xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” มอบ 11 นโยบาย ก.ต.ช. ฝึก ตร.ส่ง จชต.ยาว 6 ปี-ผบ.ตร.ลั่นตอบแทนคนดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยิ่งลักษณ์” นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ต.ช. มอบ 11 นโยบาย ปราบยาฯ-ปรามค้ามนุษย์-ห้ามซื้อขายตำแหน่ง อนุมัติ 1.7 พันนายฝึกยุทธวิธีตำรวจ-กฎหมาย 4 เดือน เตรียมส่งตัวประจำพื้นที่ภาคใต้ยาว 6 ปี “บิ๊กอู๋” ให้คำมั่นนายกฯ คนดีต้องตอบแทน หย่อนยานต้องโทษ


วันนี้ (5 ต.ค.) ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม ว่า นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนะนโยบายเพิ่มเติม 11 ข้อ ภายหลังจากที่ สตช.ได้มีการแถลงไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ได้แก่ 1. ให้ปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญโดยแยกให้ชัดเจน แบ่งผู้เสพเป็นผู้ป่วยนำไปบำบัด ส่วนการปราบปรามให้เน้นหนักอย่างจริงจัง โดยเฉพาะผู้จำหน่าย 2. เรื่องการค้ามนุษย์ เนื่องจากนานาชาติจับตามองประเทศไทยในเรื่องนี้อยู่ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้มีการปราบปรามอย่างจริงจัง และให้ ผบ.ตร.นั่งหัวโต๊ะในการประชุมทุกครั้ง 3. ต้องไม่ให้มีการซื้อขายตำแหน่งเด็ดขาด โดยยึดหลักคนดีต้องตอบแทน คนหย่อนยานต้องโทษ

4. มุ่งเน้นให้ตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม 5. เนื่องจากในอีก 2 ปีข้างหน้าตำรวจจะมีความสำคัญในการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งนอกจากมาตรการต่างๆ แล้ว ตำรวจจะต้องมีการปรับทัศนคติและการบริการต่างๆ ต้องเป็นสากลเพื่อสอดรับกับมาตรฐานอาเซียน 6. ต้องมีการเตรียมพัฒนาบุคลากรทุกรูปแบบในแต่ละสถานีตำรวจนครบาล (สน.) เน้นการปราบปราม ส่วนตำรวจภูธรเน้นการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 7. เน้นย้ำให้ ผบ.ตร.สร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะบ้านพักตำรวจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า เรื่องบ้านพักตำรวจ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง 8. การแก้ปัญหาจราจรให้เน้นระบบซิงเกิล คอมมานด์ ทำงานร่วมกับทั้งตำรวจ คมนาคม และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (5 ต.ค.) ผบ.ตร.จะมีการประชุมเรื่องแก้ปัญหาจราจร และน้ำท่วม และในเวลา 16.30 น.วันเดียวกันนี้(5 ต.ค.) จะลงพื้นที่เตรียมการป้องกันน้ำท่วม และจราจรในพื้นที่ทันที

9. นายกรัฐมนตรีห่วงเรื่องข่าวกรองด้านความมั่นคง โดยเน้นให้ตำรวจเอาข้อมูลจริงในพื้นที่เป็นหลัก โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอยากให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรและผู้ว่าราชการจังหวัดทำงานร่วมกัน โดยเน้นย้ำให้ร่วมกันรับผิดชอบแก้ปัญหาการปิดถนนในพื้นที่ต่างๆทุกจังหวัด 10. ให้ตำรวจเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานของตำรวจ โดยเฉพาะเรื่องซอฟต์แวร์ เช่น กล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือกล้องซีซีทีวี จากที่เคยตรวจจับคนได้เพียงอย่างเดียว ให้พัฒนาสามารถที่จะตรวจสอบทะเบียนประวัติของรถยนต์ได้ด้วย และ 11. เน้นย้ำให้ตำรวจให้ความสำคัญต่อการดูแลนักท่องเที่ยว โดยให้ความสำคัญต่อเรื่องของการปราบปราม ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ มีเรื่องอนุมัติในที่ประชุม 1 เรื่อง คือ การแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย ก.ต.ช.ได้อนุมัติให้ยกเว้นมติการดำเนินการของ ก.ต.ช.ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 ซึ่งมติเดิมบอกว่าการรับบุคคลภายนอกให้รับวุฒิปริญญาตรีเข้าเป็นตำรวจก่อน แต่มติครั้งนี้ให้ยกเว้นเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้รับบุคคลภายนอกวุฒิการศึกษามัธยมปลาย หรือ ปวช.ซึ่งเป็นทหารกองหนุนและเคยรับราชการในกองประจำการหรือเคยเป็นอาสาสมัครทหารพรานรับราชการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาก่อน เป็นชั้นประทวนบรรจุในศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีพิเศษโดยอนุมัติในครั้งนี้ทั้งสิ้นจำนวน 1,700 อัตรา และกำหนดว่าเดือนเมษายน 2556 ต้องสามารถปฏิบัติงานได้ทันที โดยกลุ่มนี้จะอนุมัติเป็นกรณีพิเศษให้ถือว่าผ่านการฝึกทหารการใช้อาวุธ ยุทธวิธีตามแบบธรรมเนียมต่างๆ มาแล้ว ดังนั้นกลุ่มนี้จะมีการฝึกยุทธวิธีตำรวจ กฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ เพิ่มเติมอีก 4 เดือน ดังนั้นเท่ากับว่าจะสามารถปฏิบัติการในพื้นที่ได้ในเดือน เม.ย. 2556

โฆษกตำรวจกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีแจ้งว่ามติ ครม.เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมาได้มีการอนุมัติให้เพิ่มอัตราอาสารักษาดินแดนของกระทรวงมหาดไทยอีก 2,500 คนไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้เช่นเดียวกัน โดยจะร่วมทำงานกับทั้ง 1,700 อัตราที่อนุมัติในวันนี้ด้วย นอกจากนั้นแล้วหลักสูตรนายสิบตำรวจเฉพาะที่ต้องไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ที่ประกาศไปเมื่อไม่กี่วันนี้ต้องไปอยู่ในพื้นที่ 2,125 คนนั้น เฉพาะกลุ่มนี้ให้ฝึกอบรม 6 เดือนและปฏิบัติงานได้ในทันที โดยทำงานเสริมกลุ่มข้าราชการทหารดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี 1,700 อัตรา ที่ประชุมมีข้อกังวลในเรื่องของการคัดกรองหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญในที่ประชุมซึ่ง ส.ต.ช.ได้ให้คณะอนุกรรมการ ก.ตร.ได้พิจารณามาก่อนแล้วถึงหลักเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งที่ประชุมได้พูดถึงการคัดตัวบุคคลและการสอบคัดเลือกด้วย ดังนั้นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมีหลายหมื่นคน แต่เรารับแค่ 1,700 อัตราก่อนที่ต้องมีการสอบคัดเลือกเข้ามา นอกจากนี้ยังมีการรับรองคุณสมบัติ ซึ่งอย่างน้อยต้องเป็นผู้บังคับบัญชา ระดับผู้บังคับกองพันของทหารเกณฑ์เหล่านั้นรับรองมา อีกทั้งมีการตรวจสอบประวัติเชิงลึกทั้งตัวบุคคลและครอบครัว และย้อนหลังไปถึงส่วนอื่นที่เคยทำประโยชน์แก่พื้นที่ ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมีเงื่อนไขสำคัญว่าจะต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างน้อย 6 ปี โดยจะต้องมีการทดลองงานก่อน 6 เดือน หากไม่ดีก็จะต้องมีการปลดออก

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากการมอบนโยบาย ผบ.ตร.ขอการสนับสนุนอะไรเป็นพิเศษจากนายกรัฐมนตรีหรือมไม่ โฆษก ส.ต.ช.กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้บอกนายกรัฐมนตรีว่า ท่านจะทำงานเน้นภาวะผู้นำได้ภายใต้ทรัพยากรและความขาดแคลน ณ ตรงนี้โดยมุ่งเน้นใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ ผบ.ตร.ได้ให้คำมั่นสัญญาต่อนายกรัฐมนตรีด้วยว่า ผู้นำตำรวจทั้ง 4 ระดับ ได้แก่ ผบ.ตร.รับผิดชอบตำรวจทั้งประเทศ ผู้บัญชาการต้องรับผิดชอบในภาคของตนเอง ผู้การจังหวัดรับผิดชอบในจังหวัดของตนเอง และหัวหน้าสายหมวดรับผิดชอบในสายงานของตนเอง ซึ่งใน 4 ระดับนี้พร้อมรับผิดและรับชอบในงานต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ด้วย

นอกจากนี้ เรื่องปัญหาชายแดนภาคใต้และปัญหายาเสพติด ผบ.ตร.จะนั่งหัวโต๊ะในทุกการ ประชุม และจะเน้นศูนย์ปฏิบัติการในทุกระดับ ซึ่งในอนาคตนายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะหาเวลาไปตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการของ ส.ต.ช. โดยจะดูการเชื่อมโยงถึง สน.ต่างๆ อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ได้ย้ำนายกรัฐมนตรีด้วยว่าจะทำงานโดยยึดหลัก คนดีต้องได้รับการตอบแทน คนหย่อนยานจะต้องหิ้ว กล่าวคือ ต้องดำเนินการพิจารณาข้อบกพร่อง ซึ่งเมื่อ ผบ.ตร.ขับเคลื่อนแล้วตำรวจทั้ง 2 แสนนายต้องขับเคลื่อนตามไปด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น