ผ่าประเด็นร้อน
จนถึงวันนี้บรรดาแกนนำคนเสื้อแดง และคนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงคนรับใช้ใกล้ชิด ทักษิณ ชินวัตร อย่าง นพดล ปัทมะ ก็ยังส่งเสียงโวยวายด่าทอ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มี คณิต ณ นคร เป็นประธาน หลังจากมีข้อสรุปและแถลงผลการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงไปแล้วเมื่อวันก่อนหลังจากทำการศึกษามาจนครบกำหนดเวลา 2 ปีเต็ม
ในข้อสรุปดังกล่าวเป็นการชี้ให้เห็นถึงการเชื่อมโยงกันระหว่าง “ชายชุดดำ” กับแกนนำคนเสื้อแดงบางคน รวมไปถึงชี้ชัดให้เห็นว่าก่อนและระหว่างก่อเหตุของชายชุดดำดังกล่าว มี “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หนึ่งในเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร มักปรากฏตัวทุกครั้ง และที่สำคัญก็คือ มีชายชุดดำบางคนใกล้ชิดกับเขาอีกด้วย
ในรายงานของ คอป.จำนวนกว่า 300 หน้า ยังระบุว่ามีหลักฐานปรากฏว่าชายชุดดำดังกล่าวเป็นผู้สังหารเจ้าหน้าที่ทหารโดยยิงปะปนมาจากฝั่งของม็อบ และการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม จากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญก็มีผลออกมาว่ามาจากสะเก็ดระเบิดไม่ใช่จากกระสุนปืน เป็นการลบล้างคำพูดของ บรรดาแกนนำเสื้อแดงที่เคยย้ำก่อนหน้านี้ว่ามาจากกระสุนปืนของทหารด้วยกันเอง
ในรายงานที่ต้องขยายความกันต่อไปก็คือ อาวุธปืนของทหารที่ถูกการ์ดคนเสื้อแดงยึดไปนับร้อยกระบอกและกระสุนอีกจำนวนมาก แต่ได้คืนมาแค่กว่า 10 กระบอกเท่านั้น และรายงานยังตบหน้าอีกว่ายังมีการยิงออกมาจากวัดปทุมวนาราม และปืนเอ็ม 16 กระบอกหนึ่งเป็นกระบอกที่คนเสื้อแดงยึดไปจากทหารหลังจากการรุมทำร้ายที่หน้าแฟลตดินแดงนั่นเอง
และการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์เป็นการเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คนเสื้อแดงยังอยู่ในบริเวณนั้นเต็มพื้นที่ โดยที่เจ้าหน้าที่ทหารยังเข้าไปไม่ถึง
ดังนั้น หากพิจารณาจากผลสรุปดังกล่าวของ คอป.ก็มองออกได้ทันทีว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่ใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบ ถูกกฎหมาย ตรงกันข้ามนั่นเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เพราะมีกองกำลังติดอาวุธปะปนในการชุมนุมมีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจน
เมื่อสรุปว่า คนชุดดำติดอาวุธเชื่อมโยงกับแกนนำคนเสื้อแดงมันก็สื่อให้เห็นภาพแล้วว่าเป็นการเชื่อมโยงกับการ “ก่อการร้าย” เป็นการเข้าองค์ประกอบครบถ้วนพอดี
ที่สำคัญผลสรุปของ คอป.ในครั้งนี้ยังได้รับการยอมรับและชื่นชมจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เนื่องจากมีการแถลงจาก นาวี พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ยอมรับผลการศึกษาดังกล่าวด้วยความชื่นชมและเรียกร้องให้รัฐบาลนำผลการศึกษาดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อสอบสวนหาคนกระทำผิดต่อไป
เรื่องประเด็นก่อการร้ายนี่แหละที่ถือว่าเป็นเรื่อง “อ่อนไหว” และร้ายแรงอย่างยิ่งสำหรับบรรดาแกนนำที่ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงคนอื่นๆอีกยี่สิบกว่าคนที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และผลสรุปของ คอป.แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นคำตัดสินของศาลเหมือนกับที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีพยายามเบี่ยงไปให้ไกลก็จริง แต่การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้แม้จะได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ก็ได้รับการสานต่อขานรับดังที่มีการประกาศต่อสาธารณะของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะหาเสียงและยังลงนามให้ทำหน้าที่ต่อหลังจากเป็นรัฐบาลแล้ว
ไม่ว่าผลออกมาแบบใดรัฐบาลก็ต้องยอมรับ เพราะได้ลงนามแต่งตั้งสานต่อมากับมือ เพราะก่อนหน้านี้อย่างที่ คณิต ณ นคร เคยเหน็บเอาไว้ว่าทีเรื่องข้อเสนอให้จ่ายเงินเยียวยา และการคัดแยกขังนักโทษการเมืองที่เรือนจำชั่วคราวบางเขน ก็นำไปปฏิบัติแล้ว ส่วนกรณีนี้จะนำไปปฏิบัติต่อไปหรือไม่คงไม่อาจไปกะเกณฑ์ได้
ดังนั้น ไม่ว่ามองมุมไหนก็จะเห็นว่าผลสรุปที่ออกมาแบบนี้ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เป็นการตอกย้ำความจริงอีกด้านหนึ่งของ ทักษิณ และเครือข่ายที่เคยนำมาบิดเบือนกล่าวหาฝ่ายเดียวว่าทหาร “ฆ่าประชาชน” และ “ไม่มีชายชุดดำ” มานาน แต่เมื่อผลจากการตรวจสอบจากพยานหลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญออกมาเป็นตรงกันข้ามพบว่า เป็นการชุมนุมที่มี ชายชุดดำติดอาวุธและเชื่อมโยงกับแกนนำ นั่นก็ย่อมหมายความว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ เป็นการก่อการร้าย และที่สำคัญผลสรุปดังกล่าวยังสามารถนำไปอ้างอิงในชั้นศาลได้อย่างมีน้ำหนัก ถ้าผลออกมาว่าผิด โทษของผู้ก่อการร้ายคือ “ประหารชีวิต” นั่นเอง
นี่แหละคือเหตุผลว่า ทำไม ทั้ง ทักษิณ และบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหลายทั้งปวงต่างดาหน้าออกมาโจมตี ไม่ยอมรับผลสรุปของ คอป.!!