xs
xsm
sm
md
lg

วุฒิฯ จี้เพิ่มกำลัง ตชด.เขาพระวิหาร “สุมล” จวกตำรวจเพชรฯ รับคดีฆ่าสามี-ภรรยาแค่คนหาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากแฟ้ม
ส.ว.หารือก่อนเข้าสู่การประชุม “ประสงค์” จี้รัฐบาลเพิ่มกำลัง ตชด.เขาพระวิหาร หวั่นความไม่พร้อมควบคุมสถานการณ์ “สิทธิศักดิ์” แนะโยกย้ายผู้ว่าฯ ต้องเป็นธรรม ชี้อาจเป็นคำครหาสังคม “เจริญ” เผยตัวเลขผู้ป่วยต้อกระจกยังสูง วอนเร่งดูแลเข้าถึงต่างจังหวัด “นฤมล” ร้องลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมบางเลน จนครปฐม อัดอย่าช่วยแค่พื้นที่ออกข่าวอย่างเดียว “สุมล” จวก ตร.เมืองเพชรรับคดีสองผัวเมียแค่คนหาย จี้ดำเนินคดีผู้ร้ายให้ได้

วันนี้ (24 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธาน โดยก่อนเข้าสู่ก่อนวาระการประชุมได้เปิดให้สมาชิกหารือ นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะอนุกรรมาธิการติดตามนโยบายด้านความมั่นคง และคณะกรรมาธิการทางทหาร วุฒิสภา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตำรวจตะเวนชายแดน (ตชด.) ในเขตเขาพระวิหาร ซึ่งพบว่ามีตำรวจตระเวนชายแดนอยู่เพียง 2 กองร้อย หรือประมาณกองร้อย 240 นาย นอกจากทำหน้าที่แทนทหารยังต้องรับผิดชอบดูแลผืนป่า ที่มีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงการกระทำผิดกฎหมาย อีกทั้งยังมีรายงานว่าความพอเพียงของจำนวน ตชด.ที่คอยดูแลสถานการณ์ในเขตเขาพระวิหารมีอยู่ไม่เพียงพอ อาจเกิดความไม่พร้อมของจำนวนเจ้าหน้าที่ ตชด.ได้ จึงอยากฝากไปทางรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามข้อเรียกร้องของ ตชด.ที่เรียกร้องให้เพิ่มจำนวนกำลัง ตชด.อีก 1,200 นาย หวังว่ารัฐบาลจะเห็นชอบด้วย และควรพิจารณาสิทธิกำลังพล พสร. หรือ อนุมัติเงินเพิ่มค่าสู้รบให้กับเจ้าหน้าที่ในเขตชายแดนนี้ด้วย

ส่วนนายสิทธิศักดิ์ ยนต์ตระกูล ส.ว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เรื่องการโยกย้ายข้าราชการอย่างเป็นธรรมอาทิตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีการโยกย้ายให้ตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม แล้วพรุ่งนี้ที่จะมีการโยกย้าย ซึ่งยังมีเรื่องที่ต้องติดตาม ทั้งเรื่องภาษีรถนำเข้า การทุจริตการช่วยภัยน้ำท่วม รวมถึงกรณีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นปลัดกระทรวงคมนาคม และขณะนี้รัฐบาลซึ่งมีโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาล เช่นโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ ซึ่งน่าจะเอาผู้ที่มีความรู้ความสามารถ รู้เรื่องคมนาคมมาทำหน้าที่ เพราะเกรงว่าอาจจะทำให้คนในกระทรวงไม่พอใจ อีกทั้งพรุ่งนี้จะมีการโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดอีกหลายตำแหน่ง จึงอยากฝากรัฐบาลว่าการตัดสินใจโยกย้ายของรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม และสามารถตรวจสอบได้ ที่สำคัญการโยกย้ายทุกอย่างจะต้องตอบสังคมได้เช่นกัน

ด้าน นายเจริญ ภักดีวาณิช ส.ว.พัทลุง กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยทั้งประเทศเป็นโรคต้อกระจกประมาน 5.6 ล้านคน รักษาได้เพียงปีละ 4 หมื่นกว่าคน ซึ่งยังมีผู้ป่วยที่รอการรักษาอีกจำนวน 5 ล้านกว่าคน ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่ดีในให้การให้ผู้ป่วยมีสิทธิการรักษาอย่างเท่าเทียมกันทั่วประเทศ แต่ระบบก็ยังเข้าไม่ถึงในต่างจังหวัด เพราะศักยภาพในโรงพยาบาลต่างจังหวัดที่สามารถรักษาโรคต้อกระจกตาได้เพียง 500-600 คนต่อปี ขณะที่บางโรงพยาบาลมีการบูรณาการร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนทำให้การรักษามีได้มากขึ้น จึงอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาการใช้ระบบ ร่วมมือกับเอกชนให้ครอบคลุม ในพื้นที่ที่ยังขาดศักยภาพ เพื่อความเท่าเทียมกัน

ขณะที่ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดในขณะนี้นอกจากเรื่องการเมือง คือเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัย ในพื้นที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งน้ำท่วมเหมือนเมื่อปี 2554 ซึ่งภาครัฐควรจะลงพื้นที่ไปดูมากกว่าดูข่าวจากหนังสือพิมพ์ ควรส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปดูอย่างเร่งด่วน ซึ่งทหารและประชาชนในพื้นที่ต้องใช้เงินในส่วนงบประมาณของท้องถิ่น เป็นเวลา 10 วันมาแล้ว ทาง จ.นครปฐมได้รับความเดือดร้อนจริงๆ แต่กลับไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือ แต่ในจังหวัดที่ได้ลงข่าวในหนังสือพิมพ์กลับได้รับการดูแล ตนอยากฝากให้รัฐบาลเข้ามาจัดการด้วย

อีกด้านหนึ่ง น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า ถึงคดีฆาตกรรมอำพรางสองสามีภรรยาชาว จ.เพชรบุรี จากกรณีดังกล่าวทำให้เกิดข้อสงสัยและคำถามกับประชาชนว่า เป็นเวลาถึง 3 ปี ผู้เป็นพ่อได้แจ้งความเรื่องลูกหายต่อสถานีตำรวจภูธรท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี โดยตำรวจเพียงแต่รับแจ้งความเรื่องคนหาย และลงบันทึกบันทึกประจำวัน ทำเรื่องรับแจ้งบุคคลสูญหาย ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าวเป็นคดีที่มีเงื่อนงำ โดยพ่อของผู้ตายต้องการให้ตำรวจได้แสดงความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์โดยการติดตามหา แต่ตำรวจก็ไม่ได้ดำเนินการติดตามแต่อย่างใด

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. มีเบาะแสเรื่องรถของผู้ตาย โดยพ่อของผู้ตายได้แจ้งต่อตำรวจว่าได้พบรถของบุตรชาย แต่ตำรวจก็ไม่ได้ใส่ใจ บอกแค่ว่าเจอรถแต่ไม่ได้เจอผู้สูญหาย ตนคิดว่าคดีดังกล่าวเป็นเดิมพันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับอาชญากร เพราะว่ามีหลักฐานขนาดนี้แล้วแต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถทำอะไรผู้ร้ายได้ ประชาชนจะหันหน้าไปพึ่งใครได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ทำหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องคำนึงถึงหน้าที่ของตน ทั้งนี้ ต้องขอบคุณไปยัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้ลงมากำกับดูแลเรื่องนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น