มือกฎหมาย ปชป.ห่วงสภาพสังคม ชี้ ระดับแคนดิเดต หน.พรรค พท.ยังรับมีโกง 20% จำนำข้าว ส่วนทีดีอาร์ไอ ระบุ งบขาดทุน 1 แสนล.แถมโพลชี้ ปชช.ยอมรับโกง แต่ต้องมีส่วนแบ่ง ยกระบอบ ปชต.ตรวจสอบโกงดีที่สุด ยังไม่ไหวกับไทย ถามปล่อยไปคงโกงขึ้น 30% แฉงบที่มีคนเกี่ยวข้องน้อยยิ่งโกงหนัก เชื่อ “ปู” งงไม่รู้โกงแบบไหน แต่นั่งนายกฯต้องรับผิดชอบ พร้อมชงอภิปราย รบ.ย้อนอดีตไม่ปล่อยโกงแบบนี้ ปลุกคนไทยนิ่งประเทศพัง คนจนรับเคราะห์หนัก
วันนี้ (7 ต.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ออกตัวสนับสนุนโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ต้องทำต่อพร้อมยอมรับว่า เงินถึงมือชาวนา 80% และมีการทุจริตคอร์รัปชัน 20% ในโครงการดังกล่าวว่า เข้าใจว่า ก่อนหน้านี้ มีนักวิชาการ หรือทีดีอาร์ไอ ออกมาระบุว่า งบประมาณในโครงการจำนำข้าวตกถึงมือชาวนาจริงแค่ 1 ใน 3 ของงบประมาณที่ใช้ไปในฤดูกาลจำนำปี 55 ขาดทุนไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท เมื่อคนระดับรัฐมนตรีกระทรวงหลักในรัฐบาลและกำลังมีข่าวว่าเป็นหนึ่งในแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุ เหมือนเป็นการยืนยันว่าเงินถึงมือชาวนา 80% แต่ก็ยอมรับในที ว่า มีการเปิดทางให้มีการทุจริตคอร์รัปชันถึง 20% คนส่วนใหญ่ในสังคมตกใจแน่ ที่เขายอมรับเช่นนี้ เพราะรู้จุดอ่อนของคนในสังคมเวลานี้ ที่สะท้อนผ่านผลโพล ว่า 64% ของผู้ที่ถูกสำรวจรับได้กับการทุจริตโกงแต่ว่าขอให้ตนมีส่วนที่จะได้รับผลประโยชน์ที่ได้จากการโกงด้วย สะท้อนภาพสังคมเวลานี้ ว่า มีสัญญาณอันตรายแล้ว
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งน่าหนักใจ เพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองที่ตรวจสอบ ถ่วงดุลได้ดีที่สุดแล้ว เพราะระบอบอื่นมีการทุจริตคดโกงมากกว่า แถมตรวจสอบไม่ค่อยจะได้ แต่กลับตาลปัตร ว่า ระบอบที่ดีที่สุดกลับใช้กับสังคมไทยไม่ได้ เพราะขนาด พล.อ.อ.สุกำพล ซึ่งแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่เอง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเวลานี้ ยังยอมรับให้มีการทุจริต ที่สุดแล้วประเทศชาติจะไปไม่รอด และน่าหวั่นใจว่า เมื่อวันนี้เขาเปิดช่องโกง และยอมรับว่า โกงกันที่ 20% ในโครงการจำนำข้าวที่เกี่ยวพันกับคนจำนวนมากเป็นล้านครัวเรือน ในฤดูทำนาปี 56 ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะไม่โกงเพิ่มขึ้นเป็น 30% เพื่อที่จะต้องแบ่งปันผลประโยชน์จากการคอร์รัปชัน โกงมากขึ้น เพื่อหาแนวร่วมหรือคนที่จะได้รับผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ให้เพิ่มมากขึ้นที่จะเป็นญาน เป็นพวกของเขา ขณะที่งบประมาณตัวอื่น เช่น งบน้ำ 1.2 แสนล้านบาท ที่ใช้ไปและพบการทุจริตซึ่งเกี่ยวข้องกับคนจำนวนน้อย เขาทุจริตมากถึง 40% ของงบประมาณ เพราะมันทำง่ายกว่า ถามว่า นายกฯรู้หรือไม่ในจุดอ่อนของรัฐบาลในเรื่องเหล่านี้ เพราะถามนายกฯ ท่านก็คงไม่รู้เรื่องว่ารัฐมนตรีแต่ละกระทรวง เขาใช้ช่องทางใดในการทุจริต แต่ก็ต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล
เมื่อถามว่า แสดงว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน จะตั้งธงซักฟอกเกี่ยวกับการทุจริตเป็นหลัก นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า แน่นอน เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องหลักในการอภิปรายครั้งนี้ แต่ยังคงไม่บอกว่ามีอะไรบ้าง เพราะเก็บข้อมูลอยู่ ซึ่งน่าวิตกในความเสื่อมของสังคมไทย หากเปรียบกับสมัยที่ตนเป็น ส.ส.ใหม่เมื่อ 20 ปีก่อน คนในสังคมไม่ยอมรับการทุจริต พอถูกสื่อตีแผ่การโกง คอร์รัปชัน สังคมกดดัน สื่อกดดัน รัฐบาลอยู่ไม่ได้ แต่วันนี้เปลี่ยนไปหมดและน่ากลัวมาก เพราะการทุจริตจากต้นทุนงบประมาณในการพัฒนาประเทศชาติ โดยการร่วมกันโกงทุกวิถีทางแล้วแต่จะสรรหามา ซึ่งไม่ได้ทุจริตจากงบบริษัท แต่ทุจริตกันจากงบประมาณ จากภาษีของประชาชน
“หากเป็นเช่นนี้ ก็รอวันประเทศไทยล้ม เปรียบไปก็เหมือนเราอยู่ในบ้านหลังใหญ่ คนในบ้าน ไมช่วยรักษาบ้าน แถมยังขโมยเอาของในบ้านออกไป เอามาเป็นสมบัติส่วนตัว จนโครงสร้างบ้านมันผุกร่อน ไม่มีการซ่อมแซม ที่สุดบ้านหลังนี้ก็จะล้มลงมาทับคนในบ้านเอง ซึ่งคนที่รับผลกระทบมากที่สุด ก็คือ คนจน คนรากหญ้า เพราะเมื่อทุกอย่างพัง คนรวยเขารับผลแค่ขาดทุนจากกำไร แต่คนจนล้มละลาย หนี้สินท่วมตัว มันกระทบและลามไปหมด เพราะวันนี้ค่านิยมสังคมไทยเปลี่ยนไป หรือสังคมไทยจะรอวันล้ม หากคนในบ้านไม่ลุกมาช่วยกันซ่อมบ้านของเราเอง ก็ไม่มีใครมาซ่อมให้แน่นอน รัฐบาลต้องตระหนักในข้อนี้” นายนิพิฏฐ์ กล่าว