xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ชำแหละการเมืองต้นตอชาติฉิบหาย ชี้“สรยุทธ”ตัวอย่างสื่อรับใช้ทุน-แนะพวกที่ด่าย้อนดูตัวเองด้วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” ชี้สื่อเมืองไทยเป็นสังคมหน้าไหว้หลังหลอก กรณี “สรยุทธ” เป็นผลไม้พิษที่หล่นจากต้นไม้มีพิษ แนะพวกที่ด่าย้อนดูตัวเองด้วย ชำแหละการเมืองต้นตอชาติฉิบหาย ประชาธิปัตย์ไม่ต่างเพื่อไทย แฉ “เทพไท” โผล่กินข้าวกับ “อริสมันต์” ในลาสเวกัส “ชวนนท์” ร่วมงานเลี้ยง “โภคิน” ระบุสันดานนักการเมืองฟัดกันแค่หน้าฉากเท่านั้น พร้อมลั่นคำตัดสิน 7 ตุลา สะท้อน พธม.เป็นฝ่ายถูก ยันถ้ามีโอกาสต้องรื้อคดี ดำเนินข้อหาฆาตกรรมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

วันที่ 5 ต.ค. เมื่อเวลา 20.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ตอนหนึ่งว่า ปัญหาของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เจ้าของบริษัท ไร่สัม จำกัด นั้น เป็นผลไม้พิษที่หล่นมาจากต้นไม้ซึ่งเป็นพิษ ส่วนคนไปวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่เคยกลับมาดูตัวเองว่าไม่ได้ต่างไปจากนายสรยุทธเลย สื่อมวลชนที่ตัวเองสังกัดอยู่ก็ไม่เคยรายงานข่าวเรื่องคอร์รัปชั่นเหมือนกัน แต่บังเอิญผลไม้ของนายสรยุทธ มันตกลงมาจากพื้น ทุกคนเห็นโอกาสก็เลยเอาเท้าเหยียบและขยี้ใหญ่

กรณีนี้คือผลพวงของระบบสื่อสารมวลชนที่เอาเงินและผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง ฉะนั้นเปล่าประโยชน์ที่จะไปว่านายสรยุทธ บางคนทะเลาะกับนายสรยุทธ แต่ก็เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ เราก็ไม่ว่ากัน เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือตัวอย่างที่มองให้เห็นปัญหาของสังคมไทย ปัญหาของสื่อ ปัญหาหลายๆ อย่างที่ไม่รู้จักตัวเอง

นายสนธิกล่าวต่อว่า แล้วสื่อไปเที่ยวกับนายสมศักดิ์ ประธานสภาฯ ทำไมสภาการหนังสือพิมพ์ไม่เรียกตำหนิติเตียนบ้าง ฉะนั้นแล้วสังคมสื่อเมืองไทยเป็นสังคมหน้าไหว้หลังหลอก สังคมไทยมันถึงด้อยปัญญา จึงทำให้มีคนอย่างนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร.ต.อ.เฉลิม เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงการสร้างของสื่อทั้งสิ้น

นายสนธิกล่าวอีกว่า ความจริงแล้วการเมืองเริ่มเปลี่ยนจริงๆ เมื่อปี 2531 ปีแรกที่ พล.อ.ชาติชายเป็นนายกฯ และปีสุดท้ายที่พล.อ.เปรมเป็นนายกฯ สังคมไทยได้เปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาสู่การเมืองผ่านทางการเลือกตั้ง

ยกตัวอย่าง พล.อ.เปรม เคยประกาศลดค่าเงินบาท แต่เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ประกาศลดตูมทันทีไม่มีใครไปแอบฟัง ทุกคนเจ็บตัวเท่ากันหมด แต่ปีกว่าสถานการณ์ก็ดีขึ้น เทียบกับสมัย พล.อ.ชวลิต มีกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์ นายแบงก์แทบทุกคนก็ได้หมด รวยบนความพินาศฉิบหายของประชาชน ถึงวันนี้ 15 ปีผ่านมา หนี้เสียที่ยังเจรจากันอยู่ที่ บสท. ยังไม่จบเลย แสดงว่าการเมืองคือตัวทำให้มันฉิบหาย เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า พล.อ.เปรม อยู่ในการที่ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง แต่ว่าใช้ตัวเองเป็นผู้นำในอำนาจนิยม นำไปในทางที่ดี ต่างจาก พล.อ.ชวลิต

ย้อนกลับไปก่อนปี 2531 เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 เท่ากับเป็นการเปิดประตูให้กลุ่มคนพ่อค้า นักธุรกิจ เถ้าแก่ นักเลง มาเฟีย ที่ก่อนนั้นเป็นผู้ที่นั่งรอเศษกระดูกและเศษเนื้อที่พวกอำมาตย์จะโยนให้พวกนี้กิน เช่น นายเสนาะ เทียนทอง เมื่อก่อนคือคนค้าขายชายแดนกับเขมรและดูแลคิวรถบรรทุก นายบรรหาร ศิลปอาชา คือพ่อค้าผูกขาดขายคลอรีนให้กับกรมโยธาธิการ นายทวิช กลิ่นประทุม คือเจ้าพ่อชิปปิ้งที่คลองเตย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พ่อก็คือคนที่ทำการประมูลการก่อสร้างสร้างทางกับกรมทางหลวง

พอ 14 ตุลาเกิดขึ้น เปิดโอกาสให้คนพวกนี้เข้ามาเล่นการเมือง ใครจะนึกว่า ทวิช กลิ่นประทุม ชิปปิงคลองเตย จะกลายเป็นรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา คนที่คอยชงกาแฟส่งกาแฟให้อธิบดี เพื่อที่จะขอสัมปทานในการขายคลอรีน จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรี คนอย่างเฉลิม อยู่บำรุง อดีตตำรวจกองปราบ เดินตรวจร้านเพชรแถวหัวเม็ก เช็กว่าเพชรนี่มาจากไหน มีที่มาที่ไปหรือเปล่า จะได้เป็นรองนายกฯ

ตลาดการเมืองมันเปิด แต่เปิดบนสังคมที่ด้อยปัญญา ใช้การซื้อเสียงเข้ามา ประเด็นคือคนพวกนี้พอซื้อเสียงคนข้างล่าง พอได้อำนาจก็ไม่ยอมปรับโครงสร้างให้คนข้างล่างได้ด้วย ปล่อยให้จนต่อไป พอ พ.ต.ท. ทักษิณ เข้ามา เลยมาจับคนกลุ่มนี้ โดยใช้ประชานิยมหลอกล่อ จนชาวบ้านเทิดทูน

อีกทั้งประชาธิปัตย์ไม่เคยพัฒนาตัวเอง ไม่เคยรู้ถึงอำนาจทุนว่าจะเปลี่ยนบ้านเมืองได้ขนาดนี้ ก็เลยเล่นมุกเดิมๆ ว่าตัวเองหล่อ เท่ห์ แต่เบื้องหลังไม่ได้เลวร้ายน้อยกว่าเลย

วันนี้คนด่านายธาริตอย่างกับหมูกับหมา ซึ่งตนเห็นใจ ถ้าจำได้สมัยเป็นอธิบดีดีเอสไอ วันที่นายจตุพรขอประกันตัว นายธาริตได้ไปค้านประกัน แต่นายสุเทพกลับส่งคนไปให้การ เพื่อช่วยให้ได้ประกันตัว พออำนาจฝ่ายทักษิณขึ้นมา นายธาริตเลยเปลี่ยนข้างไปเป็นเสื้อแดง เพราะอย่างน้อยข้อดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือใครทำงานให้มัน มันดูแลหมด แต่ประชาธิปัตย์ใครทำดีจะใช้หัวและหลังเป็นบันไดเหยียบขึ้นไป ฉะนั้นชาตินี้ทั้งชาติไม่มีวันเป็นใหญ่ในแผ่นดินอีก เพราะพวกนี้ใจไม่ถึงและจิตใจไม่บริสุทธิ์

ฉะนั้นแล้ว ถึงวันนี้โครงสร้างเศรษฐกิจทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยนเลย แค่เปลี่ยนจากการผูกขาดโดยอำมาตย์ มาเป็นกลุ่มของทักษิณ ทั้งหมดนี้เกิดเพราะการเมืองทั้งนั้น บ้านเมืองฉิบหายก็เพราะการเมือง

เมื่อถามว่าพันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป นายสนธิกล่าวว่า พันธมิตรฯต้องอย่าไปโง่ ออกไปก็มีแต่ตายกับบาดเจ็บ และจะเข้าทางเข้า พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยพูดกับทหารรุ่นน้องไว้ว่าถ้าเหลืองแดงตีกันจะกวาดทั้งสองฝ่าย พันธมิตรฯ ต้องรู้เท่าทัน รวมตัวกันเอาไว้ อย่าโดนหลอกอีก อย่าตกเป็นเครื่องมือของพรรคแมลงสาบอีก

นายสนธิกล่าวเพิ่มเติมว่า มีพันธมิตรฯ ลาสเวกัส มาบอกว่าเห็นนายอริสมันต์นั่งคุยในร้านอาหารไทยกับนายเทพไท เสนพงศ์ หรืออย่างกรณีนายโภคิน พลกุล มีงานเลี้ยง ก็มีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุตไปร่วมด้วย นี่คือสันดานนักการเมือง ฟัดกันเฉพาะหน้าฉากเท่านั้น ตนเบื่อที่ยังมีคนหลงประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนแปลง แล้วยังมาด่าเราอีก

นายสนธิยังกล่าวต่อด้วยว่า วันนี้ศาลปกครองอ่านคำพิพากษามา ทั้งหมดมันพิสูจน์ชัดว่าเราเป็นฝ่ายถูก เท่ากับไปลบล้างคำพูดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายเนวิน ชิดชอบ นายอนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือนายประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่าเสื้อแดง เสื้อเหลืองคือตัวป่วนของประเทศ ศาลพูดชัดว่าพวกเราไม่ใช่ตัวป่วนประเทศ ไอ้ตัวที่ป่วนประเทศและฆ่าเราคือตำรวจ

ตนมีความรู้สึกว่าวันนี้พ่อน้องโบว์ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี กว่าจะเรียกความยุติธรรมกลับคืนมา จริงๆแล้วถ้าเรามีอำนาจต้องรื้อคดีแล้วดำเนินข้อหาฆาตกรรมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเลย

สำหรับตน คนตายและบาดเจ็บเหมือนเป็นโซ่ล่ามคอ เวลามีคนมายุให้ชุมนุมจะถูกโซ่นี้ดึงไว้ ไม่อยากให้ใครตายอีก เพราะพวกนี้ไม่รีรอที่จะใช้ความรุนแรง ฉะนั้น 7 ตุลา ไม่ใช่บาดแผลทางประวัติศาสตร์อย่างเดียว มันเป็นบริบทที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งจากนี้ไปเราต้องเดินหน้าเพื่อสะสางประวัติศาสตร์ช่วงนี้ให้กว้างและลึกกว่านี้ แม้ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีก็ต้องทำ เพื่อให้ความจริงปรากฎให้มากกว่านี้ อยากรู้ที่ ป.ป.ช. ส่งไปให้อัยการฟ้อง ทำไมอัยการเก็บไว้ เรามีหน้าที่ที่ต้องถามอัยการ ถ้าไม่ฟ้องก็ต้องให้ ป.ป.ช.ฟ้องแทน 7 ตุลา เป็นวันสำคัญสุดของพวกเรา ถ้าไม่มีวันโน้นก็ไม่มีวันนี้



คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 5 ต.ค. 2555

รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2555 เวลา 20.00-22.30 น. ดำเนินรายการโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล, นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ นางสาวนงวดี ถนิมมาลย์ และนายเติมศักดิ์ จารุปราณ ร่วมดำเนินรายการ

นงวดี- สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการคุยทุกเรื่องกับ

จินดารัตน์- คุณสนธิ

นงวดี- คุณสนธิคะ เป็นรายการที่พวกเรา และทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องพันธมิตรฯ หรือไม่นะคะ รอคอย

จินดารัตน์- ใช่ค่ะ

นงวดี- และถามกันมาโดยตลอดเลยค่ะพี่แอนว่า คุณสนธิหายไปไหน

จินดารัตน์- มาแล้วตามคำเรียกร้อง วันนี้เราสองคนมาไม่ได้มาในฐานะพิธีกรนะคะ เรามาในฐานะแขกรับเชิญ เพราะว่ารายงานเขาบอกอยู่แล้วว่า คุยทุกเรื่องกับสนธิ เจ้าของรายการต้องเป็นคนนี้ใช่ไหม จริงๆ เราขาดแขกรับเชิญอีกคนหนึ่งกำลังรีบบึ่งมา คุณเติมศักดิ์ จารุปราณ ไหนๆ ก็ไหนๆ และวันนี้เอาให้ครบทีมไปเลย คุณสนธิถามว่าจะมารุมกันใช่ไหม

นงวดี- มิบังอาจนะคะ แต่พกมาเต็มกระเป๋าเหมือนกันว่าอยากจะถามอะไร แต่ไม่รู้จะมีโอกาสหรือเปล่าพี่แอน เพราะว่าเวลาเจอคุณสนธิทีไร คือจะฟังแล้วจะเพลิน จนรู้ตัวอีกทีคือว่า คุณสนธิบอกว่า จบแล้ว

จินดารัตน์- งั้นพบกับเจ้าของรายการเลยนะคะ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล สวัสดีค่ะ

สนธิ- สวัสดีครับแอนครับ สวัสดีครับนงค์ครับ

นงวดี- คุณสนธิคะ มีพวกเราถามกันเยอะเลย

จินดารัตน์- เจอหน้าถามว่าคุณสนธิยังอยู่ไหม ยังอยู่นี่ความหมายคืออะไร ไม่ หมายถึงยังอยู่เมืองไทยไหม อยู่สิคะพี่ ยังทานข้าวที่บ้านพระอาทิตย์ทุกวันเลย

สนธิ- มันเงียบหายไปนาน ผมเอง อย่างที่บอกว่า ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร เพราะว่าทุกเรื่องพูดไปหมดแล้ว พูดไปล่วงหน้า พูดไปก่อนหน้า ทำนายทายทัก ทีนี้พูดมากเกินไปย้ำคิดย้ำทำ ไม่รู้จะพูดไปทำไม ในที่สุดก็มานั่งปรึกษาหารือกันกับ อ.ปานเทพ ว่า มาจัดรายการใหม่ดีกว่า ทีนี้ถ้ามาจัดรายการใหม่เนี้ย เราจะพูดแต่เรื่องการเมืองอย่างเดียว ผมเบื่อ เบื่อโคตรๆ เลย มันเน่าจนไม่รู้จะเน่าอย่างไร แต่ไม่พูดก็ไม่ได้ ในขณะเดียวกัน นัยของสังคม องค์ประกอบของสังคมมีมากกว่าการเมืองเยอะ มันมีเศรษฐกิจ นั่นคือที่มาของนงวดี มันมีเรื่องของสังคม อย่างวันนี้ผมก็อยากคุยเรื่องคุณสรยุทธ์ ถ้าจะถามผมว่าเป็นอย่างไร

หรือมันมีเรื่องของรอบตัวเรา มันมีเรื่องของประเทศจีน เขมร แล้วภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่กระทั่งมีเรื่องสุขภาพ เรื่องของธรรมะ เรื่องของชีวิตคน เรื่องการเลี้ยงลูก ผมปีนี้ 64 ลูกชายผม 38 , 37-38 เพราะฉะนั้นผมอยู่ในสถานภาพที่ ผมน่าจะให้คำแนะนำพี่น้องพันธมิตรฯ หรือท่านผู้ชมได้ ในเรื่องของปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก พ่อกับแม่ แม่กับลูก หรืออะไรบ้างที่ผมสั่งสอนลูกไป หรืออะไรบ้างที่ผมได้เรียนรู้จากเขา ไม่ใช่ผมสอนเขาได้อย่างเดียว ในช่วงที่หายไป จริงๆ ไม่ได้หายแอน คือแอนกับนงค์ก็รู้ผมไม่ได้หายไปไหน เป็นเพียงแต่ว่า ผมเบื่อที่จะออกโทรทัศน์ ใช่ไหมครับ ผมเบื่อ เพราะว่าถ้าผมออกแล้ว คือบางทีผมเข้าใจเรื่องราว และผมทำใจได้ บางคนทำใจไม่ได้ อย่างโสภณ องค์การณ์ จะทำใจกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไม่ได้

นงวดี- เห็นชื่ออะไรไม่ได้เลย

สนธิ- วันนั้นผมไปเจอคุณโสภณเขานั่งทานข้าวอยู่ริมแม่น้ำ ครัวของ

จินดารัตน์- โรงครัวของเฮียบุ๊ง

สนธิ- ผมเดินเข้าไป ผมบอกโสภณปล่อยวางเสียบ้าง เดี๋ยวเส้นโลหิตในสมองจะแตกตาย ใช่ไหมครับ คือแกรับไม่ได้กับคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผมเลยได้บอกคุณโสภณไปอย่างนี้ อันนี้คือความคิดของผมส่วนตัว คือบางครั้งแล้ว ผมมองคุณยิ่งลักษณ์แล้วผมสงสาร คือ ผมดูแล้วคุณยิ่งลักษณ์เป็นคนที่น่าสงสาร เพราะว่าแกมีปัญหาทางด้าน แกอาจจะเป็นออทิสติกอ่อนๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะทำไมรู้ไหม ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดหาดใหญ่ ประเทศซิดนีย์ หรือจังหวัดสุโขทัยธรรมาธิราช หรือคอ-นก- รีต คุณจะสังเกตได้อย่าง คุณยิ่งลักษณ์เวลาขึ้นเวที จะนั่งอยู่กับอองซาน ซูจี จะอยู่กับฮิลลารี คลินตัน จะไปที่สหประชาชาติ จะพูดผิดพูดถูกคุณยิ่งลักษณ์ไม่รู้สึกอะไรเลย

จินดารัตน์- ก็ไม่รู้ตัว

สนธิ- ทำให้ผมนึกถึงลักษณะของคนที่เป็นออทิสติก คนที่เป็นออทิสติกอ่อนๆ เวลาขึ้นบนเวที แสดงออกจะแสดงออกเต็มที่ จะพลาดอย่างไร จะผิดอย่างไร ไม่รู้สึก จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรเขาไม่ว่า เขาไม่สนใจ เขาพูดอะไรไปแล้ว เขาจำไม่ได้แล้วเขาพูดอะไรไป เขาไม่สนใจ และผมเคยเห็นภาพคุณยิ่งลักษณ์ เวลาเอนจอย แกเอนจอยสุดๆ เลยนะ อย่างแกหัวเราะ หัวเราะต้องหัวโขกโต๊ะ นี่เป็นลักษณะของคนออทิสติกนะ นี่ผมพูดเรื่องจริง เป็นลักษณะของคนออทิสติก เพราะฉะนั้นแล้วผมพยายามเห็นใจแก หลายๆ เรื่องผมพยายามทำความเข้าใจกับมัน แน่นอนที่สุดแกเป็นเครื่องมือของพี่ชายแก อันนี้เป็นเรื่องที่แน่นอนที่สุด แต่ผมคิดว่า ลึกๆ แล้วบางครั้งแกทำอะไรไปแกไม่รู้ตัวแก อาจจะเป็นเพราะตรงนี้ ผมเลยบอกคุณโสภณเขาไป บอกโสภณอย่าไปจริงจังมากนัก โสภณบอกไม่ได้เลย ทนไม่ไหว ทนไม่ไหว ทนไม่ไหว ผมบอกถ้าคุณทนอะไรไม่ไหว แล้วคุณไม่รู้จักที่จะสงบจิตสงบใจ ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ในสภาวการณ์ทุกวันนี้ คุณเป็นบ้าได้

จินดารัตน์- มิน่าล่ะ ช่วงนี้ไหล่ตึง ให้น้องช่างผมนวดให้ทุกวันเลย

สนธิ- ผมก็อยู่เงียบๆ วุ่นวายที่สุดคือ ทำอย่างไรที่จะหารายได้เข้าให้เอเอสทีวี เพื่อที่จะมาจับจ่ายใช้สอย เพราะสำหรับผมแล้ว เรื่องอะไรในชีวิตไม่สำคัญเท่ากับว่า ต้องให้เอเอสทีวีได้ เพราะว่าเราเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่กล้าพูดความจริง ถ้าขาดสื่อมวลชนที่กล้าพูดความจริงแล้ว ทุกอย่างไม่มีความหมาย ไม่มี ถ้าเราไม่สามารถที่จะออกอากาศแล้วเล่าความจริงให้ฟัง แอน นงค์ ไม่มีประโยชน์ กระบวนการของภาคประชาชนไม่มีประโยชน์ เดินต่อไปไม่ได้ เรื่องที่สองที่ผมทำมากขึ้นเป็นเวลานานพอสมควรแล้วคือ ผมสวดมนต์ไหว้พระมากขึ้น การที่สวดมนต์ไหว้พระไม่ได้หมายความว่า จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ผมมีความรู้สึกว่า การสวดมนต์คือการทำสมาธิอย่างหนึ่ง และผมไม่ใช่แค่ ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็นไม่ใช่ ผมสวดมนต์ทั้งชุดนะครับ สวดมนต์ ผมสวดมนต์พระพุทธเจ้า สวดพระปริตรทั้งชุด ผมสวดคาถาพระมหาปัฏฐาน ผมสวดหมด และผมสวดจบผมนั่งสมาธิต่อ ทำให้วันละ 2 ครั้ง กลางวันครั้งหนึ่ง ก่อนนอนครั้งหนึ่ง ครั้งหนึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที นึกดูแล้วกัน ไม่เคยพลาด ไม่เคย เพราะว่าเราตั้งสัจวาจาไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า เราจะสวดมนต์ทุกวันๆ ละ 2 ครั้ง ไม่เคยพลาด เวลาบินไปหาหมอที่ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ คุณแอน ผมสวดด้วยนะ ผมเอาไอโฟนมาหมุนหาทิศเหนือ ทิศตะวันออก ตรงไหนทิศตะวันออกก็หันหน้า คุกเข่า อะระหัง สัมมา อาราธนาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ขาดอยู่อย่างเดียว 1. ไม่มีเทียน 2. ไม่มีธูป สวดไปเรื่อยๆ และเกิดสวดไปสวดมา มีความรู้สึกว่า เอ๊ะ พระสงฆ์องค์เจ้าเขาทำน้ำมนต์อย่างไร ก็เลยโทรศัพท์ไปถามพ่อแม่ครูอาจารย์ หรือว่าถามท่านผู้รู้ เขาบอกว่า วิธีการนั้นท่านก็สวดคาถาอยู่ไม่กี่บท เช่น คาถา พระปริตร อาฎานาฏิยปริตร รัตนปริตร ธารณปริตร พระปริตร บทที่ทำน้ำมนต์ บทไหนก็ได้ เรารู้สึกว่าเราสวดทุกบทเลย ก็ถือโอกาส ทำน้ำมนต์ ก็เลยถามพ่อแม่ครูอาจารย์ว่า พระอาจารย์ ลูกทำน้ำมนต์เองได้ไหม ท่านหัวเราะ ท่านบอกทำได้ จริงๆ ใครก็ทำได้ ขอให้ 1 จิตสงบ 2 จิตต้องบริสุทธิ์ ไม่ใช่คนนักการเมืองทุกวันนี้ที่อยู่ในสภา นั่งอยู่ในรัฐบาล มาทำน้ำมนต์นี่ทำไม่ได้ เพราะว่าจิตใจ มีแต่กิเลส ความโลภ โทสะ โมหะ มีหมด ท่านก็แนะว่าให้เอาสายสิญจน์พันพระพุทธรูปของเราในห้องพระ พันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ แล้วถือไว้ในมือ แล้วจุดเทียน สวด

จินดารัตน์- ขั้นตอนอย่างละเอียดบันทึกไว้แล้ว เดี๋ยวคุณผู้ชมรายการพลาดไม่ได้ เราบุกไปถึงห้องพระของคุณสนธิ ที่บ้านพระอาทิตย์ แล้วดูเลยว่าบทสวดเป็นเล่มไหน เราจะได้มาดูกัน เอาเทปมาให้ดูแน่นอน

นงวดี- พูดง่ายๆ สวดมนต์เพื่อทำสมาธิ เกิดมามีปัญญาในทุกๆ วันเป็นอย่างไรบ้าง

จินดารัตน์- แต่มีข้อแม้อย่างเดียว ออกอากาศแล้วห้ามขอน้ำมนต์นะคะ

สนธิ- ที่ทำน้ำมนต์ มีความรู้สึกว่า อยากจะลองดู ตามที่พ่อแม่ครูอาจารย์แนะ ท่านบอกสนธิลองดูซิ ลองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เก็บน้ำมนต์เอาไว้ ใครก็ขอเราก็ให้ ตอนแรกไม่รู้ เขาบอกว่าช่วงแรกมีความรู้สึกชุ่มชื่น คนที่มีฌาณก็บอกว่าร้อน แต่ผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ เดี๋ยวจะหาว่าผมกลายเป็นจอมขมังเวทย์ไป ซึ่งผมไม่ใช่ คือผมยึดถือหลักอย่างนี้ หลวงปู่มั่น และหลวงตามหาบัว หลวงตาท่านเคยพูดกับผม ท่านบอกว่า สนธิ นรกมีจริง สวรรค์มีจริง ขอให้เชื่อเรา ทีนี้ท่านเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมเคารพสูงสุด ผมกราบไหว้ บูชาท่าน เทิดทูนท่าน ท่านไม่โกหกอยู่แล้ว เมื่อท่านบอกว่า นรกมีจริง แสดงว่า ท่านเห็นมาแล้วว่านรกมี ท่านบอกว่า สวรรค์มีจริง เพราะท่านเห็นแล้วว่าสวรรค์มี ผมยังจำได้เลยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่วัดป่าบ้านตาด ท่านเดินจากกุฏิท่านตอนเช้า มาเริ่มเตรียมตัวฉัน พอท่านฉันเสร็จ ท่านก็จะขยับตัว ท่านจะเริ่มเคี้ยวหมาก ท่านจะเริ่มพูดกับญาติโยมที่มานั่งฟังธรรมจากท่าน ท่านบ่นเมื่อคืนนี้ท้าวสักกะลงมาหาเรา ท้าวสักกะมหาราชมาสนทนาธรรมกัน คำถามมีอยู่ว่า พ่อแม่ครูอาจารย์อย่างหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านจะมาโกหกเราทำไมว่า ท้าวสักกะลงมาจากข้างบนมาหาท่าน แสดงว่ามันเป็นจริง ถูกไหมครับ มันเป็นจริง และหลายครั้งก่อนที่ผมจะมาเจอหลวงตามหาบัว พ่อแม่ครูอาจารย์ของผมองค์หนึ่งคือ หลวงพ่อญาท่าน หลวงพ่อญาท่านมรณภาพไปแล้ว ท่านเป็นพระป่าองค์หนึ่ง ผมเคยบวชกับท่านก่อน ตอนที่ผมบวช ผมเดินบิณฑบาตจบ แล้วผมก็ไปที่กุฏิผม ผมฉันของผมเอง ผมฉันเอกา ฉันเดี่ยวไง แล้วผมก็มากราบท่าน ผมบอกว่า หลวงพ่อครับ เมื่อคืนหลวงพ่อภาวนาดีไหม ท่านบอกพ่อไม่อยู่ อ้าวหลวงพ่อไปไหน พ่อขึ้นไปข้างบนไปเทศน์ให้เทวดาฟัง คือบทพิสูจน์ว่า สวรรค์มีจริง นรกมีจริง หลวงปู่มั่นก็เลยบอก หลวงปู่มั่นเคยเล่าให้ฟังบอกว่า ธรรมในพระพุทธเจ้า แอนรู้ไหมอยู่ที่ไหน อยู่รอบตัวเรา ท่านบอกคนตาดีก็มองเห็น คนตาไม่ดีก็มองไม่เห็น ท่านบอกว่าให้สวดมนต์ ท่านบอกว่า มนต์พระพุทธเจ้า คือมนต์พระพุทธเจ้านะ พระปริตร พระมหาปัฏฐานอะไรพวกนี้ มนต์ที่พระพุทธเจ้าให้สวด โมระปริตร ขันธะปริตร อาฏานาฏิยปริตร หรือ รัตนปริตรพวกนี้ ท่านบอกมนต์พระพุทธเจ้าสวดในใจ ใจสงบจิตบริสุทธิ์ ท่านบอกว่า เสียงจะก้องไปในจักรวาล เทพเทวดา 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ครุฑ นาค อินทร์ ยม พรหม ยักษ์ จะได้ยินหมด และถ้าเป็นมนต์พระพุทธเจ้าที่แท้จริงจะมากัน มาอนุโมทนาเรา มาให้พรเราแล้วมาฟังธรรมนะครับ พวกเจ้าที่เจ้าทางมาฟังธรรมกัน

เพราะฉะนั้นแล้ว การสวดมนต์สมัยก่อนก็สวดแต่ไม่จริงจัง ช่วงหลังเลยจริงจัง พอจริงจังแล้ว มีความรู้สึกมันสงบขึ้นมาก ซึ่งธรรมแล้วผมเป็นคนที่นิ่งอยู่แล้ว นี่ผมนิ่งมากกว่าเก่า ปล่อยวางมากกว่าเก่า แล้วผมเห็นเรื่องราวต่างๆ ในแผ่นดิน มันเป็นของมันเช่นนี้แหละ ตถตา ก็คือ มันก็เป็นของมันเช่นนี้แหละ คนชั่วมันก็ชั่วเช่นนี้แหละใช่ไหมครับ คนขี้โม้ที่เป็นเป็ดร้องก้าบ ก้าบ มันเป็นของมันอย่างนี้แหละ คือมันก้าบ ก้าบของมันไปเรื่อยๆ ไม่มีสาระ คนที่มันขี้โกงจากการจำนำข้าว มันขี้โกงไปอย่างนี้ แล้วในที่สุดทุกคนเมื่อมันตายไปแล้ว รับผลกรรมที่ตัวเองทำไป คือถ้าเราเป็นชาวพุทธเราต้องเชื่อในเรื่องนี้ สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งหาทางที่จะหารายได้ให้เอเอสทีวี และนั่งตอนเช้านั่งคุยกับพวกน้องๆ ลูกๆ หลานๆ ผมไปที่ทำงานทุกเช้า 8 โมงกว่าถึงและนั่งกินกาแฟ ไข่ลวก 2 ใบ ขนมปังทาเนย ทาน้ำตาล บางวันโชคดีหน่อย เมียของคนวาดการ์ตูนคามิน บัญชา คามิน คือชื่อไก่ น้องไก่เป็นคนทำตับบดอร่อยมาก ปาเต๊ะ เขาจะทำมา พี่เบื๊อก เอาไปให้พี่สนธิเขากิน จะมีตับบดมาทาขนมปังกิน นั่งคุยกัน บางทีอาจารย์ปานเทพเข้ามานั่ง นายเพชร พชร นายดีน คนโน้นคนนี่เขามานั่งคุยเรื่องราวบ้านเมือง นั่งฟังเขาคุย มีความรู้สึกว่า เออพวกนี้ยังนิ่งไม่เป็น แต่ว่าเราไม่ตำหนิเขา พวกนี้เขาจะมีความโกรธ ทำไมมันเป็นอย่างนี้

จินดารัตน์- อารมณ์เสีย หงุดหงิด

สนธิ- ไม่ใช่ว่าเราเห็นด้วย การที่เราไม่ออกความเห็น ไม่ใช่ว่าเราเห็นด้วยกับความชั่วร้ายของคนพวกนั้นทำ แต่เรามีความรู้สึกว่า เราจะไปโกรธมันทำไม เพราะว่านี่คือกรรมเวรที่มันทำ แล้วมันต้องรับกรรมเวรของมันไป แล้วเลยได้มาทบทวนเรื่องราวเก่าๆ เลยเข้าใจเรื่องการเมืองมากขึ้น ซึ่งตัวเองคิดว่า ตัวเองเข้าใจดีอยู่แล้ว กลับเข้าใจมากกว่าเก่า เข้าใจมากขึ้นกว่าเก่า และเห็นกระบวนการทุกกระบวนที่เกิดขึ้น แล้วในที่สุดผมสรุปอย่างนี้แอน ผมบอกว่าบางครั้ง คนไทยต้องรับกรรมไป ที่เราได้รัฐบาลแบบนี้เข้ามา ได้คนชั่วมาปกครอง โทษใครไม่ได้เลย คนไทยด้อยปัญญา ด้อยมากนะครับ เมื่อเราทำใจตรงนี้ได้แล้ว ถามว่าเรามีความหวังไหม เออยังมีความหวังอยู่ เพราะว่ายังมีกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มประชาชนที่ดูเอเอสทีวี คนพวกนี้ยังมีปัญญา และเขารับปัญญาจากเราไปตั้งแต่ต้น และปัญญาเขายังคงอยู่ หลายคนพัฒนาปัญญาตนเอง จนได้นั่งก้าวไกล เรายังดีใจ เรายังมีชนกลุ่มพวกนี้ ที่อยู่รอบตัวเรา ถึงแม้ว่าจะลดน้อยลงกว่าเก่า แต่เป็นชนกลุ่มที่มีปัญญา เราบอกว่า ชีวิตยังมีความหวัง อย่างน้อยที่สุดยังมีคนกลุ่มนี้ ที่เราพอจะพูดจากับเขาได้ ส่วนคนอื่นหมดหวัง

จินดารัตน์- งั้นวันนี้คุณสนธิต้องช่วยพันธมิตรฯ หลายคนหน่อย เพราะหลายคนยังทำใจไม่ได้กับสภาพที่เป็นอยู่ ต้องให้พี่สนธิเล่า

สนธิ- ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมมีเรื่องอธิบายให้ฟัง แต่วันนี้ถือเป็นวันโหมโรง เดิมทีว่าจะหมดเวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง แต่ว่าวันนี้ขอทางสถานีแล้ว เขาบอกว่า อนุญาตให้ยาวไปถึง 4 ทุ่มได้คือ 2 ชั่วโมงนะครับ วันนี้ผมอาจจะเป็นวันที่ค่อนข้างจะหนักนิดนึง เพราะจะเป็นการพูดเรื่องที่ไม่เคยพูดมาก่อน หรือพูดมาแล้ว และห่างเหินจากการอธิบายมานานแล้ว คือผมคิดว่า การที่เราจะเปิดวันนี้ เราน่าจะอธิบายประการแรก การเมืองไทยก่อน เสร็จแล้วการเมืองนอกประเทศ เสร็จแล้วค่อยมาเรื่อง 7 ตุลาฯ คือวันนี้จะดูหนัก แต่หลังจากวันนี้ไปแล้ว ศุกร์หน้าก็จะเป็นอะไรบางอย่างที่ใครจะถามอะไรมา ให้ส่งคำถามมาได้

จินดารัตน์- วันนี้ก็เช่นกันนะคะ

สนธิ- ใครอยากถามอะไรก็ถาม

จินดารัตน์- บอกช่องทางการติดต่อคุณผู้ชมนิดหนึ่งนะคะ

นงวดี- SMS นะคะ พิมพ์ N1 เว้นวรรค ตามด้วยข้อความ ส่งมาที่หมายเลข 4850770 อีกวิธีคือทางเฟซบุ๊ก ในรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ พิมพ์เข้าไปเลยนะคะ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ในเฟซบุ๊ก ก็จะขึ้นมาเป็นหน้าเพจ แค่กดว่า Like เป็นการติดตาม จะฝากคำถามก็ได้ ฝากความระลึกถึงอะไรก็แล้วแต่ ได้ทั้งหมดนะคะ นำมาพูดคุยสื่อสาร คุณสนธิก็จะตอบกลับไปให้ด้วย

สนธิ- เราจะทำได้ถึงขนาดที่เรียกว่าในอนาคตอาทิตย์หน้า เราจะเปิดสายโทรศัพท์มาสดๆ เลย อาทิตย์นี้เลยก็ได้ ตอนท้ายรายการ

จินดารัตน์- 0-2629-4433 เบรกสุดท้ายนะคะ โทร.ประมาณก่อน 4 ทุ่มสัก 15 นาที

สนธิ- ช่วงนี้ผมสนใจเรื่องธรรมชาติบำบัดมาก คนที่ให้ความรู้ผมจริงๆ ถือว่าเป็นอาจารย์ผมในขณะนี้คือ อ.ปานเทพ นั่งคุยกันตอนเช้า อ.ปานเทพนี่ ท่านจบวิศวะ แล้วไปจบ MBA แต่พอมาช่วงหลัง กลายเป็นนักประวัติศาสตร์ นักการเมือง รู้ลึก แล้วมาวันนี้ มากลายเป็นนักธรรมชาติบำบัด เป็นนักวิจัย สนใจมาก แล้วก็เป็นคนซึ่งขี้สงสัย เพราะฉะนั้นแล้ว เวลา อ.นิดา พูดถึงเรื่องปัสสาวะบำบัด อ.ปานเทพก็ไปอ่านหนังสือเจอ แล้วผมก็ดื่มปัสสาวะเพราะ อ.ปานเทพ ผมดื่มมาประมาณ 6 เดือนแล้ว หลายๆ อย่างก็ดีขึ้น รวมถึง อ.ปานเทพ บอกว่า ภาวะการเป็นกรด เป็นด่าง เป็นอย่างไร ผมก็ฟัง ผมฟังคนเป็นนะแอน

นงวดี- แหม คุณสนธิพูดอย่างนี้ แปลว่ามีเข้าหูใช่มั้ยว่าคุณสนธิไม่ฟังใคร

สนธิ- คนจะมองว่า ความที่ผมรู้เรื่องมากอะไรเหลือเกินผมจะไม่ฟังใคร ไม่ใช่ อะไรที่ผมไม่รู้ ผมจะขอฟัง ผมไม่ใช่เป็นคนเผด็จการ หัวรั้น ผมยึดถือตลอดเวลาว่าผมเป็นน้ำครึ่งแก้วเสมอ ต้องเติมได้ตลอดเวลา ผมไม่เคยเป็นน้ำเต็มแก้ว แล้วชีวิตผม ผมไม่อยากจะตายอย่างงมงาย อย่างน้อยที่สุดผมจะแสวงหาความรู้ตลอด จนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่จะทำ ถามว่าการที่เปลี่ยนแปลงในตัวผม ประการแรก ทุกวันพระ พระเล็กพระใหญ่ พระเล็กคือขึ้น 8 ค่ำ แรม 8 ค่ำ พระใหญ่คือขึ้น 15 ค่ำ แรม 15 ค่ำ เดือนละ 4 ครั้ง ผมจะถือศีลหนักเลย ทั้งพระเล็กพระใหญ่ ไม่ทานเนื้อ ทานมังฯ กับสวดมนต์ไหว้พระ จะนั่งสมาธิเป็นพิเศษ ฉะนั้นเดือนละ 4 ครั้ง อย่างที่ ผมเริ่มทานเนื้อสัตว์น้อยลง แต่ผมยังไม่พัฒนาถึงขั้นที่จะทานมังฯ อย่าง อ.ปานเทพ นี่แกทานมังฯ มาหลายเดือนแล้ว ผมเนี้ย เดี๋ยวนี้เนื้อหมูไม่ค่อยทาน เนื้อไก่ก็ไม่ค่อยทาน ดีที่สุดคือปลา แล้วแต่ก่อน ผมทานข้าวน้อย มีความรู้สึกว่าไม่ค่อยอยากทานอะไร พอทานสักครึ่งจานก็อิ่มพอแล้ว กินขนมนิดหน่อยพอ แล้วก็ไม่หิว เดี๋ยวนี้วันนึงทานกล้วยน้ำว้า 6 ลูก เช้าตื่นมา ไปถึงที่ทำงาน ยัยจอย แม่บ้านหั่นให้ 3 ลูก ทานน้ำเขียว น้ำคลอรอฟิล 1 แก้ว แต่ที่เลิกไม่ได้เลยคือกาแฟ ทานวันนึง 20 ถ้วย หลังจากนั้นพอตอนเที่ยงทานข้าวเสร็จตอนบ่ายๆ ก็กล้วยอีก 3 ลูก กล้วยน้ำว้า หลักธรรมชาติบำบัดก็คือหลักง่ายๆ มองย้อนหลังไปว่าพ่อแม่เราเลี้ยงเรามาอย่างไร เริ่มจากกล้วย เด็กสมัยผมนี่โตมาด้วยกล้วยน้ำว้านะ

แล้วคนโบราณเขาใช้กล้วยน้ำว้าเลี้ยงลูกมาเป็นพันๆ ปี ทำไมคนไทยถึงไม่ค่อยทานกล้วยน้ำว้า

นงวดี- คุณหมอบอกห้ามด้วยคุณสนธิ มันหวาน

สนธิ- คุณเลือกกล้วยน้ำว้า คุณต้องเลือกห่ามๆ สุกๆ ดิบๆ แต่สุกสักหน่อยก็ได้ แต่ที่เขาแนะนำไม่ให้ทานคือกล้วยหอม เพราะมันมีลมเยอะ ระวังอาหารการกิน น้ำอัดลมผมไม่เคยทานอยู่แล้ว ไม่ทาน ทานน้ำดื่มธรรมดา ตอนนี้กลายเป็นทานน้ำด่างทุกวัน

นงวดี- คือเพิ่งเคยได้ยินจากคุณสนธิ จาก อ.ปานเทพ ว่าน้ำด่าง ทำไมเราต้องดื่มน้ำด่าง

สนธิ- ฉะนั้นแล้วสุขภาพ ร่างกายเรา ถ้าเราไม่รู้จักรักร่างกายเรา เราจะไปรู้จักรักอย่างอื่นได้อย่างไร ถ้าเราไม่รู้จักที่จะดูแลร่างกายเราแล้วเราจะไปดูแลคนอื่นอย่างไร ตัวเราเรายังไม่รักเลย จะมารักคนอื่นได้อย่างไร ตรงนี้สุขภาพ เรื่องธรรมชาติบำบัด ถ้าฝึกแล้วใช้ธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องมันคือการเข้าสู่ธรรม เมื่อการเข้าศู่ธรรมมากขึ้นแล้ว การเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการเมืองในบ้านเรา ถ้าทุกคนทำอย่างนี้ นี่ผมไม่ได้เป็นไข้หวัดมานานแล้วนะ พอรู้ตัวเองว่าจะเป็นจะเริ่มเจ็บคอ จะเอาน้ำปัสสาวะตอนเช้ากลั้วคอ แล้วกลืนเข้าไปประมาณ 5 คำ ธรรมดาก็ไม่ทานน้ำเย็นอยู่แล้ว หวัดหายไปโดยปริยาย ไม่เป็นอะไร อ่านหนังสือมากขึ้น อ่านหนังสือท่านพุทธทาส อ่านหนังสือท่านประยุทธ์ ปยุตโต มากขึ้น สมัยก่อนก็อ่าน แต่ไม่ได้อ่านแบบจริงจัง เพราะสมัยก่อนเห็นท่านบอกว่า ธรรมแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง แต่ก่อนเฉยๆ เดี๋ยวนี้เห็นด้วยมากขึ้น ซึ่งประเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน

จินดารัตน์- ตอนนี้เรามีแขกรับเชิญอีกท่านมาถึงแล้ว เดี๋ยวเราพักกันก่อน และช่วงหน้ากลับมาพบกับคุณสนธิ จะคุยเรื่องอะไร เดี๋ยวกลับมาฟังกันสักครู่ค่ะ

ช่วงที่ 2

นงวดี- เอาล่ะค่ะ เข้าสู่ช่วงที่ 2 ของรายการ คุยกับสนธินะคะ ช่วงนี้เรามีแขกรับเชิญ ของคุณสนธิ เหมือนกับเรา 2 คน พี่เติมศักดิ์ จารุปราณ พี่เติม สวัสดีค่ะ บึ่งมาเลย

สนธิ- ก่อนจะเข้าเรื่องผมขอพูดอะไรบางอย่าง นี่พูดจากหัวใจเลยนะครับ ในชีวิตผม ผมรู้จักสื่อมวลชนมาเยอะ จริงๆ แล้วคนที่ทำงานนี่สื่อมวลชนทั้งนั้นนะ แต่ว่าทีวีผมเริ่มมาทำเมื่อปี 2548 ผมยังไม่เคยเจอใครที่หัวใจเต็มร้อยเหมือนพวกแอน นงวดี เติมศักดิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนของเรา เติมศักดิ์ แอน นงวดี ไม่ใช่แค่หัวใจเต็มร้อย แต่เป็นคนที่รู้จักผิดชอบชั่วดี ผมว่าหาได้ยาก ไหนๆ จะพูดเรื่องนี้แล้วก่อนจะเข้าเรื่องโน้น จะพูดเรื่องคุณสรยุทธ ผมเชื่อว่าคุณเติมอยากจะถามผมเรื่องนี้ คือคุณสรยุทธ ปัญหาของคุณสรยุทธ เป็นผลไม้พิษ แต่น่าสนใจอย่าง หล่นมาจากต้นไม้ซึ่งเป็นต้นไม้พิษทั้งต้น วันที่คนไปวิพากษ์วิจารณ์ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผมนั่งฟังแล้ว ผมก็ว่าเออ มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ คือจริงๆ แล้วบรรดาคนที่วิพากษ์วิจารณ์คุณสรยุทธไม่เคยกลับมาดูตัวเองเลย ตัวเองไม่ได้ต่างจากสรยุทธหรอก จะไปต่างได้อย่างไรล่ะ ก็ในเมื่อตัวเอง สื่อมวลชนที่ตัวเองสังกัดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ช่องโน้นช่องนี้ ก็ไม่เคยรายงานข่าวเรื่องคอร์รัปชันเหมือนกัน ไม่เคย แต่บังเอิญผลไม้ของสรยุทธมันตกลงมาจากพื้น ทุกคนเห็นโอกาสก็เลยเอาเท้าเหยียบและขยี้ใหญ่ และบอกว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นสื่อมวลชน ควรจะมีจรรยาบรรณลาออก คือคนที่ว่าไม่ได้ดูตัวเอง ทุกเรื่องล้วนแล้วแต่มีสปอนเซอร์ทั้งนั้น แล้วผมดูแต่ละคนที่อยู่สภาการหนังสือพิมพ์นะ ส่วนใหญ่แล้ว ภาษาคอมมิวนิสต์เค้าเรียก รันนิงด็อก เป็นสุนัขรับใช้ทั้งนั้น เจ้าของคือใคร ไทยรัฐ เดลินิวส์ ช่อง 3 หรือหนังสือพิมพ์ต่างๆ มีตัวแทนมานั่งทั้งนั้น ตัวแทนก็มาโชว์เพาฯ หรือจะใช้ศัพท์ของเป็ดเหลิมก็คือแอ็กต์อาร์ต จริงๆ ตัวเองก็รู้ ว่าตัวเองโชว์เพาฯ ได้แค่นั้น ไปที่สำนักงานตัวเองตัวเองก็แบะ แบะ ใช่ไหม ทุกฉบับ

ที่ผมบอกว่า ภูมิใจในคนของเรา เพราะว่า ข้อที่ 1 ในข้อเท็จจริงทุกคนที่นั่งในที่นี้ รู้อยู่แก่ใจตลอดเวลาว่า ASTV เป็นสถานีโทรทัศน์เดียวที่ให้อิสระเสรีภาพกับคนที่ทำข่าว ไม่เคย คุณเติมศักดิ์ไม่ต้องตอบผมหรอก เติมศักดิ์มาอยู่ปี 48 ใช่ไหม 7 ปีแล้ว เคยไหมสักครั้งที่สนธิเดินเข้าไปแล้วบอกว่า ข่าวนี้ขอนะ ไม่มี ฟรี เติมศักดิ์ กับเก๋ อุษณี เต็มที่เลย แอนว่าไปเต็มที่ นงวดีว่าไปเต็มที่ แต่เผอิญไอ้สิ่งแวดล้อมของเรา ต้นไม้เราไม่มีพิษ เมื่อต้นไม่มีพิษ ผลไม้ก็ไม่มีพิษ หอมหวาน เพราะฉะนั้นแล้ว สรยุทธคือผลพวงของระบบสื่อสารมวลชนที่เอาเงินและผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง เมื่อเอาเงินและผลประโยชน์เป็นตัวตั้งแล้ว เปล่าประโยชน์อะไรที่จะไปว่าสรยุทธ อุปมาอุปมัย คนนึงอุจจาระแล้วไม่ล้างก้น แล้วก็ไปเห็นคนคนหนึ่งกำลังถ่ายอยู่แล้วไปบอกว่า ทำไมถึงไม่ไปแอบถ่ายทั้งที่ตัวเองอุจจาระยังคาก้นอยู่ เหมือนกันฉันใดฉันนั้น ผมก็เลยดูเรื่องของสรยุทธดูเป็นเรื่องขำขัน ไม่ใช่ว่าผมเห็นด้วยกับสรยุทธ สรยุทธในสายตาของผม ไม่ใช่คนสื่อมานานแล้ว แล้วผมก็ยังหาคนสื่อ เออยากจริงๆ นอกจากใน ASTV ไม่ใช่เราเชียร์คนของเราเอง บางคนทะเลาะกับสรยุทธ แต่ก็เป็นคนของพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เราก็ไม่ว่าอะไร ไม่ว่ากัน เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือตัวอย่างที่มองให้เห็นปัญหาของสังคมไทย ปัญหาของสื่อ ปัญหาหลายๆอย่างที่ไม่รู้จักตัวเอง นี่แหล่ะคือสิ่งที่ผมอยากจะพูด

เติมศักดิ์- คุณสรยุทธเป็นยอดของภูเขาน้ำแข็ง

สนธิ- เหมือนกัน ใช่ ถูกต้อง เติมศักดิ์พูดถูกเลย เขาเป็นยอดภูเขาน้ำแข็งจริงๆ ข้างล่างเต็มไปหมด และไอ้พวกสื่อที่มันอ้างว่า สื่อไปเที่ยวกับขุนค้อน ประธานสภาฯ มีใครด่า ทำไมสภาการหนังสือพิมพ์ไม่เรียกมาประชุม แล้วตำหนิติเตียนบ้างล่ะ ไม่มี เพราะฉะนั้นแล้วสังคมสื่อเมืองไทย เป็นสังคมหน้าไหว้หลังหลอก และสื่อเมืองไทยมันเป็นอย่างนี้ไง สังคมไทยมันถึงด้อยปัญญา สังคมไทยโง่ เรามีคนอย่างทักษิณ ชินวัตร เกิดขึ้น เรามีคนอย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดขึ้น เรามีคนอย่างเฉลิม อยู่บำรุง เกิดขึ้น เรามีคนอย่างโน้น อย่างนี้เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงการสร้างของสื่อทั้งสิ้น ถ้าสื่อเป็นอย่างพวกเรา กล้าพูด กล้าเสนอความจริง ไมได้ยึดติดกับผลประโยชน์โฆษณาของ ปตท. วันนี้ ปตท.จะมาขึ้นราคาน้ำมันอย่างตามสบายใจได้ไง น้ำมัน 3 ลิตรร้อย ถ้าเป็นที่อเมริกานะ เขาเผาบ้านเผาเมืองแล้วนะ แต่เมืองไทยเฉย สื่อมวลชนเฉย เฉยมาก ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งวันนี้เหตุการณ์ที่ศาลปกครองอ่านคำพิพากษา โดยละเอียด เมื่ออ่านคำพิพากษาศาลปกครองแล้ว เรามองย้อนหลังไป 4 ปีที่ผ่านมา มีสื่อฉบับไหนไหม ที่เขียนถึงเรื่องนี้ เขียนถึงความอยุติธรรม เพราะศาลปกครองยังชี้ให้เห็นชัดเลยว่าตำรวจคือตัวเลว ตำรวจคือพวกที่บัดซบที่สุด และสื่อมวลชนคนไหนเขียนบ้างไหม ไม่มี ไม่เขียนไม่สนใจ อะไรทั้งสิ้น ง่ายๆ คนทำสื่อ ถ้าเห็นว่าอะไรที่มันตื่นเต้น น่าสนใจ

ผมถามว่าการที่ทักษิณไปอเมริกา แล้วโดนคนไทยไล่ที่นิวยอร์ก ที่ลาสเวกัส ซานฟรานซิสโก และที่ลอสแองเจลิส ผมถามซิว่า นี่เป็นข่าวใหญ่ไหม ข่าวใหญ่มาก มีสื่อฉบับไหนลงบ้าง นอกจากเครือของ ASTVและผู้จัดการและเว็บไซต์ นอกนั้นไม่สนใจ คำถามคือ แล้วคุณยังหน้าด้านเรียกตัวคุณเองเป็นสื่อเหรอ พวกคุณนี่ไม่ใช่สื่อหรอก พวกคุณคือสถุล ต้องแรงหน่อย ผมมีวัยวุฒิ และคุณวุฒิมากพอที่ผมจะชี้หน้าด่าได้หมดทุกคน ผม 64 แล้ว ผมผ่านโลกมามากกว่า ผมผ่านการลอบสังหารมาเรียบร้อยแล้ว ผมผ่านการต่อสู้ผมไม่ต้องแอบไปรับเงินใครใต้โต๊ะ ผ่านทุกอย่าง ที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมารับบัตรเครดิต เดี๋ยวนี้นักการเมืองมีการให้บัตรเครดิตนักข่าวนะ คอลัมนิสต์ นี่เรื่องจริงนะ คอลัมนิสต์บางคนได้รับบัตรเครดิต บัตรทองของนักการเมืองบางคน ใช้จ่ายได้ มีหน้าที่อย่างเดียวเขียนเชียร์ ปกป้องเขา เพราะฉะนั้นแล้ว สื่อมวลชนเมืองไทยกรุณาอย่ามาเที่ยววิจารณ์ ด่าตัวคุณเองก่อน สื่อ ASTV นี่สุดยอด เงินเดือนออกไม่ตรงเวลา ออกบ้างไม่ออกบ้าง ออกช้า แต่จิตใจยังมุ่งมั่นอยู่ รักความถูกต้องอยู่ พวกคุณมีแต่รับเงินเพิ่มๆ นี่คือสถานภาพของสื่อ แล้วชาติบ้านเมืองทุกวันนี้มันฉิบหายเพราะสื่อมวลชน คนไทยมันโง่เพราะสื่อมวลชน คนไทยมันด้อยปัญญาเพราะสื่อมวลชน นักการเมืองมันเหิมเกริม มันสถุล มันอัปยศ บัดซบก็เพราะสื่อมวลชน

เติมศักดิ์- คุณสรยุทธ เป็นกระจกเวลาที่ เวลาสื่อมวลชนด่าสรยุทธ มันคือกระจกที่ด่าตัวเอง

จินดารัตน์- แล้วก็ย้อนกลับไปที่คุณสนธิ บอกว่า คนไทยด้อยปัญญา สื่อมวลชนเลวๆ ถึงอยู่ได้

สนธิ- อย่างเรื่องการรับจำนำข้าว มันคือการปล้นประเทศที่ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก แทนที่สื่อมวลชนจะรวมตัวกันทั้งทีวี ทั้งโทรทัศน์ วันนี้ช่อง 3 ตระกูลมาลีนนท์ สนใจอย่างนี้อย่างเดียว เงิน ถูก ผิด ชั่ว ดี ไม่สนใจ ขอให้มีเงิน แล้วสรยุทธ ก็จะออกช่อง 3 ตอนเช้าต่อไปเรื่อยๆ เพราะว่ารายการนี้มันก็จะมีสปอนเซอร์โง่ๆ ที่มองว่า เออมีคนดูเยอะ และที่คนดูเยอะก็เพราะว่าด้อยปัญญาไง มันแยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ ก็เลยเป็นผลพวงของคนโง่ ความชั่วผสมผสานกัน แล้วทำให้เงินทองมันไหลมา จบข่าว

จินดารัตน์- ก่อนที่สังคมมันจะเลวร้ายขนาดนี้ วันนี้คุณสนธิ สัญญากับเราไว้แล้วว่า จะต้องเล่าให้เราฟัง จุดเปลี่ยน

สนธิ- วันนี้เป็นวันโหมโรง ผมอยากให้ทั้งนงวดี และแอน ฟังที่มาที่ไปของการเมืองไทยสักนิด คือเมืองไทยคือเวลาเราดูการเมืองนะเติม อย่าไปดู ณ เวลานี้ เติมรู้ไหมว่า การเมืองมันเริ่มเปลี่ยนจริงๆ เวลาไหน 2531 ปีแรกที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ปีสุดท้ายที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ ผมจะยกตัวอย่าง สังคมไทยเป็นสังคมอำนาจนิยม สังคมตะวันตกเป็นสังคมปัจเจกนิยม สังคมอเมริกา ใครมาละเมิดสิทธิ์ เหมือนกับว่าน้ำมันมันแพงมาโดยไม่มีเหตุผล มันลุกฮือมาสู้เลยนะ แล้วในที่สุดทุกคนจะเห็นพ้องกัน รวมตัวกัน แต่สังคมไทยอำนาจ แล้วแต่ผู้นำว่าอย่างไร ว่าอย่างนั้น ทีนี้สังคมอำนาจนิยม มีผู้มีอำนาจ ถ้าคิดดีทำดี คิดเพื่อส่วนรวมชาติบ้านเมือง สังคมปัจเจกนิยมผู้มีอำนาจ ถ้าคิดไม่ดี ปัจเจกชนจะลุกฮือมารุมยำผู้มีอำนาจเอง ถูกไม่ถูก แต่เผอิญเมืองไทยปี 2531 เป็นปีแรกที่เปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสอำนาจโดยผ่านการเลือกตั้ง โดยใช้เงินใช้ทองในการเลือกตั้ง จะเข้าใจตรงนี้ต้องมองย้อนหลัง 2531 ไปก่อน ก่อน 2531 สังคมไทย แบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น ชนชั้นปกครอง พวกอำมาตย์ อีกชนชั้นหนึ่งพวกพ่อค้าคนกลาง แต่พ่อค้าไม่มีอำนาจ และข้างล่างคือประชาชนทั่วไป อำมาตย์มีอำนาจมาก คือพวกอภิสิทธิ์ชน คุณไปดูได้เลย อดีตเลขาสภาพัฒน์ เสนาะ อูนากูล พิสิฏฐ ภักเกษม อำนวย วีรวรรณ พวกนี้อำมาตย์ทั้งนั้น ไปดูปลัดกระทรวงได้ ศิววงศ์ จังคศิริ ที่มาที่ไปดี ชาติตระกูลดี ไปเรียนอังกฤษ พอพวกนี้กลับมามีอำนาจก็เกาะกุมอำมาตย์ไว้ 2475 กลุ่มอำมาตย์ กลุ่มเจ้า ถูกคณะราษฎรโค่นล้ม แล้วค่อยมาเลียนแบบทางตะวันตก คือมีการเลือกตั้ง อำมาตย์จึงจำเป็นต้องมีพรรคการเมือง เพื่อมาปกป้องตัวเอง รวมทั้งเชื้อพระวงศ์บางส่วนด้วย นั่นคือพรรคประชาธิปัตย์

ทีนี้พรรคประชาธิปัตย์ คือทางออกทางการเมืองของพวกกลุ่มอำมาตย์ที่จะมาเล่นการเมือง สมัยก่อนกลุ่มอำมาตย์ชนกับทหารคนหนึ่ง ยังไม่มีอะไร พอชนไปชนมา สมัยก่อนพรรคประชาธิปัตย์ หรือกลุ่มอำมาตย์ชนกับทหารเท่านั้นเอง ยังไม่มีอะไร พอชนไปชนมาสมัยก่อนพรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่มอำมาตย์ สู้กับทหาร ด้วยประเด็นเดียว คืออำนาจเผด็จการมีสีดำ กับสีขาว เห็นชัด แต่พอสังคมมันวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงมากขึ้น เอ๊ะ สีดำชักไม่ใช่สัดำแล้ว มันเป็นสีขาว พรรคประชาธิปัตย์ปรับตัวไม่ทัน และช่วงปี 2531 เป็นช่วงที่ทุนเริ่มเข้าประเทศ ไม่ใช่เข้าเฉพาะไทยนะ เข้าอินเดีย เวียดนาม ฮ่องกง เข้าโน้น เข้านี้หมดเลย เป็นช่วงที่เราเริ่มเปิดประเทศให้ทุนอุตสาหกรรมเข้ามา เมื่อทุนมันเข้ามาแล้ว เราเริ่มมีอำมาตย์รุ่นใหม่ ที่ไปเรียนทางตะวันตก อเมริกา ประมาณปี 2500 ช่วงที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ขึ้นมา 55 ปีที่แล้ว เราเริ่มมีคนไปเรียนที่อเมริกา แล้วคนพวกนี้กลับมา อยู่ในแก๊งอภิสิทธิ์ชน แก๊งเดียวกันหมด เมื่ออยู่ในแก๊งเดียวกันหมด คนพวกนี้คือคนซึ่งไปเรียนรู้ แล้วได้รับสิ่งที่เขาเรียกว่า ซอฟท์พาวเวอร์จากเมืองนอก คิดแบบฝรั่ง ทำแบบฝรั่ง สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ชื่อจริงๆ ที่แท้จริงเรียกว่า ไอ้เสือคล้อยคือ คล้อยตามตะวันตก แผนข้างหน้าทุกแผนคุณไปดูได้เลย พัฒนาตามที่ฝรั่งมันวางไว้ ต้องสร้างถนน ต้องมีไฟฟ้า ทำไมต้องสร้างถนน เพื่อให้รถเข้า ทำไมรถต้องเข้าถึง เพื่อขนสินค้าไปขาย ทำไมต้องขนสินค้าไปขาย เพื่อส่งเสริมการค้าขายที่ฝรั่งมันต้องการจะค้าขาย แล้วทำลายรากเหง้าของสังคมไทยไปทีละนิด ทีละนิด แสดงให้เห็นว่า บทบาทของทุนเริ่มเข้ามา เข้ามาแรงที่สุดคือ ยุคพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ คุณนึกดู ผมยกตัวอย่างให้คุณดูง่ายๆ เติมศักดิ์ ยุคพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นยุคที่เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง พลเอกเปรมไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มาจากการที่พรรคการเมืองเลือกขึ้นมาเป็นนายกฯ ยุคพลเอกเปรมมีการลดค่าเงินบาทใช่ไหม

เติมศักดิ์- ปี 27

สนธิ- คุณสมหมาย ฮุนตระกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เป็นผู้บัญชาการทหารบก ยุคพลเอกเปรมลดค่าเงินบาท แต่เผชิญยุคพลเอกเปรม เอาประเทศไทยเป็นตัวตั้ง ท่านประกาศลดตูมเลย ไม่มีคนแอบไปฟัง ในยุคชวลิต ยงใจยุทธ

จินดารัตน์- ใช่ๆ

สนธิ- ทุกคนเจ็บตัวเท่ากันหมด สว่าง เลาหทัย ผู้ค้าปุ๋ยอันดับ 1 ของประเทศไทย คู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของธนาคารกรุงเทพ เป็นเพื่อนซี้ของพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เห็นว่า เพื่อนตนเองเป็นผู้บัญชาการทหารบกไปฟ้อง บอกว่าทำอย่างนี้ ลดค่าเงินบาทอย่างนี้ผมเจ๊ง พลเอกอาทิตย์เลยออกมาส่งเสียงคำรามเหมือนกับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา 3 วัน พลเอกเปรมย้าย พลเอกอาทิตย์ออกจากผู้บัญชาการทหารบก ถามว่าอะไรเกิดขึ้น หลังจากลดค่าเงินบาท ประเทศไทยเจ็บปวดทั้งประเทศ แต่ว่าผ่านไปปีกว่า สถานการณ์เริ่มกลับมา ทุกคนดีขึ้น เติมศักดิ์คุณเทียบช่วงลดค่าเงินบาทของพลเอกเปรม กับลดค่าเงินบาทของช่วงพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเมือง ชวลิต ยงใจยุทธลดค่าเงินบาท โดยมีวาระซ่อนเร้น มีอย่างเหมือนอย่างที่เขาไปฟ้องคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่คุณสุเทพบอกว่า คุณโภคิน พลกุลได้ยินด้วย แล้วใครได้ประโยชน์ ทักษิณ ชินวัตรได้ประโยชน์ เครือชินวัตรได้ประโยชน์ ปรากฏว่า มีการล้ม 56 ไฟแนนซ์ และมีการเอา ปรส.เข้ามา ใครได้ประโยชน์ กลุ่มคุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ได้ประโยชน์ คุณอมเรศ ศิลาอ่อนได้ประโยชน์ 15 ปีความจริงถึงโผล่ออกมาไง ศาลตัดสินมาตั้ง 15 ปี กว่าจะชี้ว่า กลุ่มคุณอมเรศไปเอื้อกับฝรั่งให้มาเหยียบกระทืบคนไทย เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นได้ชัดว่า ระหว่างพลเอกเปรมที่ประชาชนเจ็บปวดทั่วกันไปหมด เป็นความยุติธรรม และเป็นธรรมทั่วเท่ากันทั่วประเทศ แต่พอเห็นคุณชวลิต ซึ่งเป็นนักการเมือง ทำให้เกิดการแตกแยก เกิดซุปเปอร์อภิสิทธิ์ชนขึ้นมาอย่างเช่น ทักษิณ ชินวัตร หรือหลายๆ คน สมัยก่อนสมัยคุณชวลิตลดค่าเงินบาท ไม่ใช่ทักษิณได้คนเดียวนะ นายแบงก์แทบทุกคนได้หมด แบงก์กรุงเทพก็รวย แบงก์โน้นแบงก์นี้ก็รวย รวยบนพื้นฐานอะไร รวยบนพื้นฐานของความพินาศฉิบหายของประชาชน ที่ต้องล้มละลายจากคนพวกนี้ สมัยก่อนคุณเปรมลดค่าเงินบาท ไม่มีใครรู้ มีคุณสมหมาย กับคุณเปรมรู้สองคน วันรุ่งขึ้นประกาศลดทันทีเลย เพราะฉะนั้นคุณจะเห็น คุณเปรมอยู่ในการที่ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง แต่ว่าใช้ตัวเองเป็นผู้นำในอำนาจนิยม นำไปในทางที่ดี

เติมศักดิ์- เพื่อส่วนรวม

สนธิ- เพื่อส่วนรวมก็ดี ชวลิตเป็นผู้แทน เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในลักษณะสังคมไทยที่เป็นอำนาจนิยมนำประเทศเหมือนกัน แต่ว่าพอแก้ปัญหาวิกฤต แก้วิกฤตโดยเลือกที่รักมักที่ชัง เพราะมีผลประโยชน์ไม่เหมือนกัน 15 ปีผ่านมา เติม รอยร้าวตรงนี้ยังคงเหลืออยู่ ทุกวันนี้หนี้เสีย ที่ยังเจรจากันอยู่ ที่ บสท.ที่ SAM ยังไม่จบ 15 ปีแล้ว ยังไม่จบบาดแผลนี่มันลึกเหลือเกิน แสดงว่าการเมืองคือตัวที่ทำให้มันฉิบหาย 14 ตุลาเกิดขึ้น เกิดขึ้นแล้วมีอะไร 14 ตุลาเกิดขึ้น เท่ากับเป็นการเปิดประตู เปิดอิสรเสรีภาพให้กลุ่มคนพ่อค้า นักธุรกิจ เถ้าแก่ นักเลง มาเฟีย ที่แต่ก่อนนั้น เป็นผู้ที่นั่งรอเศษกระดูก และเศษเนื้อ ที่กลุ่มอภิสิทธิชน พวกอำมาตย์จะโยนให้พวกนี้กิน

นานมาแล้วครั้งหนึ่ง เสนาะ เทียนทองคือใคร เสนาะ เทียนทองคือคนซึ่งค้าขายชายแดนกับเขมร และดูแลคิวรถบรรทุกที่วิ่ง บรรหาร ศิลปอาชาคือใคร พ่อค้าผูกขาดขายคลอรีนให้กับกรมโยธาธิการ ทวิช กลิ่นประทุมคือใคร ทวิช กลิ่นประทุมคือ เจ้าพ่อชิปปิ้ง ที่อยู่ที่คลองเตย สุวัจน์ ลิปตพัลลภคือใคร พ่อสุวัจน์ ลิปตพัลลภคือคนที่ทำการประมูลการก่อสร้างสร้างทางกับกรมทางหลวง พอ 14 ตุลาเกิดขึ้น เปิดโอกาสให้คนอย่างเช่น บรรหารต้องมาเล่นการเมือง เปิดโอกาสให้คนอย่างเช่นสุวัจน์เข้ามาเล่นการเมือง เสนาะ เทียนทองเข้ามาเล่นการเมือง และอีกนับไม่ถ้วน คนพวกนี้สมัยก่อนเป็นนายหน้า และเอเยนต์ของทุนเก่า และอำมาตย์เก่าที่อยู่ในเมืองไทย บางคนเป็นลูกน้องของ ชาตรี โสภณพนิช บางคนเป็นลูกน้องของแบงก์กสิกรไทย ใช่ไหม คือพวกนี้คือพวกซึ่ง รับเศษกระดูก และเศษอาหาร ที่ตรงอำนาจส่วนกลางคือ อำมาตย์ และอภิสิทธิชนโยนไปให้ เข้าใจยัง พอพวกนี้ได้มาปังแล้ว เริ่มมาเป็นอำมาตย์ด้วยตนเอง เริ่มมาสัมผัสอำนาจ พวกนี้ที่เข้ามาเพื่ออะไรรู้ไหม เพื่อเรียกร้องความธรรมให้ตัวเองมีสิทธิ์ได้ประโยชน์ โดยที่ไม่ถูกเบียดบังเหมือนสมัยก่อน โดยที่ไม่ต้องคุกเข่าคลานเข้าไป และโดยที่ไม่ต้องเสียส่วนต่างให้กับกลุ่มอำมาตย์ คือว่าต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง ตัวต่อตัว นั้นคือที่เกิดของมัน

สมัยก่อนอำมาตย์ทำอย่างไร พ่อค้าพวกนี้ทำอย่างไร พ่อค้าพวกนี้สมัยก่อน เมื่อสังคมยังไม่เปิดให้เล่นการเมืองโดยเสรี พวกนี้จะใช้วิธีผูกตนเองกับอำมาตย์ ผูกกันอย่างไรบ้าง ธุรกิจอะไรก็ตามจะมีอำมาตย์ถือหุ้น ธนาคารกรุงเทพครั้งหนึ่งใครเป็นประธานธนาคารกรุงเทพรู้เปล่า พลอากาศเอกเฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ทำไม เหตุผลเพราะว่า จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ไม่ชอบชิน โสภณพนิช เมื่อสฤษดิ์ปฏิวัติเผ่า ศรียานนท์ ชิน โสภณพนิช ต้องหนีจากเมืองไทยไปอยู่เมืองนอก ลูกหลานชิน และชินต้องการให้แบงก์กรุงเทพอยู่ต่อ เลยไปเชิญ พลอากาศเอกเฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร ซึ่งเป็นคนสนิทของจอมพลสฤษดิ์ มาเป็นประธานแบงก์กรุงเทพ พอพลเอกเฉลิมเกียรติตาย เพราะเครื่องตกที่ไต้หวัน ไทเป เอาใครมา ประภาส จารุเสถียร เห็นไหม เพราะฉะนั้นคนพวกนี้จะเอาฐานเข้ามา ช่วงหลังตอนหลังเริ่มมีการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์กัน คนจีน ลูกจีนรวยขึ้นมาจะแต่งงานกับลูกอำมาตย์ แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ จิราธิวัฒน์ เป็นตัวอย่างให้เห็น หรือว่ากลุ่มอำมาตย์ หรือกลุ่มพ่อค้าที่เป็นทุนเก่า เพื่อต้องการผูกพันกับอำนาจทางการเมือง เอาคนของตนเองลงไปสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเช่น คุณชนะ รุ่งแสง ของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หรือคุณบุญยิ่ง นันทาภิวัฒน์ สมัยก่อน เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ คุณพิสิฎฐ ภัคเกษม เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ คุณพิสิฎฐเป็นอดีตเลขาธิการสภาพัฒน์ นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง เข้าใจยัง

พอหลัง 14 ตุลาแล้ว ประตูมันเริ่มเปิดกว้าง พอมันเปิดกว้างแล้ว คนพวกนี้เข้ามากัน ปุ๊บปั๊บ ปุ๊บปั๊บ ใครจะนึกละว่า ทวิช กลิ่นประทุม ชิปปิ้งคลองเตย กลายเป็นรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา คนที่คอยชงกาแฟ ส่งกาแฟให้อธิบดี เพื่อที่จะขอสัมปทานในการขายคลอรีนจะกลายเป็นในที่สุดนายกรัฐมนตรี เข้าใจเปล่า หรือว่าคนอย่างเฉลิม อยู่บำรุง อดีตตำรวจกองปราบฯ เดินตรวจร้านเพชรแถวหัวเม็ด เช็กว่าเพชรนี่มาจากไหน มีที่มาที่ไปหรือเปล่า

จินดารัตน์- ถือกะลาไปด้วย ไปเคาะใช่ไหมคะ

สนธิ- ไม่รู้ จะเคาะหรือไม่เคาะไม่รู้ แต่ว่าวันนี้มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ตลาดการเมืองมันเปิด มันเปิดแต่เผชิญมันเปิดบนสังคมที่ด้อยปัญญา มันเปิดในขณะซึ่งคนไทยยังไม่เข้าใจ สมัยพวกนั้นเลย 50 บาทต่อ 1 เสียง ตอนหลังเปลี่ยนมาเป็น 100 บาทต่อ 1 เสียง 200 บาทต่อ 1 เสียง จะ 50 จะ 100 จะ 200 จะ 300 จะ 500 ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นคือคนพวกนี้พอซื้อเสียงคนข้างล่าง พอได้มีอำนาจไม่ยอมปรับโครงสร้างที่จะให้คนข้างล่างได้ด้วย เข้าใจยังที่ผมพูด คือมึงโทษนะ มึงยังจนมึงก็จนต่อไป มึงยังลำบากก็ลำบากต่อไป รอให้มีเลือกตั้งนะมึงเอาไป 500 บาท หรือ 200 บาท พ่อของคุณสุชาติ เชาว์วิศิษฐ แจกปลาทู เขาถึงเรียกว่า ส.ส.ปลาทู ปลาทูเข่ง นึกออกหรือยัง

เติมศักดิ์ - ที่มา

สนธิ- นี่คือที่มาของมัน คุณต้องรู้ตำนานพวกนี้ ตรงนี้แปลว่าอะไร ตรงนี้แปลว่า โครงสร้างทางเศรษฐกิจ และสังคมไม่ได้ถูกเปลี่ยนเลยแม้แต่นิดเดียว ชนชั้นล่างเกษตรกรไม่ได้รับการดูแลมาก จนกระทั่งวันนี้ยังไม่ได้รับการดูแล เพียงแต่ว่า ในช่วงช่องว่างระหว่างตรงนี้ ช่วงนั้นถูกถมเต็มโดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ ที่เสด็จไปตามที่ต่างๆ เสด็จไปที่ต่างๆ ช่วยเหลือชาวบ้าน สอนชาวบ้านมีโครงการพระราชดำริ จัดหาน้ำให้ สมเด็จฯ หาอาชีพให้ มาจนถึงวันหนึ่งทั้งสองพระองค์ชราแล้ว ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง เลยเกิดช่องว่างตรงนี้ จังหวะพอดี ทักษิณเสียบเข้ามา เห็นไหมคุณต้องดูภาพเอา พอทักษิณเสียบเข้ามาจับพื้นฐานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจับอยู่ แต่นักการเมืองในอดีตที่ผ่านการเลือกตั้งไม่เคยมีใครมาจับ ทักษิณจับ ทักษิณฉลาด เพราะโดยพื้นฐานเป็นคนเค็ม เค็มมาก ไม่ยอมใช้เงินตนเอง แต่ใช้เงินภาษีอากรพวกเรา นั้นคือที่มาของการลด แลก แจก แถมให้ประชาชน

เติมศักดิ์- ประชานิยม

สนธิ- แล้วบอกว่าทักษิณมีบุญคุณกับเรา แต่เผอิญ ทักษิณมีที่ปรึกษา เป็นฝ่ายซ้ายจัด ฝ่ายซ้ายจัดเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากพวกนี้เมื่อออกจากป่าแล้ว หลายคนไปทำงานกับทักษิณ พอทักษิณเข้ามาเล่นการเมือง เอาคนพวกนี้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา พวกนี้คือ ซ้ายอกหัก พยายามจะล้มล้างการปกครองตามระบอบตามระบอบกษัตริย์มานานแล้ว ถึงกับเข้าป่าเพื่อต่อสู้ แต่ในที่สุดโดนประเทศจีนหักหลัง เหมา เจ๋อ ตง ไปนั่งกินเหมาไถ กับริชาร์ด นิกสัน อกหักกันเป็นแถวเลย พวกนี้ก็เลยต้องออกจากป่า เมื่อออกจากป่าก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน ส่วนหนึ่งก็กลับไปสอนหนังสือ ที่ธรรมศาสตร์บ้าง จุฬาฯ บ้าง บางส่วนไปเป็นหมอบ้าง หมอประเภทโหวงเหวงอะไรพวกนี้นะ บางส่วนก็สมัครเข้าไปเป็นอัยการ บางส่วนไปเป็นผู้พิพากษาบ้าง ที่เหลือบางส่วนมาทำงานกับทักษิณ เมื่อทำงานกับทักษิณแล้ วก็ยังใฝ่ฝันตามอุดมการณ์อยู่ จนกระทั่งทักษิณประกาศเล่นการเมือง พวกนี้ก็เห็นเงินทักษิณ แล้วเผอิญพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่เคยพัฒนาตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยรู้ถึงอิทธิพลอำนาจของทุน ว่าเข้ามาแล้วจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้ขนาดนี้ ก็ยังเล่นมุกเดิมๆ ประชาธิปัตย์เล่นมุกเดิมๆ มาจนวันนี้ก็ยังเล่นมุกเดิมๆ ก็คือตัวเองหล่อ ตัวเองเท่ห์ แต่ลับหลังแล้วตัวเองไม่ได้เลวน้อยไปกว่าไอ้พวกที่ตัวเองด่าเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่ตัวเองใส่เสื้อผ้าสวยกว่า เรียบร้อยกว่า พูดเพราะว่าเท่านั้นเอง ชาติตระกูลดูดี เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อทักษิณมา เขาเล่นทุกอย่างถึงลูกถึงคนหมดเลย ก็เลยเป็นเจ้าหนี้บุญคุณพอมีที่ปรึกษาทางฝ่ายซ้าย เติมจำได้มั้ย ปฏิญญาฟินเเลนด์ เป๊ะ นั่นคือปฏิญญาฟินแลนด์ หันย้อนหลังไปดูแต่ละข้อ ชัดเจนหมดเลย นั่นคือยุทธวิธีที่เขาเดินบันไดที่ละขั้นทีละขั้น เพื่อยึดประเทศและเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ

ในขณะซึ่งด้านหนึ่งก็เป็นอย่างนี อีกด้านฝ่ายซ้ายจัดก็เริ่มเดินเกมแล้ว ทักษิณมีบุญคุณกับประชาชน ในที่สุดก็เกิด 19 กันยา 2549 เกิดขึ้นเพราะอะไรไม่ใช่ 4-5 ข้อ ที่เขาประกาศเหรอ เกิดขึ้นเพราะว่า ทักษิณจะย้าย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ออกจาก ผบ.ทบ. จะย้าย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ออกจากแม่ทัพภาค 1 เขาถึงปฏิวัติ เขาไม่ได้ปฏิวัติเพื่อชาติบ้านเมืองหรอก พอตอนหลังเขาไม่ทำ แท้ที่จริงเป็นอย่างนี้ ก็มาดู พล.อ.สนธิ ทำอะไร พล.อ.อนุพงษ์ ตอนมีอำนาจอยู่ทำอะไร เพราะฉะนั้นแล้ว และคุณก็เห็นชัด ว่าเมื่อปฏิวัติ 2549 แล้ว สนธิ บุญยรัตกลิน ขึ้นมา ปรากฏว่าแถวหน้าที่ออกทีวีพวกเดียวกันหมดเลย จปร.รุ่น 6 รวมไปถึงโกวิท วัฒนะ ก็ จปร.รุ่น 6 หมดเลย จะมีแหกเหล่าแหกกอคนเดียว เท่านั้นเอง คือ ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. นอกนั้นแล้วทำมาหากินด้วยกัน ปรากฏว่า ทักษิณวันนั้นที่ออกไปกลายเป็นตัวประกันให้ทุกคนรีดเงิน และผมเชื่อว่าสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่โดนคดีในเรื่องของซีทีเอ็กซ์ก็โดนรีดไปเยอะ เพราะฉะนั้นแล้วเมืองไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้ พอทักษิณกลับมามีอำนาจส่งตัวแทนซึ่งเป็นนอมินี่กลับมามีอำนาจพวกนี้ถึงจะต้องรีบหาทางเจรจากับทักษิณ ผมถามซิ เมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงไหม ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ประชาธิปัตย์ก็ยังเหมือนเดิม รอกลับมามีอำนาจเท่านั้นเอง เมื่อตัวเองกลับมามีอำนาจ สิ่งที่ตัวเองทำ ก็ไม่ได้ต่างกับสิ่งที่ทักษิณทำ คุณรู้ไหมว่าทำไม วันนี้คนเขาด่าธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นหมูเป็นหมาเลย ผมก็เห็นว่าคุณธาริต ไม่ได้ดีกว่าหมูกว่าหมา แต่ผมยังเห็นใจเขา ตรงไหนรู้ไหม สมัยเป็นอธิบดีดีเอสไอคุณจำไม่ได้เหรอเติม คุณอยู่ในวงการข่าวคุณต้องจำได้ วันที่จตุพร พรหมพันธุ์ ขอประกันตัว ธาริตขึ้นไปค้าน จำได้ไหม ค้านในศาล แล้วใครที่สนับสนุนจตุพร พรหมพันธุ์ ถึงขนาดที่ ว่า เอา พล.ต.ต.ไอ้แต้ม วิชัย สังข์ประไพ ไปให้การบอกว่า จตุพร เป็นคนดี เอาคนนู้นคนนี้ไปให้การถ้าไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ

ธาริต เพ็งดิษฐ์ ไปยืนในศาล ค้านการประกันตัว สุเทพ เทือกสุบรรณ อีกด้านหนึ่ง ส่งทหาร ส่งตำรวจไป ส่งตำรวจเจ้าหน้าที่รัฐไป รวมทั้งพรรคการเมือง ไปสนับสนุนเขา บอกว่า ควรให้ประกันตัว แล้วถ้าคุณเป็นธาริต คุณคิดยังไง เอาคุณเป็นธาริต คุณก็บอกว่า ไหนๆ จะเปลี่ยนรัฐบาลแล้วกูเข้าข้างเสื้อแดงไปเลยดีกว่า เพราะไอ้พวกเพื่อไทย ทักษิณ มันมีข้อดีอยู่อย่าง ใครทำงานให้มัน มันดูแลหมด ปูนบำเหน็จอย่างงาม แต่พรรคประชาธิปัตย์ ใครเป็นคนดี กูขอใช้หลัง และใช้หัวมึงเป็นบันไดที่กูจะเหยียบมึงขึ้นไป เหมือนอย่างพันธมิตรฯ ไง ฉันใดฉันนั้น ฉะนั้นประชาธิปัตย์ชาตินี้ทั้งชาติมันจะไม่มีวันจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินอีก ก็เพราะว่าคนของมันใจไม่ถึง และจิตใจไม่บริสุทธิ์ ไม่สะอาด ผมถึงบอกว่า ผมไม่ได้ด่าธาริต มาก ผมเข้าใจมัน เเต่ผมคิดว่ามันทำไม่ถูกต้อง ช่วยไม่ได้ ก็ในเมื่อมันเคยอยู่ฝั่งนี้ แล้วฝั่งนี้ทำกับมันแบบนี้ มันเลยตัดสินใจข้ามฝั่งไปเลยดีกว่า คุณเข้าใจยัง ไม่มีใครคิดในเรื่องประเด็นนี้ มันก็นึกในใจกูไม่เปลี่ยนได้ไง ก็กูอยู่กับมึงก็เลยค้านประกันจตุพร มึงเสือกแอบหนุนให้จตุพรประกันตัวแล้วกูจะยืนยังไง เข้าใจหรือยังใช่ไหม

เพราะฉะนั้นแล้วคุณจะเห็นว่าการเมือง จากวันนั้นจากวันที่อำมาตย์มีอำนาจมีอำนาจมา โครงสร้างทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนอยู่เรื่องเดียวทักษิณเข้ามา ทักษิณเอาเงินหว่านคนไปหมด แต่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้าง ยังไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้าง ชาวนายังเหมือนเดิม มีอยู่อย่างเดียวคือ ประกันราคาข้าว แต่ประกันราคาข้าวคือ การใช้ชาวนาเป็นตัวประกัน และเป็นเครื่องมือ เพื่อให้ตัวเองมาคดโกงคอร์รัปชัน เข้าใจเปล่า มีอยู่เรื่องเดียวที่มันทำ แล้วพอที่จะพูดได้คือ 30 บาทรักษาทุกโรค นอกนั้นแล้ว โครงสร้างเศรษฐกิจไม่เคยเปลี่ยน คนจนยังไม่สามารถเข้าสู่แหล่งเงินทุนได้ คนจนจะทำมาหากินไม่ได้รับการส่งเสริม ทุกวันนี้เงินฝากประชาชนบีบเปอร์เซ็นต์ลง 3 เปอร์เซ็นต์ 2 เปอร์เซ็นต์

จินดารัตน์- ไม่ถึงค่ะ ประมาณเกือบบาทมั้งคะ

สนธิ- เงินกู้ 10.75 ผมมีคนคนหนึ่งเขาเพิ่งจะขอโอดี เปิดขยายวงเงินโอดี เพื่อที่จะไปขยายธุรกิจเขา 3 ล้านบาท เป็นกู้เพิ่มมา ดอกเบี้ย 10.75 เปอร์เซ็นต์ เงินฝาก 1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนต่าง 9.75 แบงก์รวย นี่ขนาดคนที่เขายังมีหลักทรัพย์นะ แล้วผมถามคนทั่วๆ ไป ชนชั้นกลางที่จะทำธุรกิจแล้วมันจะอยู่ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นว่า โครงสร้างทางเศรษฐกิจยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังผูกขาดเหมือนเดิม เพียงแต่วันนี้กำลังจะพลิกผัน เปลี่ยนมือผูกขาดจากกลุ่มอำมาตย์มาเป็นกลุ่มทักษิณ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะประเทศไทยยังคงย้ำอยู่กับที่ ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะการเมืองเท่านั้น การเมืองทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเลยแม้เดี๋ยวเดียว คือการเมืองวันแมนวันโหวตทุกอย่าง บ้านเมืองพินาศฉิบหายทุกอย่าง เพราะการเมืองใช่ไหม

เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ ผมถามสิ คุณดูมีอะไรบ้างที่จะเปลี่ยนแปลง 1. มีแต่กู้เพิ่ม 2. จำนำข้าว 3. กู้มาอีก 2 ล้าน 4 แสนล้าน ล้านล้าน เพื่ออะไร เพื่อมาทำโครงการ การทำโครงการการจำนำข้าวคือ การดึงส่วนต่างเข้ากระเป๋านักการเมืองให้มากที่สุดเท่าที่มากได้ ประเทศไทยจะเจ๊งฉิบหายช่างหัวมัน ผมรู้สึกอย่างนี้ ผมรู้สึกเฉยๆ ทำไมผมรู้สึกเฉย เพราะว่าคนไทยมันด้อยปัญญา คนไทยส่วนใหญ่มันบัดซบแบบนี้ไง มันสมควรที่จะได้รัฐบาลแบบนี้ และมันสมควรจะได้ไอ้สื่อมวลชนเฮงซวยแบบนี้ บางครั้งผมมาคิด ผมอยากให้รัฐบาลอยู่ให้ครบ 4 ปี เพราะอะไรรู้ไหมเติม ผมอยากให้ชาติไทยมันเจ๊งให้หมดเลย มันจะได้รู้สึกกันบ้าง และถ้ามันเจ๊งกันหมด และผมเชื่อถ้ามันอยู่ต่อเจ๊งแน่นอน คนจะได้เลิกพูดซักทีว่า อ้าวไหนทักษิณมันไม่ได้เก่งอย่างที่มันคิด อย่างที่เขาคิด เพราะทักษิณอยู่ครั้งแรก 4 ปี ปี 44 45 46 47 48 โดย 4 ปีแรกเป็น 4 ปีของการโพซิชันนิง คอนโซลิเดติง คือ รวบรวมความกล้าอยู่ เขากำลังจะแสดงฤทธิ์ของเขาต่อไป ไม่มีโอกาสแสดง มีปฏิวัติปี 49 แล้วหลังจากนั้น สมัครปีกว่า สมชายไม่ถึงปี แล้วค่อยมาต่อที่ยิ่งลักษณ์ คนบอกว่า ถ้าท่านทักษิณอยู่ต้องเพื่อไทย ทักษิณมีนโยบายจะทำให้คนรวยอย่างโน้นอย่างนี้ ให้อยู่ให้ 4 ปี พอเจ๊งแล้ว คนจะได้รู้ว่า สิ่งที่เขาคิดว่า ทักษิณเจ๋งนั้น มันเป็นเทพนิยาย มันไม่ใช่เรื่องจริง คนไทยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อวดดีกันนัก เก่งนักใช่ไหม โง่นัก สิ่งนี้เราสู้อยู่

เติมศักดิ์วันนี้ศาลปกครองอ่านคำพิพากษามา คุณรู้ไหมมีประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากเลย ทั้งหมดนี้เลยที่เขาอ่านมานี่ มันพิสูจน์ชัด ว่าเราเป็นฝ่ายถูก มันเท่ากับไปลบล้างคำพูดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายเนวิน ชิดชอบ นายอนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือนายประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่า เสื้อแดง เสื้อเหลืองคือ ตัวป่วนของประเทศ

จินดารัตน์- ตัวป่วนของประเทศ

สนธิ- ถูกไหมเติมศักดิ์ วันนี้คำพิพากษาศาลปกครองพูดชัด บอกว่าพวกเราไม่ได้ตัวป่วนประเทศ ไอ้ตัวที่ป่วนประเทศ และฆ่าเราคือตำรวจ พวกมึงต่างหาก ผมต้องบอกว่า ถ้าผมได้ยินคำพูดจากนายอนุพงษ์ เผ่าจินดา นายประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว ผมหมดหวัง ในสถาบันการศึกษาอย่างเช่น โรงเรียนนายร้อย จปร. ถ้าผลิตคนอย่างนายอนุพงษ์ และนายประยุทธ์ แล้วคิดได้เพียงแค่นี้ ประเทศชาติไม่มีหวังแล้ว จะไปหวังอะไร เราต้องทำตามกฎหมาย ความมั่นคงของชาติ จู่ๆ คุณเจอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สุกำพล สุวรรณทัต มาบอกว่า การจำนำข้าวนั้น 80 เปอร์เซ็นต์ได้ 20 เปอร์เซ็นต์ต้องยอมให้โกง นี่แสดงว่ารัฐบาล และคณะรัฐบาลกำลังยอมให้โกงใช่ไหม ถูกไม่ถูก รัฐบาลผิดหมดใช่ไหม ถามนายประยุทธ์ จันทร์โอชา ตรงนี้ถูกต้องตามกฎหมายไหม คุณตอบผมหน่อยสิ ไม่ตอบ มีทหารเขาบอกว่า มีทหารรุ่นน้องเขาบอกว่า ประยุทธ์พูด เอ้ยคนอย่างผมไม่เปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมือง จะเปลี่ยนแปลงกรณีเดียว แดงกับเหลืองตีกันกวาดมันทั้งคู่เลย นี่คือคำพูดของประยุทธ์ จันทร์โอชา และเป็นคำพูดเดียวกับอนุพงษ์ เผ่าจินดา และเป็นคำพูดเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เห็นหรือยัง นี่คือการเมืองไง มันพัฒนามาแบบนี้ตลอดเลย มีอะไรจะถามผมไหม

เติมศักดิ์- ที่เนวินพูดเมื่อวานบอก วางมือทางการเมืองแล้ว เพื่อเป็นการดึงฟืนออกจากไฟ เขายอมรับว่า เขาเป็นฟืนอันหนึ่ง เพื่อลดความขัดแย้ง เพื่อให้ความขัดแย้งนี่หมดไป เอาฟืนออกจากไฟขอเลิกเล่นการเมือง

สนธิ- คุณเนวินที่เลิกเล่นการเมือง เพราะคุณเนวินเป็นคนที่ฉลาด คุณเนวินในชีวิตจำเอาไว้ ผมรู้จักคนๆ นี้ดี ในชีวิตต้องมีอำนาจอยู่ในมือ ถ้าไม่มีอำนาจอยู่ในมือแล้ว จะวิ่งหนีเข้าป่าเลยจะกบดาน เหมือนเฉลิม อยู่บำรุง พวกนี้ขอให้มีอำนาจอยู่ในมือแล้ว ใหญ่คับฟ้า แต่ถ้าเมื่อใดไม่มีอำนาจอยู่ในมือจะหลบลงรู้เลย คุณเนวินพูดครั้งนี้คือ การหลบลงรู

จินดารัตน์- จ้องรอโอกาสหรือเปล่า

สนธิ- รอโอกาส เพราะในที่สุดแล้ว ถ้าพรรคประชาธิปัตย์กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ซึ่งผมคิดว่า อาจจะเป็นชาติหน้า ถ้าสมมุติอันนั้นเกิดขึ้น แล้วสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศบอกว่า เรามีวันนี้เพราะเนวิน เนวินจะบอกว่า เนวินตอนนี้พ้นออกมาจาก 111 แล้ว สามารถเล่นการเมืองได้ เนวินบอกว่า ประชาชนเขาเรียกร้องผม ผมจำเป็นต้องกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง

จินดารัตน์- เพราะถ้าแน่จริง ต้องประกาศเลิกเล่นการเมืองทั้งตระกูล

สนธิ- วันนี้ต้องเลิก เพราะว่าทักษิณมีอำนาจอยู่ แล้วดูแนวโน้มเขามองแนวโน้มว่า น้องสาวทักษิณยังจะอยู่อีกนาน เพราะฉะนั้นดีที่สุดเพื่อไม่ให้โดนเหยียบ โดนล้างแค้น ประกาศลงรู

จินดารัตน์- ทำตัวโลว์โปรไฟล์ไว้ก่อน

สนธิ- ไม่โลว์โปรไฟล์ ลงรูเลย ทั้งที่เนวินคือ ตัวสร้างทุกอย่าง เสื้อแดงเกิดขึ้นเนวินเป็นคนสร้าง

เติมศักดิ์- เป็นคนให้กำเนิดเลย

สนธิ- เนวินเป็นคนให้กำเนิดเสื้อแดง คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เรื่องที่ตำรวจมาเล่นงานผม เรื่องที่ผมเอาคำพูด ดา ตอร์ปิโด ใครไปแจ้งความรู้ไหม คนสนิทเนวิน ตอนนั้นเนวินกับสมัครยังจับมือกันอยู่ เห็นไหม

เติมศักดิ์- นั้นก็แค่คือ นกรู้

สนธิ- นกรู้ ถ้าพรุ่งนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีอำนาจ ตัวเองมีโอกาสที่จะมีอำนาจ คุณเนวินจะมีเรื่องทันทีที่จะอธิบายว่า ทำไมต้องกลับมา

จินดารัตน์- ออกจากรู้ทันที

สนธิ- ออกมาโผล่แล้วมองเหมือนกระรอก โผล่มามองซ้าย มองขวา

จินดารัตน์- ปลอดภัยแล้วโว้ย

เติมศักดิ์- แต่ผมเชื่อว่า ทุกคนคงเคยได้ยิน ที่หลายคนถามว่า แล้วสถานการณ์แบบนี้ พันธมิตรฯ จะออกเมื่อไหร่ เมื่อไหร่เราจะออกรบ

สนธิ- พันธมิตรฯ อย่าไปโง่ ดูจากการปลุกระดมพวกตำรวจแล้ว พันธมิตรฯ ออกงวดนี้ ตายกับบาดเจ็บอย่างเดียว และไปเข้าทางเขา ไปเข้าทางคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา และคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังจับมือกันแน่นปึกอยู่ เป็นเพียงแต่ว่า ช่วงหลังคุณประยุทธ์สนิทสนมกับ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง มากเป็นพิเศษ

เติมศักดิ์- กับเฉลิมหรือครับ นกรู้อีกคนหนึ่ง

สนธิ- นกรู้ เป็นทหารที่ชอบคำราม ชอบใช้อารมณ์ ชอบว้าก เหมือนไอ้โทนี่ บ้านแอน

จินดารัตน์- เห่าเสียงดังเชียว

สนธิ- มีแค่นั้น

จินดารัตน์- เขาบอกว่า รอวันเกษียณจะได้ใช้ชีวิตอย่างรุ่นพี่อนุพงษ์ ใช้เงินสบายๆ อยู่สบายๆ ไม่ต้องเจ็บตัว

เติมศักดิ์- เพราะฉะนั้นพันธมิตรฯ ก็คือ วันนี้ก็คือ ให้รู้เท่าทัน

สนธิ- รู้เท่าทันรวมตัวกันเอาไว้ รับทราบปัญญาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่าโดนหลอกอีก รู้ทันสถานการณ์ แล้วรวมกลุ่มกันเอาไว้ อย่าแตกกลุ่มให้รู้ อย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร ในขณะนี้เราถูกคนต้องการ คือวันที่เราไปรวมตัวที่รัฐสภา วันนั้นเป็นวันที่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เราพวกเรามีกำลัง และพวกเราพร้อมจะออก ถ้าชาติถึงมีภัย วันนี้ชาติไม่ได้มีภัย ชาติมีแต่คนชั่ว ให้มันปู้ยี่ปู้ยำไปแล้วกัน

จินดารัตน์- ให้เจ็บปวดกันบ้าง

สนธิ- สังเกตอย่างไหม 2 เรื่องที่เราบอก คือเรื่องมาตรา 112 กับเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง มันไม่แตะเลยเห็นไหม ถ้าไม่แตะแล้วเราไม่ยุ่งกับมันทำไม เมื่อใดมันแตะ 112 เมื่อใดถ้าเป็นตายก็ต้องออก ถ้าปรองดองเพื่อให้ทักษิณไม่ผิด เรื่องนั้นเป็นอย่างไงก็ต้องออก ตายก็ต้องตาย แต่นอกจากนั้นแล้ว ปล่อยให้สภาฯ ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ และสาวกเข้าไปตัดสินกันในสภาฯ ตามที่เขาเคยลั่นวาจาไว้นานแล้ว อย่าไปยุ่งกับเขา คุณสังเกตสิ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กองปราบ ใครเป็นคนเอาเสื้อ

เติมศักดิ์- บลูสกาย

สนธิ- บลูสกายเป็นคนแจก ไม่ใช่พันธมิตรฯ แล้วคนที่ไปมีเรื่องคือ คนที่ใส่เสื้อพวกนั้นทั้งนั้น

จินดารัตน์- ถ้ามีเรื่องเขาบอกว่า พันธมิตร จริงอันนี้เรื่องจริง

สนธิ- ใช่ไหม เพราะฉะนั้นแล้ว เราอย่าไปตกเป็นเครื่องมือของพรรคไอ้แมลงสาบนี่เป็นอันขาด และผมจะบอกให้คุณรู้ ไอ้พวกนี้นิสัยมันไม่ต่างกันเลย คุณรู้ไหมว่า พันธมิตรฯ ที่ลาสเวกัส วันนี้ 2 วันที่แล้วมาพบ บอกว่า สนธิ อริสมันต์ นี่มันไปเวกัสแล้วมัน จองร้านพี่ 50 คน เพื่อร้องเพลง และเสร็จเรียบร้อยแล้ววันรุ่งขึ้น มีคนไปเจอมันที่ ร้านอาหารกังฟูอาหารไทยในลาสเวกัส นั่งคุยกับใครรู้ไหม เทพไท เสนพงศ์ หรือ พวกพรรคเพื่อไทย โภคิน พลกุล เลี้ยงอะไรก็ไม่รู้ แล้วรู้ไหมว่า ใครไปร่วมด้วย ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต คุณเติมศักดิ์

เติมศักดิ์- หน้าฉากก็ฟัดกัน

สนธิ- สันดานนักการเมืองคืออย่างนี้ไง หน้าฉากฟัดกัน แต่ลับหลังถ้าคุยอะไรกันได้คุยทันที เฮ้ย เป็นหน้าที่กูๆ ต้องเล่นอย่างนี้ จริงไม่จริงผมไม่รู้นะ แต่คนที่เล่าให้ผมฟัง เขาไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องมาโกหก ผมถึงอยากให้พันธมิตรฯ รู้ไง แล้วนงค์กับแอนเข้าใจหรือยัง ทำไมผมถึงเบื่อ ที่ผมเบื่อไม่ใช่เพราะอะไร ผมเบื่อคนโง่อีกมากหลาย ที่ยังหลงในพรรคประชาธิปัตย์ อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

จินดารัตน์- แล้วมาด่าเราอีก

สนธิ- แล้วมาด่าเราอีก

จินดารัตน์- มาโกรธเราอีก

สนธิ- นงค์นี่เรื่องจริง เติมศักดิ์ เป็นไปได้อย่างไรว่า อริสมันต์ไปนั่งคุยกับเทพไท เสนพงศ์ เป็นไปได้ไงว่า ชวนนท์ ทรโกมาลย์สุต ไปร่วมกินเลี้ยงสังฆกรรมกับคนอย่างเช่น โภคิน พลกุล และทีมพรรคเพื่อไทย จะมาอ้างว่า เรียน บ.ย.ส.เรียนบอ บอบ้าบอคอแตก รุ่นเดียวกันอ้างไม่ขึ้น เหมือนกับนายน้องใสของเราไปนั่งจ๊ะจ๋ากับ จตุพร พรหมพันธุ์ในทีวี แล้วไปทักทายว่า สนิทกันไปบ้านมาตลอดเวลา ทำให้พันธมิตรสงสัยว่า อ๋อไปที่บ้านกินเหล้ากันตลอดเวลา แล้วมาขึ้นเวทีด่า นี่มันเล่นละครกันหรือเปล่าวะ ผมนี่นะเติมศักดิ์ ผมเป็นคนสมัยหนึ่งผมเป็นคนชอบทานอาหาร อาหารอร่อย อาหารฝรั่งเศสผมชอบมาก แล้วเติมศักดิ์รู้ไหมว่า อาหารที่มีชื่อที่สุดในโลก แล้วผมเป็นคนที่ชอบดูโชว์ดีๆ เช่น คุณรู้จักใช่ไหม อังเกรบ็อกเชรี เคยไปเล่นที่ฮ่องกง ผมอุตส่าห์บอกเพื่อนผม ซึ่งเป็นคนฮ่องกงเป็นเศรษฐี บอกถ้าไปเมื่อไหร่ซื้อตั๋วให้หน่อยได้ไหม เขาซื้อให้ผม ผมบินไปฮ่องกงเพื่อไปฟังอังเกรบ็อกเชรี ที่มาเก๊าคุณรู้ไหมว่า มันเอาพวกนักร้องที่มีชื่อ โอเปราหลายคนมาเล่นที่บ่อนการพนัน แล้วคุณรู้ใช่ไหมอาหารที่อร่อยที่สุดอยู่ที่บ่อนการพนัน ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็ตามในโลกนี้อยู่ที่นั้นหมด เติมรู้ไหมผม คิดยังไม่กล้าคิดเลยเพราะทำไม แค่ผมเดินที่มาเก๊าเพียงเพื่อไปกินอาหาร หรือไปดูโชว์ คนมันเห็นมันจะบอกว่า สนธิบอกไม่มีตังค์ แล้วมาเล่นการพนันทำไม นับประสาอะไรไปนั่งกินข้าวกับอริสมันต์ หรือไปร่วมกับโภคิน พลกุล เข้าใจยัง แต่ผมโผล่ตัวไปในที่อับโคจรผมยังไม่กล้าไปเลย

เพราะฉะนั้นแล้ว คนอย่างเช่น นายชวนนท์ หรือนายเทพไท ถ้าจริงใจต่อประชาชนจริงใจต่ออุดมการณ์ที่ตนเองมีอยู่ จริงใจรู้อยู่ว่า พรรคตนเองต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย ในเรื่องความชั่วร้าย อย่าไปคิดที่จะไปนั่งคุยกันเลย แม้ถ้าเป็นเพื่อนกู มึงกับกูเคยเป็นเพื่อนกันจริง แต่ตอนนี้อยู่คนละอุดมการณ์อย่าเจอกันดีกว่า ต้องคิดเป็น

เติมศักดิ์- เวลาหาเสียงบอกเราเลวน้อยกว่า

สนธิ- โธ่ มาเลือกผมเถอะ อย่างน้อยผมก็ยังเลวน้อยกว่า คือพวกนี้มันเห็นว่า เรากินหญ้า ความจริงเราฉลาดกว่าพวกมันเยอะ เราอดทนไม่ยอมเป็นเครื่องมือให้มันหลอกมาตั้งนาน เพราะฉะนั้นพี่น้องพันธมิตรฯ ต้องอย่าให้เขาหลอกอยู่

เติมศักดิ์- อย่าเป็นเบี้ยให้เขา

สนธิ- อย่าไปเป็นเบี้ยให้เขา

จินดารัตน์- งั้นเดี๋ยวพักก่อน เดี๋ยวช่วงหน้ายังมีเรื่องรอบๆ บ้านเรา ที่เราต้องสนใจมากกว่าการเมืองเน่าๆ ในบ้านเรา พักผ่อนสมองแล้วไปชมนกชมไม้ข้างนอกบ้าง เดี๋ยวพักกันก่อนช่วงหน้าสักครู่ค่ะ

อ่านต่อ ช่วงที่ 3


กำลังโหลดความคิดเห็น