รายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากหลายฝ่าย
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยแกนนำกลุ่มนปช.กล่าวว่า สรุปรายงานของคอป.แม้จะไม่ค่อยถูกใจแต่ก็ให้เกียรติไม่คัดค้าน แต่มีข้อสังเกตว่า จากอุปสรรคการทำงานของคอป.ทำให้รายงานฉบับนี้เป็นปัญหาและไม่สมบูรณ์ ไม่ใส่เนื้อหาหลายส่วน ที่สำคัญทั้งการยึดอำนาจ บทบาทของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รวมถึงพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกฯ และคณะที่ร่วมวางแผนยึดอำนาจที่บ้านนายป. ไม่พูดถึงปัญหาบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ๕๐ ทำให้พวกตนต้องลุกขึ้นมาชี้ให้เห็นถึงความสองมาตรฐาน แต่กลับไปยกเหตุการณ์ยิงกัน เหตุระเบิดตามสถานที่ต่างๆ มาใส่ เหมือนจงใจทำให้สังคมเข้าใจผิดมองว่าเกี่ยวโยงกับพวกตน ยิ่งเหตุการณ์ที่ถนนสีลมบอกว่ามีการยิงเอ็ม ๗๙ มาจากฝั่งสวนลุมฯ ทั้งที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งเป็นคนเสื้อเหลืองยังบอกว่า น่าจะยิงมาจากบนสถานีรถไฟฟ้าหรือบนสะพานข้ามแยก
“โดยเฉพาะไม่นำข้อสังเกตของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.สมัยนั้นที่พูดภายหลังเหตุปะทะที่สี่แยกคอกวัว ๑๐ เม.ย. ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวหน้าผู้รับผิดชอบสั่งการใช้กำลังแต่งตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เป็นหัวหน้าการสั่งการใช้กำลังแทน แต่พล.อ.อนุพงษ์พูดตอกย้ำว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองอย่าให้ทหารมายุ่ง ถือว่ามีนัยยะสำคัญเพราะรู้ว่าเหตุการณ์นั้นมีคนตายมีประชาชนถูกฆ่า ตรงนี้ถือว่าสำคัญเพราะเป็นเงื่อนไขที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้นายสุเทพไปรับทราบข้อกล่าวหา หากวันนั้นมีการรับทราบข้อกล่าวหา คงไม่มีประชาชนตายขนาดนี้......ผมคงไม่พูดว่าคอป.มีเจตนาจะบิดเบือน แต่ท่านมองข้ามละเว้นและมีการซ่อนเร้นเนื้อหาสำคัญที่กระทบอีกฝั่งไม่ใส่ไว้ แต่ใส่เฉพาะเนื้อหาที่กระทบกับกลุ่มของพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น กลายเป็นประชาชนผิด เพราะยิงใส่ทหารก่อนจนทำให้ทหารต้องยิงตอบโต้นายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ความเห็นของคอป.ล้วนตอกลิ่ม เพิ่มความขัดแย้งทั้งสิ้น หากยังเสนอความเห็นลักษณะนี้คงไม่สามารถสร้างความปรองดองได้
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มนปช.แถลงตอบโต้ผลสรุปรายงานของคอป.โดยระบุว่า หากมองถึงที่มาของคอป.พบว่ามาจากสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายคณิต ณ นคร ประธานคอป. ครั้งหนึ่งเคยร่วมงานกับรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ภายหลังลาออกแล้วมาถูกแต่งตั้งจากพล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์ อดีตนายกฯ ให้เป็นประธานกรรมการตรวจสอบความผิดของรัฐบาลทักษิณเรื่องฆ่าตัดตอน จึงเห็นว่าประธานคอป.มีความเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นทุนอยู่แล้ว คนอย่างนี้หรือที่เป็นกลาง ผลสรุปรายงานคอป.จึงออกมาในลักษณะว่า รากเหง้าของปัญหาทั้งหมดมาจากพ.ต.ท.ทักษิณที่ชนะคดีซุกหุ้น ส่วนนายสมชาย หอมลออ คณะกรรมการคอป.อดีตเอ็นจีโอที่ได้รับประโยชน์จากการรัฐประหาร รายงานของคอป.ฉบับนี้ไม่ได้ค้นหาความจริง แต่บิดเบือนความจริงเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เข่นฆ่าประชาชน
นางธิดากล่าวว่า สิ่งที่รับไม่ได้คือการค้นความจริงของคอป.ไม่ได้เริ่มต้นจากความจริงตามภาวะวิสัย แต่เริ่มจากแนวคิดว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงมีชายชุดดำร่วมอยู่ด้วย พยายามชี้ให้เห็นว่ามีการใช้อาวุธปืนเอ็ม ๗๙ ปืนเอเค ๔๗ ทั้งที่ผลสรุปการชันสูตรผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ กลับไม่มีใครตายด้วยอาวุธเหล่านี้ ข้อมูลที่นำมากล่าวอ้างก็ล้วนแต่เลื่อนลอย บ้างนำมาจากอินเตอร์เน็ต ไม่มีการแยกประเภท ความสำคัญของหลักฐานตามหลักวิชาการ เสียดายเงินภาษีประชาชนที่ต้องเสียไป สิ่งที่ออกมาเหมือนลอกมาจากรายงานของศอฉ. เน้นการนำข้อมูลเฉพาะด้านลบของนปช. และลดความน่าเชื่อถือของประชาชนลง นอกจากเต็มไปด้วยอคติและความเกลียดชังคนเสื้อแดงแฝงอยู่ จึงให้สอบตกทั้งหมด แม้จะมีส่วนดีแฝงอยู่บ้างก็ตาม อย่างไรสิ่งที่กังวลคือ รายงานฉบับเต็มของคอป.ที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ จะทำให้ต่างชาติเข้าใจผิดคนเสื้อแดง ขอเรียกร้องไปยังกลุ่มนักวิชาการศปช.ที่นำเสนอรายงานเหตุการณ์สลายการชุมนุมให้ได้ช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษบ้าง เพื่อนำเสนอให้ต่างชาติรับทราบควบคู่กันว่าผลออกมาต่างกันมาก เพราะองค์กรที่มาจากคนสั่งฆ่าประชาชนจะมาเอาผิดคนที่ก่อตั้งตัวเองได้อย่างไร
นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความเสื้อแดง กล่าวถึงรายงานคอป.ว่า เป็นรายงานที่ไม่สร้างสรรค์และยั่วยุ เกือบทั้งหมดช่วยล้างผิดให้ตัวการสำคัญหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ สร้างมลทินให้กับผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บจะไม่ยอมรับส่วนที่ผิดพลาดของรายงานนี้ ที่พยายามจะแยกระหว่างการที่กองทัพยิงประชาชนมือเปล่าและสิทธิพลเรือนในการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยต่อต้านรัฐบาลที่แต่งตั้งโดยโดยการทำรัฐประหาร
ส่วนที่คอป.นำเสนอรายงานข้อมูลสรุปเรื่องการสังหารผู้ชุมนุมเสื้อแดงปี ๒๕๕๓ นั้น คนเสื้อแดงไม่ยอมรับบทสรุปของรายงานที่ลำเอียงชิ้นนี้ เนื่องจากเป็นความพยายามที่จะล้างความผิดการก่ออาชญากรรม โดยคนกลุ่มเล็กอย่างกลุ่มอำมาตย์ จึงจะสู้ต่อไปเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษเพื่อที่ประชาชนจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงของทหารครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีใครต้องรับผิด
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยแกนนำกลุ่มนปช.กล่าวว่า สรุปรายงานของคอป.แม้จะไม่ค่อยถูกใจแต่ก็ให้เกียรติไม่คัดค้าน แต่มีข้อสังเกตว่า จากอุปสรรคการทำงานของคอป.ทำให้รายงานฉบับนี้เป็นปัญหาและไม่สมบูรณ์ ไม่ใส่เนื้อหาหลายส่วน ที่สำคัญทั้งการยึดอำนาจ บทบาทของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รวมถึงพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกฯ และคณะที่ร่วมวางแผนยึดอำนาจที่บ้านนายป. ไม่พูดถึงปัญหาบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ๕๐ ทำให้พวกตนต้องลุกขึ้นมาชี้ให้เห็นถึงความสองมาตรฐาน แต่กลับไปยกเหตุการณ์ยิงกัน เหตุระเบิดตามสถานที่ต่างๆ มาใส่ เหมือนจงใจทำให้สังคมเข้าใจผิดมองว่าเกี่ยวโยงกับพวกตน ยิ่งเหตุการณ์ที่ถนนสีลมบอกว่ามีการยิงเอ็ม ๗๙ มาจากฝั่งสวนลุมฯ ทั้งที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งเป็นคนเสื้อเหลืองยังบอกว่า น่าจะยิงมาจากบนสถานีรถไฟฟ้าหรือบนสะพานข้ามแยก
“โดยเฉพาะไม่นำข้อสังเกตของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.สมัยนั้นที่พูดภายหลังเหตุปะทะที่สี่แยกคอกวัว ๑๐ เม.ย. ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวหน้าผู้รับผิดชอบสั่งการใช้กำลังแต่งตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เป็นหัวหน้าการสั่งการใช้กำลังแทน แต่พล.อ.อนุพงษ์พูดตอกย้ำว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองอย่าให้ทหารมายุ่ง ถือว่ามีนัยยะสำคัญเพราะรู้ว่าเหตุการณ์นั้นมีคนตายมีประชาชนถูกฆ่า ตรงนี้ถือว่าสำคัญเพราะเป็นเงื่อนไขที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้นายสุเทพไปรับทราบข้อกล่าวหา หากวันนั้นมีการรับทราบข้อกล่าวหา คงไม่มีประชาชนตายขนาดนี้......ผมคงไม่พูดว่าคอป.มีเจตนาจะบิดเบือน แต่ท่านมองข้ามละเว้นและมีการซ่อนเร้นเนื้อหาสำคัญที่กระทบอีกฝั่งไม่ใส่ไว้ แต่ใส่เฉพาะเนื้อหาที่กระทบกับกลุ่มของพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น กลายเป็นประชาชนผิด เพราะยิงใส่ทหารก่อนจนทำให้ทหารต้องยิงตอบโต้นายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ความเห็นของคอป.ล้วนตอกลิ่ม เพิ่มความขัดแย้งทั้งสิ้น หากยังเสนอความเห็นลักษณะนี้คงไม่สามารถสร้างความปรองดองได้
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มนปช.แถลงตอบโต้ผลสรุปรายงานของคอป.โดยระบุว่า หากมองถึงที่มาของคอป.พบว่ามาจากสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายคณิต ณ นคร ประธานคอป. ครั้งหนึ่งเคยร่วมงานกับรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ภายหลังลาออกแล้วมาถูกแต่งตั้งจากพล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์ อดีตนายกฯ ให้เป็นประธานกรรมการตรวจสอบความผิดของรัฐบาลทักษิณเรื่องฆ่าตัดตอน จึงเห็นว่าประธานคอป.มีความเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นทุนอยู่แล้ว คนอย่างนี้หรือที่เป็นกลาง ผลสรุปรายงานคอป.จึงออกมาในลักษณะว่า รากเหง้าของปัญหาทั้งหมดมาจากพ.ต.ท.ทักษิณที่ชนะคดีซุกหุ้น ส่วนนายสมชาย หอมลออ คณะกรรมการคอป.อดีตเอ็นจีโอที่ได้รับประโยชน์จากการรัฐประหาร รายงานของคอป.ฉบับนี้ไม่ได้ค้นหาความจริง แต่บิดเบือนความจริงเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เข่นฆ่าประชาชน
นางธิดากล่าวว่า สิ่งที่รับไม่ได้คือการค้นความจริงของคอป.ไม่ได้เริ่มต้นจากความจริงตามภาวะวิสัย แต่เริ่มจากแนวคิดว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงมีชายชุดดำร่วมอยู่ด้วย พยายามชี้ให้เห็นว่ามีการใช้อาวุธปืนเอ็ม ๗๙ ปืนเอเค ๔๗ ทั้งที่ผลสรุปการชันสูตรผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ กลับไม่มีใครตายด้วยอาวุธเหล่านี้ ข้อมูลที่นำมากล่าวอ้างก็ล้วนแต่เลื่อนลอย บ้างนำมาจากอินเตอร์เน็ต ไม่มีการแยกประเภท ความสำคัญของหลักฐานตามหลักวิชาการ เสียดายเงินภาษีประชาชนที่ต้องเสียไป สิ่งที่ออกมาเหมือนลอกมาจากรายงานของศอฉ. เน้นการนำข้อมูลเฉพาะด้านลบของนปช. และลดความน่าเชื่อถือของประชาชนลง นอกจากเต็มไปด้วยอคติและความเกลียดชังคนเสื้อแดงแฝงอยู่ จึงให้สอบตกทั้งหมด แม้จะมีส่วนดีแฝงอยู่บ้างก็ตาม อย่างไรสิ่งที่กังวลคือ รายงานฉบับเต็มของคอป.ที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ จะทำให้ต่างชาติเข้าใจผิดคนเสื้อแดง ขอเรียกร้องไปยังกลุ่มนักวิชาการศปช.ที่นำเสนอรายงานเหตุการณ์สลายการชุมนุมให้ได้ช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษบ้าง เพื่อนำเสนอให้ต่างชาติรับทราบควบคู่กันว่าผลออกมาต่างกันมาก เพราะองค์กรที่มาจากคนสั่งฆ่าประชาชนจะมาเอาผิดคนที่ก่อตั้งตัวเองได้อย่างไร
นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความเสื้อแดง กล่าวถึงรายงานคอป.ว่า เป็นรายงานที่ไม่สร้างสรรค์และยั่วยุ เกือบทั้งหมดช่วยล้างผิดให้ตัวการสำคัญหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ สร้างมลทินให้กับผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บจะไม่ยอมรับส่วนที่ผิดพลาดของรายงานนี้ ที่พยายามจะแยกระหว่างการที่กองทัพยิงประชาชนมือเปล่าและสิทธิพลเรือนในการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยต่อต้านรัฐบาลที่แต่งตั้งโดยโดยการทำรัฐประหาร
ส่วนที่คอป.นำเสนอรายงานข้อมูลสรุปเรื่องการสังหารผู้ชุมนุมเสื้อแดงปี ๒๕๕๓ นั้น คนเสื้อแดงไม่ยอมรับบทสรุปของรายงานที่ลำเอียงชิ้นนี้ เนื่องจากเป็นความพยายามที่จะล้างความผิดการก่ออาชญากรรม โดยคนกลุ่มเล็กอย่างกลุ่มอำมาตย์ จึงจะสู้ต่อไปเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษเพื่อที่ประชาชนจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงของทหารครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีใครต้องรับผิด
