้าแบรนด์เนมแบบจัดหนัก หลังจากที่อุ่นเครื่องเบาๆไปแล้วที่ญี่ปุ่น
ที่สำคัญหลังจากถูกดันก้นขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกฯ ก็ยังหาจังหวะเหมาะๆออกโรงช้อปเหมือนเคยไม่ได้เลย หายห่างจากการอัพเดทคอลเลคชั่นใหม่ๆไปพอสมควร บางโอกาสยังเป็น “พี่แม้ว” ที่ออกช้อปแทน และส่งมาให้ถึงเมืองไทยด้วยซ้ำ
งานนี้คงได้จังหวะปลดปล่อยความเป็น “ช้อปอะฮอลิก” หรือโรคติดการช้อปปิ้งกันเต็มที่ แม้เวลาอาจจะน้อยไปนิด แต่คงหายอยากไปได้บ้าง
เรียกว่าจบทริปแบบแฮปปี้ๆ ฟินๆ ...ฟินาเล่กันไป