รายงานการเมือง
ท่าทางจะเอาไม่อยู่ น่ากลัวจะดูไม่จืดซะแล้ว ในเรื่องปัญหาน้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้นชั่วโมงนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความหนาวสั่นขวัญผวาให้ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” จนนั่งไม่ติด วิตกจริตขึ้นสมอง!!
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ต้องรีบกุลีกุจอไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์ถึงสุโขทัย หลังเกิดเหตุน้ำท่วมเฉียบพลัน ก่อนจะออกมาปั้นหน้าแถลงไขให้ประชาชนสบายใจได้ บอกด้วยอาการหน้าชื่น (แต่อกตรม) ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ พร้อมรับประกันว่าปีนี้ “เอาอยู่คร่าาาา”
ทว่า ใครหลายคนไม่เชื่อตามลมปากหวานหูของนายกฯหน้าสวยแต่ไร้สมอง เพราะเหตุการณ์ยังไม่สงบลงอย่างที่พร่ำบอก ปรากฏว่าแนวบิ๊กแบ็กเอาไม่อยู่สุโขทัยระทมอีกเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ประกอบกับหลายพื้นที่น้ำก็ผุดขึ้นมาท่วมท้นจนชาวบ้านลำบากลำบนไปตามๆ กัน
เมื่อกางนิ้วนับเวลาเกือบ 1 ปีที่รัฐบาลมีเวลาบริหารจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นส่อเค้าว่าจะเสียเวลาเปล่าประโยชน์ ชาวบ้านยังขนหัวลุก ไม่อาจวางใจในชีวิตและทรัพย์สินได้แม้เพียงเสี้ยวนาที หวั่นไหวว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิม!!
เรื่องไหนๆ ก็ไม่ทำให้รัฐบาลตื่นตกใจเท่าเรื่องนี้ เพราะมหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 ยังเป็นฝันร้ายที่คนครึ่งค่อนประเทศจำติดตา และไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก รัฐบาลจะอายุสั้น ไปไม่รอดก็ด้วยจนแต้มในเรื่องนี้ ถ้าเอาไม่อยู่ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ฉะนั้นรัฐบาลหุ่นเชิดต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันและเอาน้ำให้อยู่หมัด
ตลอดปีที่ผ่านมาสิ่งที่ประชาชนเห็นจนชินตา ได้ยินจนรำคาญหูจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็คือการใช้อำนาจอย่างเมามันหมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการช่วยเหลือ “ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหลบหนีคดี พยายามทุกวิถีทาง ใช้ทั้งเล่ห์ทั้งกล เพื่อนำตัวนายใหญ่ตลอดกาลที่ต้องระหกระเหินอยู่ต่างประเทศไม่ได้กลับบ้านเกิดนานกว่า 6 ปี กลับสู่มาตุภูมิให้ได้
ภาพของความเอาใจใส่จริงจังที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนั้นไม่ปรากฏเห็นเด่นชัด นอกจากการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสารพัดชุด แล้วก็ทะเลาะฟาดงวงฟาดงากันไปมา สับสนอลหม่านจนชาวบ้านงุนงงปนเอือมระอา
เอาเข้าจริง “ยิ่งลักษณ์” นายกฯนกแก้ว ก็ต้องเป็นคนลุยออกหน้าด้วยตัวเองก่อนใครเพื่อน เพราะไม่มั่นใจเอาเสียเลยในสิ่งที่สุมหัวทำกันมาตลอดทั้งปี ทั้งยังตระหนักดีว่าความไว้วางใจ ความเห็นอกเห็นใจที่ประชาชนมอบให้ ในฐานะนายกฯ มือใหม่หัดขับ จะมลายหายไปอย่างแน่นอน หากการบริหารจัดการน้ำในปีนี้ห่วยแตกเหมือนปีก่อน!!
ดูเหมือนว่าภาพที่สะท้อนให้เห็นลางๆ วันนี้ ฟ้องเชิงประจานว่าแผนบริหารจัดการน้ำฉบับ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ที่รัฐบาลพยายามพูดกรอกหูชาวบ้านทุกวี่วันตลอด 1 ปี เป็นเพียงแต่วาทกรรมสวยหรูที่สร้างภาพว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจัง
แต่แท้จริงแทบไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นอัน แม้แต่คนกันเอง คนที่ทำงานอยู่ในคณะกรรมการชุดเดียวกัน ยังอดรนทนไม่ไหวออกมาจวกยับรัฐบาลวางแผนมั่วซั่วบริหารไร้ระบบ ผลาญงบ 3.5 แสนล้านไปวันๆ
ด่ายับไม่ไว้หน้าตั้งคนไม่มีความรู้เรื่องน้ำอย่าง ปลอดประสพ สุรัสวดี มาเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำหรือ กบอ. เหมือนตั้งมัคคุเทศก์มือสมัครเล่นไม่รู้เหนือรู้ใต้มาพาเดินไปสู่หุบเหว ซ้ำร้ายยังหัวแข็งไม่รับฟังความเห็นต่าง
กูรูซือแป๋เก่งมาจากไหนไม่เคยฟัง ใครค้านจ้องถีบกระเด็น ถือว่าตัวเองมีอำนาจสิทธิ์ขาด ทำให้คนที่จะเสนอความเห็นด้วยความหวังดีก็ได้แต่อ่อนอกอ่อนใจ พูดจนปากจะฉีกถึงหูก็คงไร้ความหมาย
“ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” ด้วยความโกรธแค้นหลายคนอยากให้ “ปลอดประสพ” ได้เจอกับสิ่งนี้จะได้เลิกผยองกันมั่ง ทว่าด้วยจรรยาบรรณ และจิตสำนึกในห้วงลึกแล้วนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำทั้งหลายย่อมไม่อาจนิ่งดูดายปล่อยให้น้ำท่วมบ้านเกิดเมืองนอนโดยไม่ช่วยอะไรเลย
เพราะมันจะกลายเป็นตราบาปในจิตใจที่ล้างไม่ออกจนวันที่ต้องไปนอนคุยกับรากมะม่วง ท้ายที่สุดก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากก้มหน้าก้มตาทำงานไปตามหน้าที่ที่ถูกขีดเส้นไว้เท่านั้น!!
แต่ปัญหาสำคัญเหนืออื่นใด เกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออกในรัฐบาลเครือข่ายทักษิณ หนีไม่พ้นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน เหมือนควันกับไฟ ตะไลกับพลุ
ได้ยินผ่านหู รับรู้ผ่านสายตา แทบไม่เว้นวางแต่ละวัน แม้ไม่เห็นกันโต้งๆ แต่ก็รับรู้และนินทากันในหลายแวดวงว่ามันมีอยู่จริง ทว่ายิ่งนับวันก็ยิ่งแนบเนียน พลิกเปลี่ยนหลีกหนีการตรวจสอบ
ไม่ต้องอื่นไกลแม้แต่คนในเครือข่ายข้าราชการที่สนองงานรับใช้ฝ่ายการเมืองยังออกมาเปิดเผยตอกย้ำความสงสัยของสังคม ทุจริตงบเยียวยาน้ำท่วม ชักหัวคิวกินเปอร์เซ็นต์จากผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล เป็นข้อมูลลับที่ส่อเค้าความเป็นจริงและถูกตีแผ่มากขึ้นเรื่อยๆ
การหากินอย่างเป็นขบวนการไล่ตั้งแต่นักการเมืองเรื่อยไปจนถึงข้าราชการชั้นผู้น้อย เป็นที่รู้กันจากข้อมูลเชิงประจักษ์ แม้แต่เด็กนมเพิ่งแตกพานยังดูออก เพราะไม่ว่าหมู่บ้านนี้ ตำบลไหน ก็พูดกันให้แซดถึงเรื่องฉาวๆ โฉ่ๆ เหล่านี้
ป.ป.ท.เปิดโปงว่ามีการทุจริตเงินเยียวยาน้ำท่วมกว่า 500 ล้านบาท ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นระบุว่างบประมาณโครงการป้องกันน้ำท่วมทั้งสิ้น 3.5 แสนล้านบาท กลายเป็นวงเงินทุจริตถึง 2.5 แสนล้านบาท ทุจริตกันเป็นขบวนการ
โดยมี “เจ๊ ด.” เป็นตัวการใหญ่ จัดสรรกินแบ่งกันถ้วนหน้า
หรืองบประมาณที่หว่านลงไปไม่อั้นกับการแก้ไขปัญหาอุกทกภัย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เป็นความทุกข์ร้อนของประชาชนชาวไทยมาชั่วนาตาปี จะถูกตัดตอนประสิทธิภาพลงไปอย่างร้ายกาจด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน
หรืองประมาณก้อนใหญ่จะถูกแทะเล็มระหว่างทางจนกัดกร่อน บนความอิ่มหนำสำราญของฝ่ายการเมือง ที่ “กินแบ่ง” ไปถึงข้าราชการ เหลือเพียงเศษซากติดกระดูก ให้ชาวบ้านรอคอยความหวังในการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนกันต่อไป ไม่เป็นไปที่ตามสโลแกนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่อวดอ้างว่า “พอกันทีกับน้ำท่วมน้ำแล้ง”
พื้นที่ที่รัฐบาลดูจะเอาจริงเอาจังมากเป็นพิเศษก็คือกรุงเทพมหานคร เพราะรู้ดีว่ากระแสคนกรุงอ่อนไหวและมีผลสะท้านสะเทือนรุนแรง หากวันใดร้องยี้ไม่เอารัฐบาล วันนั้นก็อยู่ลำบาก เกมการเมืองระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กับ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องน้ำๆ จึงฟาดฟันกันรุนแรง โยนขี้ใส่กันจนมอมแมม
แต่สัญญาณจากคนกรุงเองชี้ชัดว่ายังไร้ความเชื่อมั่น เพราะแค่ฝนตกไม่กี่ห่ายังท่วมขังขนาดนี้ ถ้ามรสุมหอบเอาฝนมาอีกสองสามรอบ ประกอบกับน้ำเหลือไหลบ่ามาถึงมันจะเหลืออะไร หลายคนไม่กล้านึกภาพ
วันนี้รัฐบาลกลัวน้ำ ยิ่งกว่าปัญหาอะไรทั้งหมด เพราะถ้าล้มเหลวเมื่อไหร่พังทันที เปรียบไปก็ไม่ต่างจากสุนัขบ้า วิตกจริตกลัวน้ำ
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเอ่ยอ้างต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วไม่เคยคิดนึกที่ล้างผลาญความทุจริต พิกลพิการในใจตัวเองเลย...