“ชวนนท์” เย้ย รบ.รับความจริงรายงาน คอป. ยกผลโพล ปชช.หนุนใช้ให้เกิดปรองดอง เตือนความจำ “นักวิชาการแดง-อัมเสตอร์ดัม” รับเองชายชุดดำช่วยสู้ทหาร ย้อนจริงใจอย่าปล่อยผ่าน ด้าน “มัลลิกา” ไล่ “นพดล” ถามนายใหญ่ให้ฟ้องตนหรือไม่ ซัดเก่งจริงคงมีแผ่นดินอยู่ ชูหลักฐาน “นช.ทักษิณ” ก่อการร้ายจริง ท้าฟ้องจริงให้นายใหญ่บินมาเบิกความเอง
วันนี้ (24 ก.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ผลสำรวจความเห็นประชาชนพบว่า ส่วนใหญ่สนับสนุนให้นำรายงาน คอป.มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการปรองดอง โดยตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความร่วมมือดำเนินการตามความประสงค์ของประชาชน จึงหวังว่ารัฐบาลจะปฏิบัติในลักษณะเดียวกันด้วยการใช้รายงานนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการแสวงหาความจริงให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่ายเพื่อนำไปสู่ความปรองดองในประเทศ และเรียกร้องให้ผู้ไม่เห็นด้วยให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรม หรือหักล้างข้อมูล คอป.ด้วยเหตุผลและหลักฐาน
นายชวนนท์กล่าวว่า ส่วนการแถลงของศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 หรือ ศปช. นักวิชาการสายเสื้อแดงก็ยอมรับว่ามีชายชุดดำใช้อาวุธทำร้ายประชาชน และเจ้าหน้าที่ จึงอยากเรียกร้องว่าก่อนที่จะนำรายงาน คอป.มาร่วมกันหาทางออกให้ประเทศต้องยอมรับก่อนว่าชายชุดดำมีอยู่จริงและเป็นผู้ที่ทำร้ายทหาร ถ้ายอมรับได้ก็เอาเป็นจุดเริ่มต้นในการแสวงหาความจริงเพิ่มเติม ซึ่งตนเชื่อว่าฝ่ายค้านและประชาชนส่วนใหญ่พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลแต่ถ้ายังปฏิเสธไม่มีชายชุดดำใช้อาวุธสงครามโจมตีทหารก็คงยากที่จะเดินหน้าได้
นายชวนนท์ยังได้นำบางส่วนจากรายงานสมุดปกขาวของโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ใช้ชื่อว่า การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ ข้อเรียกร้องต่อการแสดงความรับผิดชอบ มีเนื้อหากล่าวหารัฐบาลอภิสิทธิ์ หลังจากที่นายโรเบิร์ตออกมาปฏิเสธไม่มีชายชุดดำ โดยระบุว่าในหน้าที่ 44 ของสมุดปกขาวระบุว่า “คนจำนวนมากถูกสังหารในช่วงที่เกิดเหตุรุนแรงวันที่ 10 เมษายน ขณะที่เสื้อแดงใช้ก้อนหิน ประทัด ระเบิดขวด และอาวุธที่ประกอบขึ้นเองอย่างง่ายๆ ตอบโต้กับกองกำลังทหารที่ติดอาวุธหนัก เมื่อรัฐบาลยอมหยุดยิงมีผู้เสียชีวิต 27 คน ประกอบด้วยสมาชิก นปช.21 รายและเจ้าหน้าที่ทหารอีกจำนวนหนึ่งซึ่งถูกสังหารโดยกลุ่มคนลึกลับที่เรียกว่า “ชายชุดดำ” ซึ่งยังไม่ชัดเจนเรื่องแรงจูงใจและไม่ทราบว่าอยู่ฝ่ายใด” จะเห็นได้ว่าแม้แต่ในรายงานที่พยายามปรักปรำรัฐบาลที่แล้วก็ยังหนีความจริงไม่ได้ว่า ชายชุดดำคือคนที่สังหารทหารที่สี่แยกคอกวัว
“จึงเรียกร้องว่าเมื่อนักวิชาการแดงและโรเบิร์ตยังยอมรับมีชายชุดดำก็ไม่ควรออกมาปฏิเสธอีก แต่ต้องให้ดีเอสไอเดินหน้าทำงานหาชายชุดดำว่าเป็นใครไม่ใช่แค่เดินตามเกมการเมือง และถ้ารัฐบาลจริงใจต้องเดินหน้าคดีที่เกี่ยวข้องกับทุกศพ เพราะหลายศพไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่” นายชวนนท์กล่าว
ส่วน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะฟ้องตนหลังกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายว่า ต้องขอไว้อาลัยกับทักษะความสามารถของทนายการเมืองอย่างนายนพดล เพราะถ้าแน่จริง พ.ต.ท.ทักษิณคงไม่เร่ร่อนไร้แผ่นดินเหมือนวันนี้ ท้าให้หาโรงพักรีบฟ้องและไปปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่าที่จะฟ้องตนได้รับอนุญาตหรือยัง พร้อมที่จะขึ้นศาลหรือไม่ เพราะถ้าตนแถลงข่าวเป็นการหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องมาให้การด้วยตัวเองด้วยการกลับมาประเทศไทยเพื่อขึ้นศาล
“ขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย เป็นหัวขบวนก่อการร้ายในขณะที่คนอื่นขึ้นศาลประกันตัวไปแล้ว เหลือแต่ พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียวที่หนีอยู่ ถ้าจะใช้กระบวนการยุติธรรมดำเนินคดีกับคนอื่นต้องกลับมาสู้คดีด้วยกระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ถ้าฟ้องจริงก็จะฟ้องกลับเพราะทำให้เสื่อมเสีย และยังเป็นการปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับดิฉัน” น.ส.มัลลิกากล่าว
น.ส.มัลลิกายังได้นำสำนวนคดีก่อการร้ายของดีเอสไอมาประกอบการแถลงข่าว โดยมีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายอันดับที่ 1 จากทั้งหมด 26 คน ซึ่งอยู่ในสำนวนคดีก่อการร้ายเลขที่ 18/2553 หน้า 111พร้อมกับยืนยันว่าในสำนวนคดีก่อการร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนออกคำสั่งกับแกนนำที่เป็นผู้ก่อการร้าย โดยมีการโทรศัพท์ติดต่อกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงด้วย จึงอยากเตือนนายนพดลว่าก่อนที่จะดำเนินคดีกับใครให้ดูหน้าดูหลังก่อนจะได้ไม่ถูกเจ้านายด่าฟรีและให้ศึกษาข้อมูลทางคดีก่อนพูดด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้ามีคดีฟ้องหมิ่นประมาทตนเกิดขึ้นจริงก็จะใช้เป็นคดีนำร่องเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีต่อตนและต่อสู้คดีที่หนีหมายจับศาลไป 5 หมาย ทุจริตหวยบนดิน เอ็กซิมแบงก์ ภาษีสรรพสามิต ก่อการร้าย และล่าสุดการอนุมัติสินเชื่อกรุงไทยที่ลูกชายร่วมขบวนการรับของโจร รวมถึงต้องกลับมารับโทษคดีที่ดินรัชดาฯ จำคุก 2 ปีด้วย