“เจริญ” อุ้ม “สมศักดิ์” ใช้ภาษีแผ่นดิน 7 ล้าน พาลูก และสื่อในเครือข่ายทัวร์ยุโรปกิน นอนหรู ดูบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษคู่ “แดงเดือด” เป็นการไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับต่างประเทศ อย่ามองเป็นการตอบแทนสื่อที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลหรือหวังล็อบบี้ พ.ร.บ.ปรองดองฯ บอกถ้าเป็นตัวเองคงไม่ไป เหตุงานเยอะ ด้านโฆษกประจำตัวประธานสภาฯ ชิงหนีไม่กล้าพบนักข่าว ด้าน บก.บางกอกโพสต์ แฉทีมงาน “จักรพันธ์” ติดต่อคอลัมนิสต์ส่วนตัวไม่ผ่านกอง บก. แถมแอบอ้าง “วิโรจน์” เป็นคอลัมนิสต์ เตรียมจี้ “ค้อนปลอม-บิ๊ก อสมท” แจง
นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯคนที่ 1 รักษาการประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ได้พาสื่อมวลชนที่มีความใกล้ชิดจำนวน 39 คน เดินทางไปดูงานโครงการรัฐสภาประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส และเบลเยียม ใช้งบประมาณกว่า 7 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเปิดสมัยประชุมสภาว่า เราต้องดูว่าภารกิจของประธานสภาฯ ไปเพื่อการประชุมที่ต่างประเทศและเดินทางต่อเพื่อไปเชื่อมสัมพันธ์กับต่างประเทศซึ่งถือเป็นหน้าที่ของประธานสภาฯ เหมือนกับที่เขาเดินทางมาที่ประเทศไทยถือเป็นประเพณีปฏิบัติของสภาฯ ซึ่งตนทราบเรื่องดังกล่าวจากคำสั่งให้รักษาการประธานสภาฯ และไม่ทราบว่าพาสื่อฯ ไป 3 ประเทศดังกล่าว
ส่วนเรื่องจริยธรรมของประธานสภาฯ จะมีความเหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะมีการพาลูกสาวและคนใกล้ชิดไปด้วย รวมทั้งไปดูฟุตบอลคู่แมนยูฯ และลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลคู่ดังของประเทศอังกฤษด้วยนั้น นายเจริญกล่าวว่า เรื่องของความเหมาะสมอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อยากให้ดูที่ภารกิจมากกว่า ใครจะเดินทางไปด้วยนั้นอยู่ที่แต่ละคนดูแลค่าใช้จ่ายเอง
ส่วนที่ระบุว่ามีการใช้งบประมาณ 1.8 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ก็เชื่อว่าจะมีการชี้แจงรายละเอียด แต่ในส่วนของกลุ่มงานสำนักประธานสภาฯ จะต้องทำรายละเอียดชี้แจงหรือไม่เราไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ แต่เห็นว่าอยากให้คิดบนพื้นฐานสุจริตใจก่อนว่าเป็นไปปฏิบัติหน้าที่จริง ทั้งนี้การตรวจสอบเรื่องจริยธรรมหรือไม่อยู่ที่คณะกรรมการจริยธรรม ในความเห็นตนมองว่าเป็นภารกิจปกติอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิจารณ์ว่าเป็นการเลือกสื่อมวลชนที่เอียงข้างไปล็อบบี้ กม.ปรองดองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ รักษาการประธานสภาฯกล่าวยืนยันว่ากฎหมายปรองดองจะไม่มีการพิจารณาในสมัยประชุมนี้ การไปครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับการไปล็อบบี้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
เมื่อถามว่าเป็นการตอบแทนสื่อฯ ที่มีความใกล้ชิดตัวเองหรือหรือไม่ นายเจริญกล่าวว่า “อย่าไปมองอย่างนั้น” ถามย้ำว่า หากเปลี่ยนสถานการณ์เป็นตัวนายเจริญเองในสภาวะเดียวกับนายสมศักดิ์ในตอนนี้จะทำอย่างไร นายเจริญกล่าวว่าตนมองว่าไม่ต้องไปสมมติ เพราะอยู่สภางานก็เยอะอยู่แล้ว
ส่วนจะใช้โอกาสนี้ปรับปรุงตามกระแสวิจารณ์ที่มองว่า ส.ส.ไปดูงานเพียง 30%และเที่ยว 70% หรือไม่นั้น นายเจริญกล่าวว่า อันนั้นเป็นการมองที่ไม่ปกติ และช่วงที่ตนดูแลงาน กมธ.สภาฯ ก็สนับสนุนให้ไปดูงานต่างประเทศ เพราะสิ่งที่ได้คือจะได้เชื่อมความสำคัญกับต่างประเทศ และไปเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ เมื่อถามว่าย้ำว่า ส.ส.ไปดูงานบ่อยแต่กลับมาสภาฯ ยังไม่เหมือนเดิมและไม่มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น นายเจริญกล่าวว่า ตนมองว่าอย่าเพิ่งไปก้าวก่ายเรื่องนี้เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานได้พยายามสอบถามเรื่องนี้แก่นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาฯ เพราะก่อนหน้านี้ได้ออกมายืนยันว่านายสมศักดิ์ไม่มีภารกิจดังกล่าวอย่างแน่นอน แต่หลังจากความแตกมา 2 วัน ก็ไม่รับโทรศัพท์และไม่สามารถติดต่อได้เลย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้พยายามสอบถามนายสมพล วณิตพันธุ์ รองเลขาธิการสภาฯ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องงานต่างประเทศของสภาฯ และร่วมดูงานดังกล่าวด้วยเคยยอมรับว่า เป็นภารกิจของนายสมศักดิ์ที่จะไปดูงานรัฐสภาอังกฤษจริง แต่ในส่วนของสื่อมวลชนจำนวนมากที่ไปร่วมคณะไปด้วยนั้น ตนไม่ทราบ
นอกจากนี้ยังรับทราบจากบริษัท Sky Light Elegance ซึ่งเป็นบริษัท ที่รับผิดชอบทริปนี้ ยืนยันว่า นายนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ จากเดอะเนชั่น ที่ออกมาระบุผ่าน เฟซบุ๊กว่า ได้รับติดต่อไปดูงานจริง แต่ตัวเองไม่ไปเพราะต้องจัดรายการทุกเช้า และอยู่ดูแลแม่ พร้อม ดูฟุตบอลคู่แดงเดือดที่เมืองไทย” นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะนายนภพัฒน์จักษ์ มีปัญหาเรื่องวีซ่าไม่ผ่าน จึงไม่ได้ไปร่วมทริป ซึ่งไม่ได้เกิดจากเจตนาของตัวเองที่ไม่ต้องการไปแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม นายนภพัฒน์จักษ์ได้ออกมายืนยันผ่านทวิตเตอร์ @noppatjak โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงเพราะวีซ่าตนไม่มีปัญหา แต่ไม่ไปเพราะการตัดสินใจด้วยตัวเอง
“วีซ่าผ่านครับ ผมบอกเขาเองว่าไม่ไป บอกเมื่อวานนี้ครับ ก่อนมีข่าวอีก เป็นการตัดสินใจของผมเองว่าไม่ไปครับ ผู้ใหญ่บอกว่าอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ให้ดูเนื้อหาว่าได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมไหม ระหว่างนั้นผมก็เลยทำเรื่องทำวีซ่าว่าอาจจะไป แต่สองคืนก่อนหน้านี้ ผมเห็นรายชื่อคนไปทั้งคณะแล้วไม่สบายใจมาก บวกกับตารางที่จะไปก็เน้นเที่ยวมากกว่างาน จึงปฏิเสธเด็ดขาดว่าไม่ไป ปฏิเสธก่อนเป็นข่าว ปฏิเสธด้วยความรู้สึกตัวเอง เขาบอกแล้วว่าวีซ่าผ่านล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ผมก็ไม่ไปครับ นี่ก็อยู่ที่ไทย” นักข่าวหนุ่มจากเครือเนชั่นกล่าวชี้แจง
นายนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ นักข่าวจากเครือเนชั่นชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก
ด้าน นายจิรทัศน์ นิวัฒน์ภูมินทร์ บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ให้สัมภาษณ์ว่า ทางกอง บก.ของบางกอกโพสต์ได้รับทราบเรื่องนี้จากนักข่าวในพื้นที่ จากนั้นเราก็ได้ตรวจสอบในสารบบว่ามีชื่อนายวิโรจน์ อาลี เป็นนักเขียน คอลัมนิสต์ของเราหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าไม่มีชื่อดังกล่าวเคยเขียนเรื่องให้บางกอกโพสต์เลย
ดังนั้นเราจึงพยายามประสานไปยังนายวิโรจน์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ติดต่อไปยังบริษัททัวร์เพื่อแจ้งนายวิโรจน์ติดต่อกลับ ซึ่งเมื่อนายวิโรจน์ติดต่อกลับมา เขาก็ได้ปฏิเสธไม่ทราบเรื่องการเดินทางไปในฐานะที่เป็นคอลัมนิสต์ของบางกอกโพสต์ แต่ได้รับเชิญจากรัฐสภาในฐานะที่เป็นนักวิชาการ เพื่อไปดูงานเรื่องการระบายน้ำที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งการแอบอ้างที่เกิดขึ้นนั้นนายวิโรจน์ไม่ทราบ แต่ต้องขอโทษด้วย และเมื่อเดินทางกลับมาจะชี้แจงอีกครั้ง
นายจิรทัศน์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวทางบางกอกโพสต์ไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพียงแค่ต้องการชี้แจงให้สังคมทราบว่าเราไม่มีคอลัมนิสต์ชื่อดังกล่าวที่ร่วมเดินทางไปกับทริปประธานสภาฯ ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม กำหนดการนี้เราทราบมาก่อนประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยมีเลขาฯของนายจักรพันธุ์ ยมจินดา ติดต่อมายังคอลัมนิสต์ของบางกอกโพสต์ โดยตรงไม่ผ่านกอง บก. เพื่อเชิญให้ร่วมทริปดังกล่าว แต่ทางคอลัมนิสต์ของเราได้ปฏิเสธไป เนื่องจากเห็นว่าระยะเวลาเดินทางยาวนานเกินไป และกำหนดการก็มีเรื่องงานน้อยมาก และทางเราก็ไม่ส่งใครไปแทน เรื่องก็น่าจะจบตรงนั้น แต่เมื่อปรากฎชื่อคนที่อ้างว่าเป็นคอลัมนิสต์ของเรา ซึ่งไม่เป็นความจริง เราก็ต้องดำเนินการชี้แจง แต่หลังจากนี้เราก็ต้องขอความชัดเจนกับประธานสภาฯ และนายจักรพันธุ์ต่อไปว่าเหตุการณ์อย่างนี้ได้อย่างไร