“เฉลิม อยู่บางบอน” ซัด นปช.สุรินทร์ยื่น กกต.สอบ “ยงยุทธ” ด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ชี้เรื่องภายในให้ยื่นพรรคหรือแกนนำ นปช. อ้างกฤษฎีกา “ยงยุทธ” นั่ง รมต.ไร้ปัญหา ชมบริสุทธิ์ใจ ให้ “เด็จพี่” ยื่น กกต.สอบตัวเอง อัดมีกลุ่มป่วนในพรรคฝันนั่ง รมต.แทน ยันขึ้นอยู่ที่ “ปู” - ตัดปัญหาม็อบชนม็อบ กลุ่มในชุมนุมก่อนได้สิทธิในพื้นที่ บอก ตร.ต้องให้ความเท่าเทียม
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายเทพพนม นามลี ประธานคณะกรรมการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงสุรินทร์ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพรรคเพื่อไทยให้ตรวจสอบคุณสมบัติของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ว่าไม่เห็นด้วยที่แดงสุรินทร์ไปยื่นเรื่องต่อพรรคให้นายยุงยุทธลาออก เพราะเป็นเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ หากเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยควรหารือภายในพรรคเพื่อหาข้อยุติ หรือประสานเรื่องผ่านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.หรือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งนี้ ยืนยันว่านายยงยุทธเป็นผู้ที่มีความเหมาะสม ที่จะทำหน้าที่ต่อไป เพราะคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตีความแล้วว่าความผิดของนายยงยุทธเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2550 รัฐบาลต้องฟังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ
เมื่อถามว่า การที่คนเสื้อแดงสุรินทร์ไปยื่นเรื่องให้ตรวจสอบนายยงยุทธ เบื้องหลังมาจากบุคคลในพรรคเพื่อไทยที่ต้องการให้ปรับ ครม.หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า นายยงยุทธทำงานหนักเพื่อพรรคเพื่อไทยมานาน และเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ อีกทั้งนายยงยุทธยังมอบหมายให้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็น รมว. ถือเป็นเรื่องดีที่นายยงยุทธได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ดังนั้นคนในพรรคเพื่อไทยอย่ามายุ่งกันเอง กลุ่มคนที่อยากเป็น รมต.ก็ดิ้นกันไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็น อย่างไรก็ตาม อยากให้ยึดถือการตัดสินใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นหลัก เพราะเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในการปรับ ครม.
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกลุ่ม นปช.เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่หน้ากองบังคับการปราบปราม ว่าจากนี้ไปสถานการณ์ใดก็ตามที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมไปเคลื่อนไหวทางการเมืองให้ยึดหลักว่ากลุ่มใดไปถึงก่อนต้องได้รับสิทธิในการชุมนุมในบริเวณนั้นก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน ซึ่งตนได้บอกเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ไม่ว่าเป็นเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง ต้องทำเครื่องหมายให้เท่ากับคนไทยทุกคน
