“สดศรี” ชี้แม้ “ยงยุทธ” ประกาศลาออก ส.ส.-หัวหน้า พท. กกต.ก็ยังไม่ยุติสอบ เหตุคำร้องมีหลายประเด็นทั้งการส่งผู้สมัคร-ยุบพรรค พร้อมระบุแต่ที่เจ้าตัวยื่นให้สอบตัวเองเตรียมสั่งจำหน่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (4 ต.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า ในส่วนของ กกต.ที่ก่อนหน้านี้ได้รับคำร้องขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็น ส.ส.และหัวหน้าพรรคของนายยงยุทธรวม 3 คำร้องนั้น โดยในจำนวนนี้คำร้องที่นายยงยุทธเป็นผู้ยื่นขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติตนเอง กกต.ก็คงจะยุติการสอบสวนและสั่งจำหน่ายเพราะไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณา แต่ที่ผู้อื่นร้องขอให้ตรวจสอบนายยงยุทธ กกต.จะยังคงเดินหน้าตรวจสอบต่อไปเพราะมีการร้องให้ตรวจสอบในหลายกรณีนอกเหนือจากการเป็น ส.ส. และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เช่นการส่งผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งและการยุบพรรค โดยประธาน กกต.ได้ให้นโยบายว่าหากเรื่องใดเป็นอำนาจพิจารณาของด้านสืบสวนสอบสวนก็ให้เสนอต่อ กกต.ตั้งอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยพิจารณา ขณะที่เรื่องใดเป็นอำนาจพิจารณาของนายทะเบียนพรรคการเมืองก็ให้ด้านกิจการพรรคการเมืองตั้งคณะกรรมการไต่สวนขึ้นพิจารณาว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องนั้นเรื่องใดที่สามารถยุติได้ หรือมีขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการต่อ โดยเมื่อการทำงานใน 2 ส่วนแล้วเสร็จก็ให้เสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณาวินิจฉัยต่อไป ดังนั้น ไม่ใช่ว่าเมื่อนายยงยุทธประกาศลาออกจากการเป็น ส.ส.และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ทุกเรื่องที่มีการร้อง กกต.จะต้องสั่งจำหน่าย
นางสดศรียังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น เมื่อนายยงยุทธลาออกจากการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะประกาศรายชื่อผู้ที่อยู่ในลำดับถัดไปของบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ส.ส. ขณะที่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และข้อบังคับพรรคเพื่อไทย กำหนดให้พรรคต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงมายังนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วันนับแต่นายยงยุทธพ้นจากตำแหน่ง โดยการลาออกของนายยงยุทธยังมีผลให้กรรมการบริหารพรรคทั้ง 18 คนพ้นจากตำแหน่งด้วย และจะต้องมีการเรียกประชุมใหญ่เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายใน 60 วัน ซึ่งระหว่างที่ยังไม่มีคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก็ยังคงให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดเก่ายกเว้นนายยงยุทธ ปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน และให้รองหัวหน้าพรรคซึ่งเป็นรองประธานคณะกรรมการบริหารพรรคที่หัวหน้าพรรคเคยมอบหมายได้ทำหน้าที่แทนหัวหน้าพรรคกรณีปฏิบัติไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ เป็นรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไปก่อน
“ตำแหน่งหัวหน้าพรรคมีภารกิจสำคัญหลายอย่างที่ต้องทำนิติกรรมกับ กกต.ช่วงนี้ เช่น โครงการที่จะต้องได้รับการสนับสนุนเงินจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง การแจ้งจำนวนสมาชิกพรรค เมื่อนายยงยุทธลาออกก็ต้องให้ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค หรือรอหัวหน้าพรรคคนใหม่มาเป็นผู้ทำนิติกรรมกับ กกต.แทน ซึ่งนายยงยุทธเองก็ยังถือเป็นสมาชิกพรรค เพราะการถูกไล่ออกจากราชการไม่ถือเป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นสมาชิกพรรคหรือการเป็นที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองต่างๆ”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกษียณอายุราชการแล้วมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วหรือยัง นางสดศรีกล่าวว่า ตามกฎหมายไม่ได้ห้ามข้าราชการพลเรือนเป็นสมาชิกพรรคการเมือง แต่ที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์เป็นสมาชิกพรรคการเมือง โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้นจะมีการแจ้งจำนวนสมาชิกพรรคอีกครั้งในวันที่ 7 ต.ค.นี้
เมื่อถามต่อว่า คุณสมบัติผู้ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคตามข้อบังคับพรรคกำหนดหรือไม่ว่าต้องเป็นสมาชิกพรรคมาไม่น้อยกว่าเท่าใด นางสดศรีกล่าวว่า ไม่มีการกำหนดไว้