xs
xsm
sm
md
lg

“กิตติรัตน์” รับรัฐบาลห่วงเงินเฟ้อเพิ่ม สั่งเข็นส่งออก-ท่องเที่ยวปั่นเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิตติรัตน์ ณ ระนอง (แฟ้มภาพ)
“กิตติรัตน์” เผยถก ครม.เศรษฐกิจ เป็นห่วงเงินเฟ้อพุ่ง รับเกิดจากการขึ้นภาษีบาป และราคาพลังงาน นายกฯ สั่งเข็นส่งออกไปตลาดรอง หลังประเทศใหญ่มีปัญหา ขณะเดียวกันเตรียมโหมโปรโมตท่องเที่ยวหลังหมดฤดูฝน หวังดึงเงินเข้าประเทศช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วไป ภาพรวมทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ในส่วนของตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้น มีสาเหตุจากราคาสินค้าประเภทยาสูบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นมา ที่เป็นผลมาจากการขึ้นภาษีสรรพสามิต อีกทั้งราคาพลังงานที่เคลื่อนไหวตามตลาดโลก

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ในส่วนของการส่งออกรัฐบาลไม่สามารถพึ่งพาเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตทางได้แล้ว แต่ส่วนของภาคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจก็ยังทำงานอยู่เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่เคยวางเอาไว้ โดยตัวเลขการส่งออกที่ 5.5-5.7 ยังเป็นตัวเลขที่ทุกฝ่ายเชื่อว่าจะทำได้

ทั้งนี้ นายกฯ กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เร่งทำงานอย่างเต็มที่ในไตรมาสที่ 4 ที่เป็นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยทางกระทรวงพาณิชย์ได้รับนโยบายไป เช่น เรื่องของการหาตลาดการส่งออกใหม่ทั้งประเทศจีนที่ยังมีอีกหลายมณฑล ซึ่งรัฐบาลไทยยังไม่เคยเข้าไปเจาะตลาด หรือในแถบยุโรปที่ยังมีเมืองรองต่างๆ โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้เน้นการส่งออกในเมืองหลัก จึงต้องทำงานกันหลายฝ่าย

สำหรับรายได้จากต่างประเทศนั้น เมื่อหมดฤดูฝนแล้วก็จะเข้าเทศกาลท่องเที่ยว โดยเหลือเวลา 2 เดือนก่อนจะถึงสิ้นปี ที่รัฐบาลไทยจะเตรียมรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยสนานบินสุวรรณภูมิมีความพร้อม และสนามบินดอนเมือง ที่เพิ่งเปิดให้บริการ ก็มีการเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศแล้ว ทำให้ภาคการท่องเที่ยวต้องทำงานอย่างจริงจัง

ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐ ในปีนี้เมื่อมีการรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณแล้ว จะมีการติดตามว่า งบประมาณใช้จ่ายที่ยังไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีการใช้จ่ายให้ทันก่อนสิ้นปีปฏิทินอย่างไรบ้าง และต้องมีการกวดขันการใช้จ่าย โดยถ้ามีการติดขัดตรงไหน ให้รายงานเข้ามา ดังนั้น 3 เดือนจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่ซ้อนกันระหว่างงบปี 54-55 กับ 55-56

“ส่วนราชการที่ได้จัดเตรียมทีโออาร์ไปแล้ว และสามารถดำเนินงานในการจัดซื้อจัดจ้างได้ ก็ให้เริ่มดำเนินโครงการได้เลยเมื่อเข้าช่วงงบประมาณปี 55-56 ไม่ใช่มารอให้เข้าช่วงงบใหม่ แล้วเริ่มทำทีโออาร์เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นปีนี้จะเป็นการใช้จ่ายงบอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ส่วนภาคเอกชนนั้น เท่าที่ติดตามการลงทุนผ่านหน่วยงานต่างๆ พบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รวมถึงการใช้จ่ายในประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี ดังนั้นจึงมั่นใจว่า 3 เดือนที่เหลือเศรษฐกิจไทยยังมีเสถียรภาพและการเติบโตที่ดี อีกทั้งยังไม่ได้รับสัญญาณทางเศรษฐกิจใดๆ ที่จะทำให้เศรษฐกิจมีปัญหาเพิ่มเข้ามา

อย่างไรก็ตาม กรณีปัญหาราคาแก๊สแอลพีจีภาคขนส่งที่อาจจะตรึงไปถึงสิ้นปีไม่ไหวนั้น จะมีการประชุมกันในเรื่องดังกล่าว แต่ทั้งนี้เมื่อรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าหลักการสำคัญคือลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส แต่ขณะเดียวกัน ได้ระบุในเรื่องของราคาพลังงานที่ได้มีการอุดหนุนว่า รัฐบาลจะค่อยๆ แก้ไขและดำเนินการปรับราคาพลังงานเข้าสู่ระดับที่ถูกต้องเหมาะสมตามกลไกตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมทั้งเป็นการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

“รัฐบาลเป็นห่วงเรื่องภาวะเงินเฟ้อพอสมควร แต่ไม่ใช่ห่วงกันจนทำแบบนี้ จะเห็นว่าราคาสินค้าหรือการอุดหนุนพลังงานบางชนิดทำกันยาวจนข้ามทศวรรษ นักวิชาการหลายส่วนก็ตำหนิว่าแบบนี้จะทำให้กลไกในการบริโภคผิดธรรมชาติ เรื่องนี้รัฐบาลจะดูให้รอบคอบ แต่ถ้ามีการปรับราคาก็จะไม่ปรับแบบรวดเร็ว แต่ถ้าจะตรึงราคากัน ก็ต้องมีคำตอบว่าเพื่อวัตถุประสงค์ระยะสั้น แล้วจะแก้ในระยะยาวอย่างไร หากจะขยับก็ต้องทำอย่างรอบคอบ และกระทบกับผู้บริโภคครัวเรือนน้อยที่สุด”
กำลังโหลดความคิดเห็น